หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 5 คำเตือน
ตอนที่ 5
คำเตือน
“ขอบใจนะจ๊ะ มีดของช่างหมิงใช้ดีจริงๆ คราวหน้ายายจะฝากไปลับใหม่นะ”หญิงชราคนหนึ่งในหมู่บ้านพูดกับหนิงหลงที่นำมีดมาส่งด้วยท่าทีใจดีก่อนจะมองมีดที่ฝากให้อาวุโสหมิงซานช่วยลับให้ด้วยท่าทีพึงพอใจ เพราะค้อนสดับทศทิศไม่สามารถยกขึ้นได้ อาวุโสหมิงซานก็เลยอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านใกล้ๆจุดที่ค้อนอยู่ไปเลย ทำให้ทั้งอาวุโสหมิงซานทั้งหนิงหลงกลายเป็นคนในหมู่บ้านไปโดยปริยาย
อาวุโสหมิงซานไม่ทำอาวุธอีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทิ้งงานตีเหล็กไป ท่านยังคงรับทำจอบเสียมรวมไปถึงลับคมมีดและเครื่องใช้ต่างๆให้คนในหมู่บ้านอยู่ตลอดโดยมีหนิงหลงคอยนำของมาส่งตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว
“ว่าแต่….พ่อหนุ่มคนนี้ใครงั้นหรือ”ยายหลิว หญิงชราที่หนิงหลงนำมีดมาส่งถามพลางมองไปทางหลินฟานที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยท่าทีสงสัย หลายปีนี้หนิงหลงนำของมาส่งคนเดียวหรือมากับอาวุโสหมิงซานตลอด ไม่เคยเห็นคนอื่นมาช่วยแบบนี้เลย
“ข้ามีนามว่าหลินฟานขอรับเป็นศิษย์น้องของศิษย์พี่หนิงหลงขอรับ”หลินฟานว่าพลางยิ้มกว้างด้วยท่าทีเป็นมิตร วันนี้หนิงหลงมาส่งของให้คนในหมู่บ้าน หลินฟานก็เลยอาสามาช่วยเพราะของที่ต้องเอามาส่งมีน้ำหนักมากไม่ใช่เล่นๆเลย แถมหลินฟานก็ต้องอยู่ที่นี่อีกนานรู้จักคนในหมู่บ้านเอาไว้ถือเป็นเรื่องจำเป็น
“พี่หลิน ท่านยายท่านนี้ชื่อท่านยายหลิวขอรับ ท่านยายมักฝากพวกเราลับมีดกับทำเครื่องครัวบ่อยๆ แล้วท่านยายก็เป็นคนสอนข้าทำอาหารด้วยขอรับ”หนิงหลงแนะนำท่านยายหลิวให้หลินฟานรู้จักเหมือนที่ทำกับทุกคนในหมู่บ้าน
“เอ๊ะ เป็นคนสอนศิษย์พี่ทำอาหารหรือขอรับ”หลินฟานได้ยินก็มีท่าทีตกใจทันที หลังจากได้ทานอาหารฝีมือหนิงหลงแล้วหลินฟานถึงกับเกิดอาการกังวลไปเลยว่าหากกลับไปที่อาณาจักรมังกรครามแล้วจะหาคนฝีมือเทียบเท่าหนิงหลงได้จากไหน อาหารของหนิงหลงรสชาติดีขนาดนั้นเลยล่ะ ไม่นึกเลยว่าคนสอนให้หนิงหลงทำอาหารจะเป็นท่านยายท่านนี้
“ใช่แล้ว ยายเห็นว่าช่างหมิงทำอาหารไม่เก่ง ยายก็เลยสอนหนิงน้อยทำแทนเท่านั้นเอง”ยายหลิวยิ้มด้วยท่าทีอ่อนโยนก่อนจะลูบหัวหนิงหลงด้วยท่าทีเอ็นดู
“ท่านยายหลิว ท่านเคยทำงานในห้องครัวของวังหลวงที่ไหนมาหรือเปล่าขอรับ”หลินฟานถามออกไปด้วยท่าทีจริงจังอย่างมาก บอกตามตรงถ้ามีเรื่องอย่างท่านยายหลิวจริงๆแล้วเคยเป็นหัวหน้าแม่ครัวในวังหลวงสักแห่งหลินฟานก็ไม่แปลกใจเลย
“ต๊าย พ่อหนุ่มปากหวานจริงๆนะ อย่าล้อคนแก่เล่นแบบนี้สิ”ยายหลิวหัวเราะด้วยท่าทีขำขันก่อนจะหยิกแก้มหลินฟานด้วยท่าทีเอ็นดู
“เอ๋ นั่นข้าพูดจริงนะขอรับ”หลินฟานตอบด้วยท่าทีจริงจังเช่นเดิม ท่านยายแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องหรือเปล่า แต่ท่าทางของท่านก็ไม่ได้เหมือนปกปิดอะไรไว้นี่นา
.
.
.
“เป็นหมู่บ้านที่อบอุ่นดีจังเลยนะขอรับ ท่านยายหลิวให้ผักมาตั้งเยอะแน่ะ”หลินฟานถือตะกร้าผักกลับมาแทนห่อมีดและจอบเสียมพูดด้วยท่าทียิ้มแย้ม คนในหมู่บ้านใจดีกับหนิงหลงมาก ทำให้พวกเขาต้อนรับหลินฟานที่มากับหนิงหลงอย่างอบอุ่นทีเดียว ระหว่างทางกลับบ้านหลินฟานเลยอดไม่ได้ที่จะชื่นชมคนในหมู่บ้านอย่างออกหน้าออกตา
“ตัดสินใจแล้ว หลังจากข้าจัดการเรื่องราวทั้งหมดแล้วข้าจะปลดเกษียณแล้วมาใช้ชีวิตบั่นปลายที่หมู่บ้านนี้ขอรับ”หลินฟานว่าพลางมองไปทางหมู่บ้านด้วยท่าทีผ่อนคลาย แต่อารมณ์ดีได้ครู่เดียว หลินฟานก็สังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติในหมู่บ้านเข้าพอดี
“ท่านพ่อ เจ้านั่นไงเด็กที่เอาถังไม้ฟาดหัวข้า”ทันทีที่หลินฟานมองไปทางหมู่บ้าน หลินฟานก็พบว่ายามนี้ทางเข้าหมู่บ้านมีชายกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้ามาพอดี แถมคนที่อยู่ด้านหน้ายังชี้มาทางหนิงหลงอีกต่างหาก
“ศิษย์พี่ หลบข้างหลังข้าก่อนขอรับ”หลินฟานว่าพลางวางตะกร้าผักลงกับพื้น เจ้าคนที่มาหาเรื่องหนิงหลงคราวก่อนกลับมาอีกแล้ว แถมยังพาคนมามากกว่าเดิมอีกต่างหาก แม้ในกลุ่มจะไม่มีผู้คุ้มกัน 2 คนก่อนหน้านี้ แต่ก็มีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณคนใหม่เข้ามาด้วย ท่าทางเจ้าพวกนั้นจะเก่งกว่าเจ้า 2 คนก่อนหน้านี้หลายเท่าทีเดียว
“เจ้าสินะที่ทำร้ายบุตรชายของข้า ได้ข่าวว่าที่หมู่บ้านนี้มีช่างตีเหล็กฝีมือดีคนหนึ่งที่สามารถทำอาวุธวิเศษได้ทั้งที ถ้ายอมทำอาวุธให้บุตรชายของข้าก็ได้รับรางวัลไปแล้วแท้ๆ”บิดาของชายที่มาหาเรื่องพูดด้วยท่าทีวางตัวใหญ่โตอย่างมาก แต่จากเครื่องแต่งกายที่หรูหราและผู้คุ้มกันมีฝีมือแล้ว ท่าทางเจ้าหมอนี่ก็ไม่ใช่คนชนชั้นธรรมดาเช่นกัน
“เจ้าต้องการอะไร หากคิดจะทำร้ายศิษย์พี่กับอาจารย์ของข้า ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปเด็ดขาด”หลินฟานได้ยินแบบนั้นก็เดินออกมาเตรียมประจันหน้ากับกลุ่มคนตรงหน้าทันที คราวก่อนเขาหมดแรงเลยเกือบจะช่วยหนิงหลงไม่ได้ แต่คราวนี้ไม่เหมือนกัน หลินฟานฟื้นฟูพลังงานมาเต็มที่แล้ว คนพวกนี้ขอเพียงพริบตาเดียวก็จัดการได้ทันทีเสียด้วยซ้ำ
“ไอ้บ้านนอก กล้ามาขึ้นเสียงกับข้างั้นเหรอ ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอนั่นทำร้ายลูกชายข้า อาจารย์ของมันทำร้ายคนของข้า ถ้าเจ้าไม่อยากตายไปด้วยก็ถอยไปซะ”บิดาของชายที่เข้ามาหาเรื่องมองหลินฟานตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยท่าทีดูถูก เพราะต้องเริ่มฝึกวิชาตีเหล็กหลินฟานก็เลยไม่ได้สวมเสื้อผ้าหรูหราเช่นปกติ ส่วนเครื่องประดับก็ไม่ได้ใส่แม้แต่ชิ้นเดียวเพราะต้องการมาพบคนในหมู่บ้านด้วย ทำให้หลินฟานยามนี้ไม่ต่างจากคนอื่นๆในหมู่บ้านนัก
“ท่าทางคงคุยกันไม่รู้เรื่องสินะ”หลินฟานถอนหายใจออกมาก่อนจะมองเหล่าผู้คุ้มกันนิ่ง เจ้าพวกนี้เริ่มเดินออกมาล้อมหลินฟานเอาไว้แล้ว ท่าทางจะสัมผัสพลังวิญญาณของหลินฟานได้แน่ๆ
ฟุบ….
หลินฟานเรียกกระบี่ประจำตัวออกมาจากกำไลข้อมือเพื่อเตรียมจะต่อสู้ แต่ทันทีที่เห็นหลินฟานนำกระบี่ออกมาเหล่าคนรอบข้างกลับแสดงท่าทีตื่นตกใจออกมาเสียอย่างนั้น
“กำไลมิติ….”เหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณรอบๆต่างหันไปมองหน้ากันทันที กำไลมิติเป็นกำไลที่สามารถใส่สิ่งของเข้าไปข้างในได้ นอกจากจะดีกับการเดินทางแล้วยังสะดวกสบายอย่างมากอีกด้วย แต่เพราะความสะดวกของมันประกอบกับความหายากทำให้ราคาของมันไม่ใช่เล่นๆเลย
“กระบี่นั่นมัน……กระบี่ลิ้นมังกร”แต่ท่ามกลางความตื่นตกใจของคนอื่นๆ บิดาของชายที่เข้ามาหาเรื่องกลับมองไปที่กระบี่ของหลินฟานเสียมากกว่า กระบี่ของหลินฟานนั้นเป็นกระบี่รูปหัวมังกรโดยมีใบกระบี่ออกมาจากปากของมังกรเหมือนกับลิ้นตามชื่อกระบี่อีกด้วย
“รู้จักด้วยงั้นเหรอ”หลินฟานได้ยินว่าอีกฝ่ายรู้จักกระบี่เล่มนี้ก็ลดกระบี่ลงเพราะท่าทางจะไม่ต้องลงไม้ลงมือกันแล้ว
“ขะ ขอรับ…..หนึ่งในอาวุธประจำตัวของสี่องครักษ์วังหลวงแห่งอาณาจักรมังกรคราม ข้าน้อยศึกษาเรื่องอาวุธมาบ้างจำไม่ผิดหรอกขอรับ”บิดาของชายที่เข้ามาหาเรื่องพูดพลางเปลี่ยนท่าทีเป็นประสานมืออย่างรวดเร็ว กระบี่ลิ้นมังกรเป็นกระบี่ระดับราชันขั้นที่ 5 ซึ่งถือว่าเป็นอาวุธล้ำค่าเกินกว่าพวกตนจะคิดแตะต้อง แต่ไม่ใช่เท่านั้น กระบี่เล่มนี้ยังเป็นกระบี่ประจำตำแหน่งของหนึ่งใน 4 องครักษ์หลวงแห่งอาณาจักรมังกรครามอีกด้วย
“แล้วเจ้าพวกนี้จะให้ข้าจัดการหรือจะเรียกพวกมันกลับไปเอง”หลินฟานถามพลางปล่อยพลังวิญญาณของตนออกมา พลังวิญญาณขององครักษ์หลวงแห่งอาณาจักรมังกรครามนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทนได้ แค่ปล่อยพลังวิญญาณออกมาเหล่าผู้คุ้มกันของชายตรงหน้าก็ขาสั่นระริกด้วยความกลัว
“ทราบแล้วขอรับ พวกเจ้ากลับมาเดี๋ยวนี้ ห้ามรบกวนคุณชาย”บิดาของชายที่เข้ามาหาเรื่องพูดพลางเรียกของคนมานั่งคุกเข่าเบื้องหน้าของหลินฟาน ระดับของผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณก็มีการแบ่งระดับขั้นเหมือนอาวุธนั่นล่ะ หากเทียบคนพวกนี้เป็นอาวุธวิเศษระดับต่ำ หลินฟานก็เป็นอาวุธวิเศษระดับราชันแล้ว มันห่างกันขนาดนั้นเลย
“วันนี้ข้าอารมณ์ดี เลยจะปล่อยพวกเจ้าไป แต่ถ้าพวกเจ้ากลับมาที่นี่ หรือรบกวนศิษย์พี่ท่านนี้ของข้าอีก ข้าจะเล่นงานพวกเจ้าเสียให้หนัก”หลินฟานว่าพลางเก็บกระบี่ของตนไป หมู่บ้านแห่งนี้สงบสุขร่มรื่นอย่างมาก หลินฟานไม่อยากให้ศพของพวกมันทำให้บรรยากาศของหมู่บ้านแปดเปื้อน
“เอ๊ะ ศิษย์พี่…….”เหล่าผู้มาหาเรื่องมองตากันด้วยท่าทีงุนงง เหตุใดองครักษ์หลวงแห่งอาณาจักรมังกรครามถึงได้ประสานมือเรียกเด็กน้อยข้างตัวว่าศิษย์พี่กัน
“พวกเจ้ายังไม่ไปกันอีกงั้นเหรอ หรือจะรอให้ข้าเปลี่ยนใจ”หลินฟานถามพลางเอามือแตะไปที่กำไลข้อมืออีกครั้งเหมือนจะเรียกกระบี่ออกมาอีกรอบ แต่ทำได้เท่านั้นเหล่าคนที่มาหาเรื่องก็วิ่งหนีหายไปเสียแล้ว
“กลับกันเถอะขอรับศิษย์พี่ เจ้าพวกน่ารำคาญไปกันหมดแล้ว”หลินฟานไล่เจ้าพวกคนที่มาหาเรื่องเสร็จก็ยกตะกร้าผักกลับขึ้นมาถือแล้วชวนหนิงหลงที่กำลังมองมาทางหลินฟานด้วยท่าทีอึ้งๆกลับบ้าน แต่….
“พี่หลิน ข้าขอดูกำไลนั่นหน่อยได้หรือเปล่าขอรับ”หนิงหลงจ้องมาทางกำไลข้อมือของหลินฟานตาเป็นประกาย หากมองผ่านๆกำไลที่หลินฟานใส่ก็เหมือนกำไลเชือกผูกกับหินประดับธรรมดา หากหลินฟานไม่ใช้งานให้เห็นหนิงหลงก็ไม่ทราบหรอกว่ามันคือกำไลมิติ
“กำไลนี่ น่าสนใจหรือขอรับ”หลินฟานเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย แม้จะราคาแพง แต่กำไลมิติเหล่านี้ขอเพียงมีเงินก็หามาได้ สำหรับหลินฟานที่ใช้ชีวิตในวังหลวงเห็นทุกคนใส่กันจนชินซะแล้ว
“ข้าสงสัยมานานแล้วขอรับว่ามันสร้างอย่างไร ข้าเคยอ่านแต่ในตำราของอาจารย์เพิ่งจะได้เห็นของจริงนี่ล่ะ”หนิงหลงตอบพลางเดินเข้าไปมองข้อมือของหลินฟานด้วยดวงตาเป็นประกาย สมแล้วที่เป็นศิษย์ของช่างตีเหล็ก แทนที่จะสนใจราคาของมันเขากลับสงสัยเรื่องการสร้างมันขึ้นมามากกว่า มิน่าเล่าหนิงหลงถึงสามารถเรียนรู้เรื่องการตีเหล็กได้รวดเร็วนัก เพราะมีความใฝ่รู้เช่นนี้เอง
“จริงสิ อาจารย์สั่งให้ข้าสอนเคล็ดฝึกฝนพลังวิญญาณให้ศิษย์พี่ในวันพรุ่งนี้นะขอรับ ยังไงก็ทำใจเอาไว้ในหน่อยนะขอรับ”หลินฟานนึกถึงเรื่องความรู้เกี่ยวกับการตีเหล็กขึ้นมาได้ก็เพิ่งจะนึกออกว่าตนเองต้องเริ่มสอนวิชาให้หนิงหลงพรุ่งนี้แล้ว
“พวกเราจะฝึกพลังวิญญาณกันไม่ใช่หรือขอรับ ทำไมต้องทำใจด้วย”หนิงหลงถามด้วยท่าทีงุนงง ก่อนหน้านี้อาจารย์ก็สอนพื้นฐานการฝึกฝนพลังวิญญาณมาบ้างแล้ว มันก็แค่นั่งสมาธิแล้วรวบรวมพลังวิญญาณรอบตัวเท่านั้นไม่ใช่หรือ
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้เองขอรับ”หลินฟานยิ้มอย่างมีเลศนัย แต่กลับไม่ตอบคำถามของหนิงหลงเสียอย่างนั้น ตกลงแล้วหนิงหลงต้องทำใจเกี่ยวกับอะไรงั้นหรือ?