หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 42 รับจดหมาย
หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร
ตอนที่ 42 รับจดหมาย
รับจดหมาย
ฟุบ!! ฉึก!!!
ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งแหวกอากาศ เข้าไปปักกลางลําตัวของนกตัวหนึ่งที่กําลังบินเข้ามาในหุบเขาทําเอานกที่โดนยิงตายคาที่ก่อนจะร่วงลงมากระแทกพื้นอย่างน่าสงสาร แต่ทว่าผู้ที่ยิงมันจนตกลงมานั้นก็ไม่อาจปล่อยให้มัน เข้าไปในเขตหุบเขาได้เพราะเจ้านกตัวนี้ดันมีจดหมายแนบมาที่ขาด้วย
“อสูรปักษา….สําหรับส่งจดหมายงั้นเหรอ” ชายที่ถือธนูเอาไว้ในมือเดินมายังจุดที่นกตกลงมาก่อนจะดึงกระบอกจดหมายที่ผูกมากับขานกออกมาดู อสูรระดับตํารูปร่างนกตนนี้เป็นอสูรที่นิยมใช้ส่งจดหมายมากเพราะนอกจากจะบิน ได้อึดแล้วยังมีความสามารถพิเศษในการตามหาคนอีกด้วย แต่ ถึงจะบอกว่ามันเป็นที่นิยม แต่มันก็เป็นอสูรที่มีราคาค่าตัวแพงไม่น้อยเลย เพราะงั้นคนที่ส่งจดหมายมาคงต้องใช้เงินมากทีเดียวในการฝึกอสูรตนหนึ่งให้ส่งจดหมายไปหาคนๆหนึ่งได้
“ฮะๆ…นึกว่าจะเป็นจดหมายสําคัญอะไรซะอีก แค่จดหมายแจ้งข่าวเท่านั้นเอง” ชายที่ใช้ธนูยิงนกจนตกลงมาหัวเราะด้วยท่าที่ไม่อยากจะเชื่อเพราะเนื้อหาในจดหมายแทนที่จะเป็นเนื้อหาสําคัญ แต่กลับเป็นจดหมายเหมือนครอบครัวส่งหากันเท่านั้น โดยเนื้อหานั้นบอกเล่าถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ อี้เฟยได้เดินทางมาถึงอาณาจักรมังกรครามและได้เข้าพักในบ้านของผู้ส่งจดหมายแล้วเท่านั้น เป็นจดหมายที่ไร้สาระไม่สมกับที่ใช้อสูรปักษาส่งจดหมายเลย
“ท่าทางเจ้าคนส่งมันจะยังไม่รู้สินะว่าเจ้าเด็กที่ชื่อหนิงหลงเนี่ยอยู่ที่ไหน” ชายที่ถือธนูหัวเราะก่อนจะหันไปหาเพื่อนๆที่อยู่ด้านหลัง ในเขตหุบเขายอดศาสตราแห่งนี้ห้ามผู้ใดเข้าออกตามใจ ไม่มีทางที่จะปล่อยให้อสูรปักษาบินผ่านได้อยู่แล้ว
“งั้นก็เอาจดหมายไปส่งให้เจ้านั่นหน่อยก็แล้วกัน” ชายอีกคนตอบพลางเดินเข้าไปหยิบซากศพของอสูรปักษาขึ้นมาแล้ว โยนให้คนที่อ่านจดหมายของหนิงหลงด้วยท่าทีขําๆ ได้จดหมายแบบนี้ไปก็เท่านั้นเพราะอสูรปักษาตายแล้วหนิงหลงที่ว่าก็ไม่สามารถตอบกลับจดหมายได้หรอก
“ฮ้าๆ เจ้านั่นคงน้ําตาตกแน่ๆ” ชายอีกคนหัวเราะออกมาก่อนจะเดินตามสหายเข้าไปในหุบเขาด้วยท่าทีสบายอารมณ์ หุบเขายอดศาสตราแห่งนี้เป็นเหมือนแร่ขนาดใหญ่ที่มีแร่หายากอยู่มากมาย ในอดีตมีช่างตีเหล็กกลุ่มหนึ่งเข้ามาตั้งรกรากเพื่อใช้แร่เหล็กในพื้นที่นี่สร้างอาวุธ แต่หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องมากมายจนเหมืองแร่ถูกยึดครองโดยพรรคยอดศาสตราทําให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่ปิดห้ามผู้ใดเข้าออกโดยไม่ได้รับอนุญาตไป
“ไอ้หนู มีจดหมายมาส่ง” ชายชุดดําเดินเข้ามาในอาคารขนาดใหญ่ราวกับเป็นพระราชวังที่สร้างทับเหมืองแร่เอาไว้ภาย ในราชวังแห่งนี้มีคนมากมายอาศัยอยู่ด้านใต้ และหนึ่งในนั้นก็คือ หนิงหลง ที่ถูกจับมานั่นเอง
ด้านใต้ราชวังที่ถูกเรียกว่าราชวังเหนือศาสตราแห่งนี้มีเหล่าช่างตีเหล็กอยู่มากมาย เพียงแต่ช่างตีเหล็กส่วนใหญ่ไม่ได้ เต็มใจเข้ามาอยู่ที่นี่แม้แต่น้อย แน่นอนว่าหนิงหลงเองก็เช่นกัน หากเป็นไปได้หนิงหลงก็อยากจะออกไปจากที่นี้แต่เพราะราชวังเหนือศาสตราแห่งนี้มีคนของพรรคยอดศาสตราเฝ้าเอาไว้ตลอดเวลา กําลังของหนิงหลงตอนนี้ไม่สามารถหนีออกไปได้ เพราะกําลังสําคัญของพรรคยอดศาสตราก็คือชายร่างใหญ่ที่เป็นคนจับหนิงหลงมานั้นเอง ลําฟังไอ้เจ้านั้นก็ทําให้หนิงหลงไม่สามารถหนีได้แล้ว ยังจะมีเหล่ายอดฝีมือของพรรคยอดศาสตราคอยเฝ้าระวังไม่เคยขาดอีกต่างหาก ทําให้ในสถานที่แห่งนี้ไม่มีใครหนีออกไปได้ แม้ในกลุ่มช่างที่ เหล็กจะมีคนระดับพลังวิญญาณสูงพอสมควรก็ตาม
“………” หนิงหลงมองร่างของอสูรปักษาที่หลินฟานใช้ส่งจดหมายให้ตัวเองด้วยท่าที่ตกใจ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ตอนนี้หนิงหลงอยู่ใต้วังเหนือศาสตรามาพักใหญ่แล้ว ทําให้รู้ว่าคนที่จับตนเองมานั่นคือประมุขของพรรคยอดศาสตราพรรคขนาดเล็กที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแผ่นดิน ว่ากันว่าพรรคยอดศาสตราแม้มีสมาชิกน้อยแต่ก็รวมเหล่ายอดฝีมือเอาไว้มากมาย แถมคนพวกนี้นิยมชมชอบการใช้อาวุธวิเศษเป็นอย่างมาก ถึงขั้นประมุขของพรรคในอดีตลงทุนเข้ามายึดหุบเขายอดศาสตราแห่งนี้เพื่อนําช่างตีเหล็ก จากหลากหลายสถานที่มาสร้างอาวุธวิเศษที่นี่เลยทีเดียว
“อย่าทําหน้าโมโหแบบนั้นสิ พวกเรายอมให้เข้าเป็นกรณีพิเศษเลยนะ ปกติพวกเรายิงนกส่งสารตายก็เผาจดหมายทิ้งเลยไม่เอามาให้อ่านแบบนี้หรอก” ชายในชุดดําซึ่ง เป็นคนของพรรคยอดศาสตราหัวเราะออกมาเบาๆ จริงๆแล้วพวกเขาไม่ได้ใจดีอะไรกับหนิงหลงหรอก เพราะพวกเขาอ่านจดหมายแล้วทราบว่าเนื้อหาจดหมายไม่ได้มีอะไรสําคัญเท่านั้นก็เลยเอามายั่วหนิงหลงเล่น เพราะหนิงหลงทําให้พวกผู้นําของพรรคยอดศาสตราโกรธไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะท่านหัวหน้าอย่างประมุข ซีเฉิง สังเอาไว้ พวกเขาคง เล่นงานหนิงหลงให้หนักกว่านี้แน่ๆ
“…….” หนิงหลงไม่ได้ตอบอะไรคนพวกนั้น เพียงแต่หยิบจดหมายขึ้นมาอ่านเท่านั้น แต่ก็อย่างที่คนพวกนั้น เห็นจดหมายของหลินฟานเป็นเพียงจดหมายทักทายตามปกติเท่านั้น แต่อย่างน้อยหนิงหลงก็ได้ทราบว่าอี้เฟยเดินทางไปถึงเมืองหลวงของอาณาจักรมังกรครามเรียบร้อยแล้ว
“เฮอะ…เจ้าเองก็เริ่มสร้างอาวุธได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเจ้าก็จะไม่ได้กินข้าวหรอกนะ” ชายชุดดําเห็นหนิงหลงมีท่าที่ผ่อนคลายแทนที่จะแสดงอาการเศร้าโศกอย่างที่หวังก็รู้สึกไม่พอใจนักเขาขู่หนิงหลงครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกไปทําหน้าที่เฝ้าระวังหุบเขาอย่างเช่นเดิม
ในวังเหนือศาสตราแห่งนี้เป็นที่อยู่ของเหล่าช่างตีเหล็กโดยมีคนของพรรคยอดศาสตราคอยดูแลอีกที เหล่าช่างตีเหล็กภายในวังมีหน้าที่สร้างอาวุธให้กับพรรคยอดศาสตราเพื่อแลกกับอาหารและการมีชีวิตรอด ปกติแล้วหากไม่สร้างอะไรเลยช่างตีเหล็กคนนั้นจะโดนงดอาหารงดน้ำ แต่เพราะหนิงหลงเพิ่ง จะเข้ามาทําให้เดือนแรกเป็นช่วงเวลาที่พรรคยอดศาสตรายอมให้ทําใจไปก่อน
“เจ้าหนู…ไปทําอะไรมาพวกมันถึงได้มาหาเรื่องแบบนั้น” ชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาหาหนิงหลงด้วยท่าทีสงสัย แม้ปกติเจ้าพวกนั้นจะหาเรื่องคนไปทั่ว แต่ถ้าไม่ทําให้พวกมันโมโหก็ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรนัก แต่หนิงหลงเพิ่งจะเข้ามายังไม่ทันทําอะไรก็โดนจ้องเล่นงานซะแล้ว แต่ก็น่าแปลกถึงเจ้า พวกนั้นจะดูไม่ชอบใจหนิงหลงนักแต่ก็ยังไม่กล้าเข้าไปทําอะไรเลย
“ข้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกันขอรับ” หนิงหลงตอบพลางเก็บจดหมายเอาไว้ภายในเสื้อของตนเอง ยามนี้กําไลมิติของหนิงหลงโดนยึดไปแล้ว ของที่เหลือติดตัวมีเพียงค้อนที่หนิงหลงใช้เป็นประจําเท่านั้น พวกมันเหลือค้อนให้หนิงหลงราวกับจะบอกว่าหนิงหลงมีหน้าที่ต้องสร้างอาวุธให้พรรคยอดศาสตราเท่านั้นเลย
“เฮ้อ ขาเข้าใจเจ้าคงไม่ยินยอมจะมาอยู่ที่นี่หรอก แต่ข้าขอแนะนํานะ ที่นี่มันก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอก มีอาหารให้ มีแร่ให้ใช้ เจ้าแค่ทํางานออกมาให้ดีเท่านั้น หากทําได้พวกมันก็เลี้ยงดูพวกเราดีเหมือนกัน” ชายชราว่าพลางมองหนิงหลงด้วยท่าที่เห็นใจ เหล่าช่างตีเหล็กที่โดนจับมามีทั้งคนที่โดนจับมาฝึกที่นี่ตั้งแต่ยังเด็กไปจนถึงช่างตีเหล็กมีฝีมือ ที่พวกมันพาตัวมา
ระบบการทํางานของวังเหนือศาสตราแห่งนี้นั้นง่ายมาก ขอเพียงไม่ออกไปข้างนอก เหล่าช่างตีเหล็กสามารถเข้าใช้งานวังเหนือศาสตราตั้งแต่ชั้นใต้ดินไปจนถึงชั้น 3 ได้ตามสะดวก ส่วนชั้น 4 และ 5 จําเป็นต้องให้คนของพรรคยอดศาสตรา ยินยอมก่อนถึงจะเข้าไปได้ และเมื่อสร้างอาวุธให้พรรคยอดศาสตราสําเร็จก็จะได้รับรางวัลตอบแทน ช่างตีเหล็กบางคนที่สร้างผลงานได้ก็ถึงกับขอเข้าพรรคแล้วขึ้นไปบนชั้น 6 ร่วมกับสมาชิกพรรคคนอื่นๆเลยก็มี เพราะแบบนั้นในวังเหนือศาสตรา แห่งนี้เลยมีช่างตีเหล็กหลายแบบพอสมควรเลย ตั้งแต่คนที่สร้างชิ้นงานไปวันๆเพื่อเอาชีวิตรอด ไปจนถึงคนที่พยายามสร้างผลงานเพื่อเอาใจคนของพรรคยอดศาสตรา หรือไม่ก็หวังจะเข้าพรรคไปด้วย
แน่นอนว่าหนิงหลงพอจะเห็นระบบนี้มาสักพักแล้ว และ การเข้าร่วมกับพรรคยอดศาสตราดูจะเป็นเส้นทางที่สบายที่สุดที่จะออกไป แต่หนิงหลงไม่สามารถลืมภาพร่างไร้วิญญาณของอาจารย์ได้ เพราะงั้นเขาจะไม่มีทางร่วมมือกับ พรรคยอดศาสตราเป็นอันขาด
“ขอบคุณขอรับท่านลุง” หนิงหลงหันไปหาชายชราก่อนจะกล่าวขอบคุณออกมา แม้จะไม่เข้าร่วมแต่หนิงหลงก็ไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองเน่าตายในนี้ได้เช่นกัน อาจารย์บอกหนิงหลงเสมอว่าอยากให้เขาเติบโตเป็นสิ่งที่อยากจะเป็น หากเขามัวแต่เศร้าแล้วปล่อยให้ตัวเองตายเพราะไม่อยากโดนใช้งานก็คงผิดต่ออาจารย์ไม่น้อย เช่นนั้นแล้วหนิงหลงจึงไม่คิดจะปล่อยให้ตัวเองจมปลักแล้วเลือกที่จะหาทางหนีไปจากที่นี่ แทน เพียงแต่… วังเหนือศาสตราแห่งนี้คุ้มกันแน่นหนามากทีเดียว แม้แต่นกส่งสารก็ยังไม่ยอมปล่อยให้คลาดสายตา เช่นนั้นแล้วหนิงหลงก็ไม่สามารถส่งจดหมายได้แน่ๆ
“ข้า…ขึ้นไปด้านบนได้หรือไม่ขอรับ” หนิงหลงถามพลางชี้ไปที่บันไดสำหรับขึ้นไปบนห้องโถงของวังเหนือศาสตรา ที่นี่มีคนเฝ้าเข้มงวด แต่การเคลื่อนไหวภายในกลับไม่มีการห้ามอะไรนอกจากเขตแบ่งตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไป
“แน่นอน เจ้าขึ้นไปได้” ชายชราพยักหน้าช้าๆออกมาเพราะด้านบนนอกจากจะเป็นที่พักแล้วยังมีห้องสําหรับศึกษาวิชาช่างตีเหล็กรวมไปถึงห้องเก็บตําราฝึกฝนพลังวิญญาณอีกด้วย ที่นี่เป็นเหมือนสถานที่สร้างช่างตีเหล็กก็ว่าได้
“งั้น เดี๋ยวข้าลงมาใหม่นะขอรับ” หนิงหลงบอกลาชายชราก่อนจะเดินเข้าไปในกลุ่มคนที่กําลังทํางานอยู่เบื้องหน้าภายในชั้นใต้ดินแห่งนี้เหมือนเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่มีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมสรรพ ไม่ใช่แค่นั้นตรงส่วนหน้าของห้องใต้ดินยังมีกองแร่จํานวนมากถูกจัดเรียงเอาไว้ให้ใช้อีกต่างหาก ขอเพียงเดินเข้าไปรายงานกับคนจดบันทึกทุกคนก็สามารถมาเบิกแร่ไปสร้างอาวุธได้เลย รวมถึงเครื่องมือใหม่ก็สามารถเข้ามา เบิกได้ทุกเมื่อ และสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของหนิงหลงที่สุดคงหนีไม่พ้นค้อนขนาดใหญ่ที่วางอยู่กลางอุปกรณ์เครื่องมือ เจ้าซีเฉิงมันเอาค้อนสดับทศทิศมาวางเอาไว้ที่นี่ แล้วบอกว่าใครสามารถเอาไปใช้ได้ก็เอาไปได้เลยอีกต่างหาก แต่ค้อนสดับทศทิศไม่ใช่ว่าใครจะยกได้ง่ายๆในหลายวันที่ผ่านมามีคนพยายามยกค้อนอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่มีใครยกขึ้นเลย