หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 43
หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร
ตอนที่ 43
เกี่ยวข้อง
กึก…..
หนิงหลงยื่นมือไปจับค้อนสดับทศทิศก่อนจะออกแรงดึงเท่าที่จะทําได้ กําลังของหนิงหลงยามนี้เหนือกว่าคนธรรมดาหรือ แม้แต่ในหมู่ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณเองก็ยังนับว่าโดดเด่น แต่ถึงอย่างนั้นหนิงหลงก็ยังไม่สามารถยกค้อนสดับทศทิศขึ้นได้อยู่ดี
“……” เพราะอาจารย์ฝึกฝนร่างกายมาอย่างหนักและได้รับพลังจากสมุนไพรหายากที่มีโชคได้กินเข้าไป ทําให้อาจารย์ไม่สามารถสอนได้ว่าต้องทําอย่างไรถึงจะยกค้อนอันนี้ขึ้น แม้แต่หลินฟานหรือหยางเยี่ยนเหว่ยเหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับสูงที่หนิงหลงได้รู้จักก็ยังไม่มีใครมีเคล็ดวิชาที่ช่วยเพิ่มพละกําลังโดยตรงเพื่อใช้ยกค้อนสดับทศทิศได้เลย ตอนนี้แม้ไฟของหนิงหลงแม้จะยังไม่แรงพอ แต่ก็สามารถพัฒนาเพิ่มเติมได้อีกหลังจากดูดซับพลังธาตุของอสูรระดับ 4 เข้ามาในร่าง แต่ก็ยังมีวัสดุอีกจํานวนมากที่ต่อให้หลอมจนอ่อนตัวแล้วก็ยังต้องใช้กําลังจากค้อนในการเปลี่ยนรูปร่างอยู่
แต่การที่หนิงหลงยังยกค้อนไม่ขึ้นตอนนี้ทําให้หนิงหลงผ่อนคลายลงนิดหน่อย อย่างน้อยช่างตีเหล็กในนี้ก็ไม่มี ใครยกมันขึ้น แม้แต่เหล่าผู้นําของพรรคยอดศาสตราก็ยังไม่มีใครยกมันขึ้นยกเว้นเพียงซีเฉิงประมุขของพรรคเท่านั้น แม้จะดีกว่าหากหนิงหลงสามารถยกมันได้หรือเอามาเก็บไว้ในกําไลมิติได้ แต่อย่างน้อยตอนนี้มันก็ไม่ถูกคนอื่นเอาไปแน่ๆ
หนิงหลงเดินขึ้นมาบนชั้นแรกของวังเหนือศาสตรา ที่นี่เป็นเหมือนห้องพักของเหล่าช่างตีเหล็กที่ทํางานอยู่ด้านล่าง แม้จะบอกว่าเป็นวังแต่บนชั้นแรกก็มีเพียงห้องขนาดเล็กหลายพันห้องเรียงต่อกันราวกับเป็นคอกของสัตว์เลี้ยง เสียมากกว่า โดยในชั้นด้านบนเองก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน นอก จากห้องน้ําและห้องนอนรวมถึงห้องครัว สิ่งที่หนิงหลงสนใจอยากจะขึ้นมาตรวจสอบก็คือ ห้องตํารา ของวังเหนือศาสตรานั่นเอง
จากที่ฟังช่างตีเหล็กคนอื่นๆเล่ามา ชั้นใต้ดินเป็นเหมือนชั้น สําหรับทํางาน ส่วนสถานที่ศึกษาก็คือห้องตําราที่อยู่มุมหนึ่งของชั้นแรก ห้องนี้เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในชั้นที่ช่างตีเหล็กธรรมดาสามารถเข้ามาได้ และภายในก็มีตํารามากมายวางเอาไว้บนชั้นจริงๆ เพียงแต่
“……” ภายในห้องตํารามีช่างตีเหล็กขึ้นมาศึกษาไม่มากในวังเหนือศาสตราแห่งนี้มีช่างตีเหล็กมากมายจนน่าตกใจ แต่ก็เพราะคนเหล่านั้นบ้างโดนจับตัวมาบ้างก็โดนซื้อตัวมา ทําให้หลายคนไม่มีทักษะเกี่ยวกับการอ่านเขียน คนพวกนั้นเลยเลือกที่จะก้มหน้าก้มตาทํางานอยู่ด้านล่างไม่ได้ขึ้นมาศึกษาด้านบนแต่อย่างไร
“นี่มัน…” หนิงหลงเดินไปที่ชั้นตําราก่อนจะทดลองหยิบตําราบนชั้นลงมาอ่าน หนิงหลงชอบอ่านตําราเกี่ยวกับการตีเหล็กอยู่แล้ว เรื่องการศึกษาข้อมูลพวกนี้เป็นเรื่องที่หนิงหลงถนัดเลยก็ว่าได้ เพียงแต่ทันทีที่เปิดตําราออกอ่านหนิงหลงก็พบว่าเนื้อหาในตําราทั้งหมดมีใจความเหมือนกับตําราในห้องตําราของอาจารย์ไม่มีผิด
พรึบ…..
หนิงหลงเดินไปหยิบตําราทั่วห้องก่อนจะกางออกอ่านด้วยท่าที่ประหลาดใจ ในยุคสมัยนี้การเขียนตําราใช้การเขียนมือทั้งหมด การที่ตําราจะเหมือนกันทุกระเบียบนิ้วนั่นก็หมายความว่าเกิดจากการคัดลอกด้วยมือเท่านั้น และการที่มีตําราเช่นนี้อยู่ในห้องตําราของวังเหนือศาสตราและในห้องทํา ราของบ้านอาวุโสหมิงซาน นั่นก็หมายความว่าจะต้องเกิดจากการคัดลอกเอาเท่านั้น…
แต่….อาจารย์หวงตําราในห้องมาก ถึงขั้นห้ามหนิงหลงกับหลินฟานเอาออกไปอ่านในหมู่บ้านเลยด้วยซ้ำ อย่างน้อยการที่มีเล่มคัดลอกอยู่ที่นี่ก็หมายความว่าอาจารย์จะต้องเกี่ยวข้อง กับสถานที่แห่งนี้แน่ๆ หรือบางที่อาจารย์อาจจะเป็นหนึ่งในช่างตีเหล็กที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้มาก่อนงั้นเหรอ?
“ไม่มีเล่มต่องั้นเหรอ” หนิงหลงเดินดูตําราภายในห้องก่อนจะสะดุดเข้ากับเคล็ดการหลอมโลหะที่เคยอ่านเข้าพอดี ตําราชุดนี้ปกติจะมีด้วยกัน 8 เล่ม แต่บนชั้นกลับมีเพียง 3 เล่มเท่านั้น
“พี่ชาย ท่านเห็นตําราเรื่องการหลอมโลหะเล่มต่อหรือไม่ขอรับ” หนิงหลงเดินเข้าไปถามชายคนหนึ่งที่นั่งอ่านตําราอยู่กลางห้อง บนโต๊ะของเขามีตําราหลายเล่มวางอยู่ท่าทางจะคุ้นเคยกับห้องตําราห้องนี้ไม่น้อย
“อ๋อ….ที่นี่ไม่มีหรอก เคล็ดหลอมโลหะพวกนั้นเห็นว่าเข้าใจยากเกินไปก็เลยอยู่บนห้องตําราชั้นสี่ของพวกช่างตีเหล็กมีฝีมือโน่นล่ะ” ชายคนนั้นตอบก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านตําราต่อ อย่างที่บอกชั้น 4 และ 5 ของวังเหนือศาสตราเป็นชั้นสําหรับช่างฝีมือที่ได้รับการยอมรับจากพรรคยอดศาสตราแล้ว บางทีตําราที่มีเนื้อหาซับซ้อนอาจจะถูกย้ายไปอยู่ที่ชั้นบนก็เป็นได้
“ขอบคุณขอรับ” หนิงหลงขอบคุณสําหรับคําตอบของอีกฝ่ายก่อนจะลองไล่ดูตําราในห้องไปอีกสักพัก ที่นี่มีตําราส่วนใหญ่เหมือนกับห้องตําราของอาวุโสหมิงซานก็จริง แต่ตําราที่มีความยากระดับหนึ่งกลับถูกแยกออกไป แต่ก็มีบางเล่ม ที่ห้องตําราของอาวุโสหมิงซานไม่มีเช่นกัน โดยเฉพาะตํารา ฝึกฝนพลังวิญญาณที่แยกออกมาอีกด้านหนึ่งของห้องตํารา
บนชั้นตําราเหล่านี้มีเคล็ดฝึกฝนพลังวิญญาณวางเอาไว้ สําหรับช่างตีเหล็กที่อยากจะฝึกฝนพลังวิญญาณเพิ่มเติม และไม่ใช่เท่านั้นบนชั้นยังมีเคล็ดเสริมพลัง และตําราฝึกฝนการควบคุมไฟอีกด้วย เรียกได้ว่าเตรียมพร้อมสําหรับช่างตีเหล็กมาอย่างดีเลยก็ว่าได้ หากมีตําราเกี่ยวกับกระบวนท่าหรือวิชาต่อสู้ห้องนี้ก็เหมือนห้องตําราของสํานักฝึกฝนพลังวิญญาณด้านนอกเลย แต่ก็เหมือนกับตําราวิชาตีเหล็กนั่นละ บนชั้นมีเพียงเคล็ดวิชาทั่วๆไป ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยแม้แต่น้อย
“………..” หลังจากสํารวจห้องตําราแล้ว หนิงหลงก็เดินออกมายังทางเดินของชั้นแรกก่อนจะออกเดินไปทั่ววังเพื่อจดจํารูปแบบของวังเหนือศาสตราเอาไว้ ที่นี่ดูเผินๆเหมือน วังธรรมดาก็จริง แต่หน้าต่างทุกบานของที่นี่ถูกสร้างให้เป็นตารางสี่เหลี่ยมขนาดเล็กเหมือนกันหมด แถมยังทําเสียหนาจนไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปในหน้าต่างเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน แถมทางเข้าออกก็ยังมีทางเดียวไม่มีทางอื่น ทําให้การหนีออกไปเป็นเรื่องยาก ต่อให้หนิงหลงใช้ค้อนที่พกมาด้วยทุบช่องหน้าต่างเพื่อออกไป ก็ยังมีคนของพรรคยอดศาสตราคอยเฝ้าระวังอยู่ตลอด แม้จะไม่ทราบว่าคนพวกนั้นระดับฝี มือเท่าไหร่ แต่ดูจากการที่ซีเฉิงมันปล่อยให้หนิงหลงอยู่ในนี้ โดยไม่กักขังอะไรเอาไว้เลยมันก็คงมั่นใจว่าคนของมันจะจับหนิงหลงเอาไว้ได้แน่ๆ
“ท่าทางเจ้าจะเริ่มสนใจที่นี่บ้างแล้วนี่นา” ระหว่างเดินสํารวจวังเหนือศาสตราอยู่นั้น อยู่ๆที่ด้านหน้าของหนิงหลงก็มีชายคนหนึ่งเดินสวนเข้ามาหาพร้อมคนของพรรคยอดศาสตราเสียก่อน แน่นอนว่าชายคนนั้นก็คือคนที่จับตัวหนิงหลงมาที่นี่อย่าง ซีเฉิง นั่นเอง
“แก…” หนิงหลงเห็นใบหน้าของซีเฉิงก็มีท่าที่โมโหออกมา ทันที ศัตรูที่สังหารอาจารย์ของตนไม่มีทางที่หนิงหลงจะอารมณ์ดีเพราะเจอหน้ามันได้หรอก
เปรี้ยง!
เพราะพวกมันเหลือค้อนเอาไว้ให้หนิงหลง ทําให้หนิงหลง แทบจะคว้าค้อนที่เอวของตนเข้าไปโจมตีซีเฉิงทันที แต่คนที่ออกมารับไม่ใช่ซีเฉิงแต่เป็นเหล้าลูกน้องของมันต่างหาก
“ไอ้เด็กนี่…. ” ชายที่ออกมารับค้อนของหนิงหลงเอาไว้เบิกตากว้างด้วยความตกใจ พลังวิญญาณของหนิงหลงยังอยู่ระดับทองเท่านั้น แต่แรกกระแทกที่ส่งมานี่กลับหนักหน่วงจนแขนของเขาปวดขึ้นมาเลย กําลังระดับนี้เจ้าหนูนี่ต้องการจะสังหารประมุขของพวกตนเลยไม่ใช่หรือไง
“ตายซะ” ชายคนนั้นกําค้อนของหนิงหลงเอาไว้แน่นก่อน จะเหวียงดาบของตนเข้าใส่ร่างของหนิงหลงเพื่อจะสัง หารผู้ปองร้ายประมุขของตน
กึก…
“ห้ามฆ่า”ซีเฉิงจับดาบของลูกน้องตนเองเอา ไว้ด้วยมือเปล่าก่อนจะบังคับให้ลูกน้องของตนเองลดดาบลงพรรคยอดศาสตราก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างอาวุธวิเศษขึ้นมา พวกเขาลงทุนทั้งจับตัวซื้อตัวหรือแม้แต่เลี้ยงดูช่างตีเหล็กมีฝีมือเพื่อสร้างอาวุธวิเศษให้กับพรรคของตนรวมถึงทํา การแลกเปลี่ยนซื้อขายด้วย แม้บางที่จะมีช่างตีเหล็กใช้การไม่ได้ก็เลยฆ่าทิ้งไปบ้าง แต่หนิงหลงไม่ใช่ช่างตีเหล็กไร้ประโยชน์ ซีเฉิงเลยยังอยากจะเก็บหนิงหลงเอาไว้และไม่อยากฆ่า แต่ไม่ฆ่าก็ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยให้หนิงหลงทําอะไรก็ได้
ผลัก!!!
ซีเฉิงปล่อยลูกน้องของตนเอง ก่อนจะคว้าคอของหนิงหลงแล้วดันร่างของหนิงหลงกระแทกลงพื้นอย่างแรงจนหนิงหลงแทบกระอักเลือดออกมาเสียด้วยซ้ํา เพราะคราวก่อนพยายามทําให้หนิงหลงสลบแต่ก็ไม่สําเร็จทําให้ซีเพิ่งทราบว่าหนิงหลงทนมือทนเท้ากว่าที่คิด ก็เลยลงมือหนักได้โดยไม่ต้องกลัวหนิ่งหลงจะตาย
“ไอ้หนู ข้าจับเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อให้เจ้าสร้างอาวุธให้กับพรรคของเรา จงใช้ฝีมือของเจ้าสร้างประโยชน์ให้พรรคของเราซะ” ซีเฉิงบีบมือของตัวเองหนักกว่าเดิมเพื่อรัดคอของหนิงหลงจนหนิงหลงแทบจะหายใจไม่ออก กําลังของมันน่ากลัวมากต่อให้หนิงหลงพยายามแกะมือเท่าไหร่ก็ไม่มีท่าที่จะหลุดออกจากฝ่ามือของมันเลย
“ไม่มีทาง…” หนิงหลงปฏิเสธก่อนจะพยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุมของซีเฉิง
“ที่ข้ายังไว้ชีวิตเจ้าก็เพราะเจ้าสร้างอาวุธได้ แต่ถ้าสร้างไม่ได้แล้ว…ก็ไร้ประโยชน์เหมือนกับอาจารย์ของเจ้า” ซีเฉิงว่าพลางบีบมือของตนแรงขึ้นเหมือนจะบอกว่าตนเองยังไม่ได้ออกแรงบีบเต็มที่เสียด้วยซ้ำ หากมันลงมือต่อให้ร่างกายของหนิงหลงทนทานกว่านี้ก็คอหักตายได้เหมือนกัน
“ข้าให้เวลาเจ้าตัดสินใจหนึ่งอาทิตย์ ถ้าข้ายังไม่เห็นผลงานของเจ้าข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ” ซีเฉิงว่าพลางบีบคอของหนิงหลงแน่นกว่าเดิมอีกหน่อยก่อนจะปล่อยให้หนิงหลงเป็นอิสระ เพื่อจะไว้ชีวิตหนิงหลงไปก่อน
ซีเฉิงสังหารช่างตีเหล็กในตํานานเพราะเขาไม่สามารถสร้างอาวุธได้อีกแล้ว หากหนิงหลงไม่สร้างอาวุธให้ซีเฉิงก็อาจจะฆ่าได้อย่างง่ายดายก็ได้ คําขู่ของมันจึงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอย่างแน่นอน
“ไอ้เลว…” หนิงหลงกัดฟันด้วยความโมโห มันสังหารอาจารย์แถมยังจับตนเองมาอีก ต่อให้หนีออกไปได้ก็ไม่ใช่สิ่งที่หนิงหลงต้องการอีกแล้ว สิ่งเดียวที่หนิงหลงต้องการในตอนนี้ก็คือสังหารเจ้าเลวซีเฉิงให้ได้เท่านั้น