หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 8 ชะตา
ตอนที่ 8
ชะตา
“สำเร็จแล้ว อาจารย์ ดูสิมีดเล่มนี้ข้าตีเองกับมือเลยนะ”เสียงของหลินฟานดังลั่นไปทั่วโรงตีเหล็กเล่นเอาเสียงค้อนของอาวุโสหมิงซานต้องหยุดชะงักลงอย่างช่วยไม่ได้เพราะท่าทีของหลินฟานยามนี้ท่าทางจะดีใจเกินเหตุไปหรือเปล่า แต่หลินฟานเพิ่งจะใช้โลหะตีมีดเล่มใหม่ขึ้นมาได้ แม้ไม่ได้ทำเป็นอาวุธแต่หลินฟานก็สร้างมีดเล่มนี้ได้ดีทีเดียว
“ยังแกร่งไม่พอ”อาวุโสหมิงซานเห็นมีดก็พูดตำหนิออกมาหน้าตาเฉยเสียอย่างนั้น มีดที่หลินฟานตีแม้จะเป็นมีดที่รูปทรงสมส่วนและสวยงามดี แต่ในมุมมองของช่างตีเหล็กระดับหมิงซานแล้วกลับมองว่ายังอ่อนหัดนัก หากหลินฟานจะสร้างอาวุธระดับราชันขั้นที่ 10 ผลงานเท่านี้ยังไม่ถือว่าสมควรโอ้อวด
“แต่….ก็ถือว่าดีสำหรับมือใหม่ มีดของเจ้ารูปทรงไม่เลว แต่น้ำหนักค้อนยังไม่มั่นคงทำให้ขจัดสิ่งเจือปนออกไปได้ไม่หมด แต่ถ้าในระดับอาวุธธรรมดานับว่าอยู่ในระดับกลางได้กระมัง”อาวุโสหมิงซานพูดเหมือนจะชม หรืออาจจะตำหนิ แต่จากนิสัยที่เอ่ยปากชมคนอื่นไม่เก่งแล้วนับว่านี่ใกล้เคียงกับคำชมที่สุดแล้วทำเอาหลินฟานที่ได้ฟังถึงกับยิ้มไม่หุบ
“อาจารย์ช่างเข้มงวดนักขอรับ เช่นนั้นศิษย์ขอตัวไปฝึกฝนต่อ”หลินฟานว่าพลางประสานมือคารวะอาวุโสหมิงซานแล้วขอตัวออกไป หลินฟานอาศัยอยู่ในบ้านของอาวุโสหมิงซานมาได้เดือนกว่าแล้ว ทุกวันศึกษาวิชาตีเหล็กทั้งในตำราและทดลองสร้างจริง รวมถึงในแต่ละวันก็ยังทำตัวเป็นอาจารย์สอนสั่งหนิงหลงเรื่องพลังวิญญาณอีกด้วย แม้ในใจจะยังร้อนรุ่มเพราะเรื่องของตระกูล แต่ถ้าจัดการเรื่องทั้งหมดจนเรียบร้อย บางทีหลินฟานอาจจะขออยู่ที่นี่ต่อก็ได้
“ศิษย์พี่….ข้าไม่เข้าใจขอรับว่าเราจะสังเกตจุดหลอมเหลวของแร่เกล็ดนิลได้ยังไง ในเมื่อรูปร่างภายนอกมันไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย”ในช่วงค่ำหลินฟานจุดเทียนอ่านตำราที่อาวุโสหมิงซานสั่ง หากมีเรื่องสงสัยอะไรก็จะเอ่ยถามหนิงหลงที่เข้ามาอ่านตำราร่วมด้วยเสมอ วันนี้เองก็เช่นกันหลินฟานเกิดสงสัยว่าการหลอมแร่เหล็กที่ชื่อว่าเกล็ดนิลนั้นเป็นเช่นไร เหล็กชนิดนี้ไม่เปลี่ยนรูปไม่ละลายเหมือนแร่ชนิดอื่นๆ แต่หากโดนความร้อนมากๆก็จะอ่อนตัวลงจนสามารถตีได้ แต่ถ้าความร้อนมากเกินไปก็จะทำให้มันเสียความแข็งแกร่งสูงสุด เพราะแบบนั้นการใช้ความร้อนกับแร่เหล็กชนิดนี้เลยละเอียดอ่อนอย่างมาก
“ท่านเห็นตารางตรงนี้หรือไม่ขอรับ อาจารย์ใช้เวลาเป็นเดือนๆเพื่อศึกษาแร่ชนิดนี้ ท่านแค่เอาน้ำหนักของมันไปคำนวณเปรียบเทียบกับค่าความหนาแน่นในตารางนี้ขอรับแล้วท่านจะได้ความร้อนและระยะเวลาที่เหมาะสม”หนิงหลงอธิบายพลางชี้ไปที่อีกหน้าของตำรา แร่ชนิดนี้ไม่เปลี่ยนรูป ต่อให้วางอยู่ในกองไฟก็ไม่แม้แต่จะเปลี่ยนสี เพราะงั้นเลยไม่อาจดูจากภายนอกได้ การจัดการกับแร่เหล็กชนิดนี้เลยต้องอาศัยความรู้ที่สั่งสมมาจากคนยุคเก่าเท่านั้น
“นี่มัน ยากกว่าการจำเคล็ดกระบี่อีกมั้ง”หลินฟานทำหน้าเบ้ก่อนจะลองมองตารางบนหน้ากระดาษ ตารางที่ใช้ถี่ยิบแทบจะทุกกรัมของแร่ชนิดนี้ รวมกับความรู้เรื่องแร่อื่นๆมีหวังหลินฟานได้สมองแตกตายแน่ๆ
“ทีท่านยังบังคับให้ข้าท่องจำเคล็ดกระบี่เลย สำหรับข้านั่นจำยากกว่าเยอะ”หนิงหลงทำหน้ามุ่ยออกมาเหมือนไม่พอใจ ก่อนหน้านี้หลังจากหนิงหลงจดจำเคล็ดการฝึกฝนร่างเซียนสถิตได้จนหมด หลินฟานก็เลยสอนวิชากระบี่แถมให้อีกหน่อย
“จริงสิ งั้นพรุ่งนี้ข้าจะสอนวิชาอื่นให้อีก”หลินฟานหัวเราะออกมาก่อนจะมองหนิงหลงด้วยท่าทีเอ็นดู ยามนี้หนิงหลงเริ่มรู้สึกว่าพระเจ้าอาจจะเริ่มใจดีกับตนขึ้นบ้างแล้วก็ได้
.
.
.
พรึบ……
ในช่วงสายของวันหนึ่งระหว่างหลินฟานกำลังฝึกสอนวิชากระบี่ให้หนิงหลงเอาไว้สำหรับป้องกันตัว อยู่ๆก็มีนกสีฟ้าตัวหนึ่งบินร่อนลงมาที่แขนของหลินฟานพอดี แถมตัวหลินฟานเองก็ยังยกมือขึ้นรับมันตามความเคยชินอีกต่างหาก
“…………..”แม้จะรับนกเอาไว้ด้วยท่าทีเหมือนเคยทำมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ใบหน้าของหลินฟานยามนี้กลับอึ้งราวกับได้พบเจอสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่จริงบนโลกนี้ไม่มีผิด แต่เจ้านกตัวนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดอะไร แถมยังเป็นพันธุ์ที่อาณาจักรมังกรครามมักใช้เป็นนกส่งสารอีกต่างหาก
“พี่หลิน มีอะไรหรือขอรับ”หนิงหลงเห็นหลินฟานเลิกสอนไปกลางคัน แถมยังเอาแต่อ่านจดหมายที่มากับนกตัวนั้นอีกต่างหาก
“ฮะๆ……พระเจ้า ท่านใจร้ายกับข้าเกินไปหรือเปล่า”หลินฟานหัวเราะออกมาด้วยมือที่สั่นเทา เนื้อหาในจดหมายนั้นสั้นมาก เพียงแค่บอกว่ามีคำสั่งยกเลิกภารกิจขององครักษ์หลวงหลินฟาน แล้วเปลี่ยนแปลงคำสั่งให้กลับมารับโทษทันทีที่ได้รับจดหมายอีกด้วย
“มันเป็นแบบนี้ได้ไง”อาวุโสหมิงซานถามด้วยท่าทีไม่พอใจ ไหนตอนแรกบอกว่าให้เวลาหลินฟานเป็นสิบๆปีไม่ใช่หรือยังไง อยู่ๆคำสั่งขององค์จักรพรรดิก็เปลี่ยนไปงั้นหรือ เรื่องไร้สาระเช่นนี้ก็มีด้วยหรือไง
“น่าจะเป็นพวกที่พยายามเล่นงานตระกูลข้าช่วยกันกดดันองค์จักรพรรดิแน่ขอรับ”หลินฟานว่าพลางยิ้มบางๆออกมาราวกับตนเองไม่เป็นอะไร
“อาจารย์ ศิษย์พี่ หลินฟานขอบคุณพวกท่านมากที่ช่วยเหลือข้า แต่วาสนาของพวกเราคงหมดลงแค่นี้ข้าน้อยหลินฟานต้องขอลา”หลินฟานลุกขึ้นยืนก่อนจะประสานมือคารวะอาวุโสหมิงซานกับหนิงหลงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะตัดสินใจจากไป ในจดหมายระบุเอาไว้ว่าหากหลินฟานกลับมารับโทษ องค์จักรพรรดิจะละเว้นโทษประหารยกตระกูลให้ นั่นเหมือนกับการสวมปลอกคอบังคับให้หลินฟานกลับไปนั่นล่ะ
“เดี๋ยวก่อน….”อาวุโสหมิงซานรั้งตัวหลินฟานเอาไว้ไม่ยอมให้ออกไปทั้งๆแบบนั้น อาวุโสหมิงซานแม้จะไม่สนิทสนมกับหลินฟานเท่าหนิงหลง แต่ก็เอ็นดูหลินฟานในช่วงที่ผ่านมาในฐานะศิษย์คนหนึ่ง ยิ่งเห็นหลินฟานสนิทกับหนิงหลงที่แทบจะไม่ต่างกับบุตรชายของตนด้วยแล้ว อาวุโสหมิงซานก็ไม่อาจปล่อยให้หลินฟานกลับไปตายทั้งๆแบบนี้ได้
“ตามข้ามา”อาวุโสหมิงซานเดินขึ้นไปที่ชั้น 2 ของบ้านพร้อมบอกให้หลินฟานและหนิงหลงตามขึ้นไป บนชั้นสองนั้นห้องหนึ่งเป็นห้องของอาวุโสหมิงซาน อีกห้องเป็นห้องตำราที่พวกหลินฟานและหนิงหลงใช้ศึกษาวิชา แต่บนนั้นยังมีอีกห้องที่อาวุโสหมิงซานเอาไว้ใช้เก็บของ ซึ่งตัวหลินฟานไม่เคยเข้าไปมาก่อน
“หนิงหลง เจ้าไม่อยากให้หลินฟานกลับไปโดนประหารใช่หรือไม่”อาวุโสหมิงซานถามพลางเปิดห้องเก็บของเข้าไปด้านใน ภายในห้องนี้มีกล่องไม้และของใช้ทั่วไปวางเอาไว้เต็มไปหมดเหมือนห้องเก็บของธรรมดา เพียงแต่อาวุโสหมิงซานไม่ได้จะมาหยิบจอบเสียมให้หลินฟานอย่างแน่นอน
“ขอรับ”หนิงหลงย่อมไม่อยากให้หลินฟานตายอยู่แล้ว แม้ช่วงหลังๆจะแกล้งกันไปมานิดหน่อย แต่นอกจากอาจารย์และคนในหมู่บ้านแล้ว หลินฟานก็เป็นคนที่หนิงหลงสนิทสนมด้วยที่สุดทำให้หนิงหลงไม่อยากให้หลินฟานต้องตายเป็นธรรมดา
“ข้าเองก็เหมือนกัน….”อาวุโสหมิงซานว่าพลางนำกล่องใบหนึ่งออกมา มันเป็นกล่องที่ทำจากไม้ลงเงาสีดำสนิท แต่ดูจากความยาวของมันแล้วน่าจะเป็นกล่องอาวุธไม่ผิดแน่
“กระบี่เล่มนี้เป็นกระบี่ที่พ่อของหนิงหลงมาขอร้องให้ข้าตีขึ้น มันเป็นของที่พ่อของหนิงหลงเตรียมเอาไว้ให้กับหนิงหลง”อาวุโสหมิงซานว่าพลางถือกล่องไม้มายืนตรงหน้าหลินฟาน
“มันเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของข้า หากเจ้านำมันไปชีวิตของเจ้าอาจจะ…..”อาวุโสหมิงซานพูดเช่นนี้แสดงว่ากระบี่เล่มนี้คงเป็นกระบี่ระดับราชันขั้นที่ 10 ไม่ผิดแน่ แต่เพราะมันเป็นของหนิงหลง อาวุโสหมิงซานก็เลยไม่คิดจะให้มันกับหลินฟานมาตั้งแต่แรก แต่ถึงจะเอาออกมาให้หลินฟานก็….
“อาจารย์ ภารกิจของข้าถูกยกเลิกไปแล้วขอรับ ต่อให้ข้าเอาอาวุธระดับราชันขั้นที่สิบไปด้วยก็อาจจะยังโดนลงโทษอยู่ดี”หลินฟานส่ายหน้าช้าๆเพราะไม่อาจรับกระบี่ของหนิงหลงมาได้ และเนื้อหาในจดหมายนั่นยังทำให้หลินฟานทราบอีกด้วยว่ายามองค์จักรพรรดิโดนกดดันมากแค่ไหน บางทีแค่นำกระบี่ระดับราชันขั้นที่ 10 กลับไปก็อาจจะแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้
“ไม่ต้องกลัว กระบี่เล่มนี้จะทำให้ศัตรูของเจ้าแพ้พ่ายไปเอง”อาวุโสหมิงซานส่ายหน้าช้าๆก่อนจะเปิดกล่องไม้ออก พริบตาที่กล่องไม้ขยับกำไลมิติที่อยู่บนข้อมือของหลินฟานถึงกับขยับราวกับถูกกระตุ้น แต่สิ่งที่กำลังลนลานไม่ใช่กำไลมิติ แต่เป็นกระบี่ลิ้นมังกรที่อยู่ในนั้นต่างหาก
กึก……
“……………”ราวกับเวลาหยุดเดิน ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาหลินฟานแทบจะเผลอลืมหายใจ กระบี่สีเงินที่วางอยู่บนผ้ากำมะหยี่สีดำสนิทเล่มนี้เพียงมองก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ทรงพลัง กระบี่เล่มนี้ตกแต่งเพียงเล็กน้อยแต่กลับให้ความรู้สึกงดงามราวกับไม่ใช่สิ่งของบนโลก บนใบกระบี่สลักตัวอักษรคำว่า หนิงหลง เอาไว้เพราะเป็นกระบี่ที่บิดาของหนิงหลงตั้งใจจะมอบให้บุตรชาย แต่ถึงอย่างนั้นไม่ว่าจะมองมันอย่างไร กระบี่เล่มนี้ก็…..
“กระบี่ระดับเซียน…..อาจารย์ ท่านล้อข้าเล่นแน่ๆ ของเช่นนี้จะให้ข้าเอากลับอาณาจักรได้อย่างไร”หลินฟานเบิกตากว้างด้วยความตกใจ อาวุธระดับเซียนนั้นสร้างยากอย่างมาก ชั่วชีวิตของช่างตีเหล็กอัจฉริยะในอดีตก็ยังสร้างได้เพียงคนละชิ้นเท่านั้น ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีคนที่สามารถสร้างอาวุธระดับเซียนได้ถึง 2 ชิ้นเช่นนี้
“ข้าจะมอบให้เจ้าหรือเปล่าไม่สำคัญหรอก”อาวุโสหมิงซานที่ถือกล่องกระบี่เอาไว้มองไปทางหนิงหลง ก่อนจะยื่นกล่องกระบี่ไปให้หนิงหลงราวกับจะบอกว่า ผู้เป็นเจ้าของกระบี่เล่มนี้คือหนิงหลง จะมอบให้หลินฟานหรือไม่ขึ้นอยู่กับหนิงหลงเพียงผู้เดียวแล้ว
“ศิษย์พี่ อาวุธระดับเซียนต่อให้ใช้ชีวิตคนทั้งตระกูลข้ามาแลกมันก็ไม่คุ้มหรอกนะขอรับ”หลินฟานส่ายหน้าช้าๆด้วยท่าทีไม่เห็นด้วย มันมากเกินไปอาวุธระดับเซียนนี้ไม่ใช่ของที่เพียงจะแลกเปลี่ยนก็ทำได้ มันสามารถทำให้อาณาจักรมังกรครามยิ่งใหญ่ขึ้นได้ รวมถึงทำให้อาณาจักรข้างเคียงหวาดผวาได้อีกด้วย อย่างที่อาวุโสหมิงซานบอก ขอเพียงถือกระบี่เล่มนี้กลับไป ไม่ว่าหลินฟานจะยื่นเงื่อนไขอะไรเหล่าขุนนางรวมถึงองค์จักรพรรดิก็ย่อมยอมทำตามเพื่อให้ได้ครอบครองอาวุธชิ้นนี้อยู่แล้ว ต่อให้ต้องประหารตระกูลฝ่ายที่เล่นงานหลินฟานแทนก็ตาม