หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 4 ศิษย์พี่
ตอนที่ 4
ศิษย์พี่
“ศิษย์พี่…ตื่นแล้วหรือขอรับ”หลินฟานเดินออกมาจากห้องของตนเองที่เพิ่งได้รับจากอาวุโสหมิงซานมาเมื่อวาน แต่ทันทีที่ออกมาจากห้องตอนเช้ามืดก็พบว่าหนิงหลงตื่นขึ้นมาก่อนแล้ว
“เอ๊ะ….ขอรับ ข้าตื่นมาเตรียมอาอาหารเช้าให้อาจารย์กับเตรียมฝึกฝนตอนเช้าขอรับ”หนิงหลงได้ยินหลินฟานเรียกตัวเองว่าศิษย์พี่ก็มีท่าทีเขินอายออกมาให้เห็นทำให้หลินฟานอดที่จะอมยิ้มไม่ได้
“ดีเลย งั้นข้าจะช่วยศิษย์พี่ทำอาหารเอง”หลินฟานกลายเป็นศิษย์ใหม่ของอาวุโสหมิงซานไปแล้ว เช่นนั้นหน้าที่ทำอาหารให้อาจารย์นั้นก็ถือเป็นหน้าที่ของเขาเช่นกัน
“พี่หลินฟาน….ท่านเคยเข้าครัวหรือเปล่าขอรับ”หนิงหลงถามพลางมองหลินฟานที่เดินมาจับมีดด้วยท่าทีกังวล อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ หลินฟานดูเป็นคุณชายไม่เหมือนคนที่จะเข้าครัวเลยสักนิด
“เข้าครัวหรือ….จริงๆครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกก็คงไม่ผิดหรอกขอรับ”หลินฟานหัวเราะออกมาก่อนจะใช้มีดหั่นลงไปบนผักที่หมิงซานเตรียมเอาไว้แล้ว
ปึก…..
ไม่ใช่แค่ผัก แต่ทั้งเขียงและโต๊ะด้านล่างก็ถูกมีดของหลินฟานตัดจนขาดเสียอย่างนั้น ทำเอาหนิงหลงได้แต่มองไปทางหลินฟานด้วยท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ยอดเลย มีดเล่มนี้เป็นฝีมือของอาจารย์สินะขอรับ”หลินฟานไม่ได้สะทกสะท้านกับการเสียเขียงและหั่นโต๊ะเป็นรอยแม้แต่น้อย เขาเพียงยกมีดขึ้นมาดูอย่างพิจารณา ลืมไปเลยว่าผู้ที่อยู่ในบ้านหลังนี้คือช่างตีเหล็กในตำนาน เช่นนั้นข้าวของเครื่องใช้ทั้งหลายในบ้านหลังนี้ย่อมเป็นของที่ท่านทำขึ้นด้วยตัวเองเป็นแน่ มีดเล่มนี่แม้จะดูธรรมดาแต่พอมองดีๆแล้วการผลิตและความคมของมันนั้นช่างยอดเยี่ยมมาก ไม่แปลกเลยที่จะผ่าเขียงกับโต๊ะได้ในทีเดียว
“ไม่เกี่ยวกับมีดหรอกขอรับ”หนิงหลงเหงื่อตกมองพี่หลินฟานชื่นชมมีดของอาจารย์โดยไม่ทราบจะพูดอะไรดี ถึงมีดจะคม แต่หากคุมกำลังดีๆมันก็ผ่าไปไม่ถึงโต๊ะหรอกนะ ที่เป็นแบบนั้นเพราะหลินฟานกำลังมากเกินไปต่างหาก
“อย่างนั้นหรือ….งั้นให้ข้าช่วยทำอย่างอื่นก็แล้วกันนะขอรับ”หลินฟานว่าพลางหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ท่าทางทักษะการครัวของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นับว่าเป็นความรู้ใหม่จริงๆ
“งั้นพี่หลินช่วยข้าจุดไฟก็แล้วกันขอรับ”หนิงหลงว่าพลางเอามีดในมือหลินฟานมาแล้วเริ่มหั่นวัตถุดิบด้วยตัวเอง ฝีมือการทำครัวของหนิงหลงนั้นน่าตกใจมาก เพียงพริบตาเดียวก็หั่นผักและปลาที่นำมาเป็นวัตถุดิบจนเสร็จเรียบร้อย
พรึบ…
ทางด้านหลินฟานพอบอกว่าให้ช่วยจุดไฟ หลินฟานก็ไม่คิดมากใช้พลังวิญญาณจุดไฟขึ้นมาที่ฝ่ามือก่อนจะส่งพลังเผาไปที่กองฟืนทันที
“พี่หลิน….ไม่ได้นะขอรับแบบนั้นมันแรงเกินไป”หนิงหลงเห็นหลินฟานจุดไฟด้วยพลังวิญญาณก็รีบเข้าไปห้ามทันที เปลวไฟที่สร้างจากพลังวิญญาณร้อนกว่าไฟที่จุดเองตามธรรมชาติ หากไม่ควบคุมดีๆน้ำในหม้อจะ….
ฟู่….
พริบตาเดียวน้ำในหม้อที่หนิงหลงเตรียมเอาไว้ก็เหือดแห้งจนหมด แม้จะยังโชคดีอยู่บ้างที่หม้อไม่ละลายไปด้วยก็ตาม
“ขะ ขอโทษ…ขอรับ”หลินฟานเห็นผลงานตัวเองก็ยิ้มเจื่อนๆออกมาด้วยท่าทีรู้สึกผิด ไม่นึกเลยว่าทักษะการทำอาหารของหลินฟานจะติดลบเช่นนี้
“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ พี่หลินฟานให้ข้าทำเองเถอะขอรับ”หนิงหลงถอนหายใจออกมาก่อนจะตักน้ำมาใส่หม้อใหม่อีกครั้ง ระหว่างนั้นหนิงหลงก็ใช้พลังวิญญาณของตนบังคับไฟให้เบาลงเพื่อใช้ทำอาหารตามปกติได้ แต่นั่นกลับทำให้หลินฟานรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย น้องหนิงหลงอายุไม่น่าจะเกิน 10 ปีเสียด้วยซ้ำ แต่กลับสามารถใช้พลังวิญญาณควบคุมไฟได้แล้วงั้นหรือ จะว่าไปก่อนหน้านี้น้องหนิงหลงก็เอาถังน้ำฟาดหัวเจ้าคนที่เข้ามาหาเรื่องไปนี่นา เจ้านั่นเองก็เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ แต่หนิงหลงก็ใช้ถังไม้ตีจนหัวอีกฝ่ายแตกได้ แสดงว่าหนิงหลงเองก็มีพลังวิญญาณอยู่ด้วยสินะ
“หือ…”หลินฟานยังตกใจกับทักษะควบคุมไฟของหนิงหลงได้ไม่นาน อยู่ๆหลินฟานก็สัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดบางอย่าง….
ฉ่า….
การทำอาหารของหนิงหลงดูคล่องแคล่วไม่เหมือนการทำอาหารของเด็กเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่แค่การใช้มีดเท่านั้นหนิงหลงยังใส่เครื่องปรุงลงไปในอาหารอย่างชำนาญแถมยังผัดผักด้วยไฟท่วมกระทะได้อย่างหน้าตาเฉย แถมยิ่งทำกลิ่นก็ยิ่งหอมยั่วจมูกอย่างมาก จะว่าไปอาหารที่หลินฟานกินเมื่อวานก็อร่อยมากด้วย หรือว่านั่นก็เป็นฝีมือของน้องหนิงหลงด้วยเช่นกัน
“………..”พริบตาเดียวอาหารเช้าสำหรับ 3 คนก็ถูกนำมาวางบนโต๊ะทานข้าว แม้หลินฟานจะไม่ใช่นักชิมลิ้นทองคำ แต่อาหารที่น้องหนิงหลงทำชวนน้ำลายสอมาก มันดูน่ากินกว่าอาหารที่คนในวังทำเสียอีกกระมัง
“หลินฟาน ร่างกายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”หนิงหลงทำอาหารเสร็จไม่นาน อาวุโสหมิงซานก็เดินลงมาจากบ้านชั้นสองก่อนจะเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารพร้อมถามสภาพร่างกายของหลินฟานเพราะก่อนหน้านี้หลินฟานสภาพเหมือนคนจะตายเสียด้วยซ้ำ
“ดีขึ้นมากแล้วขอรับ เมื่อคืนข้าใช้พลังวิญญาณช่วยฟื้นฟูร่างกายตอนนี้เลยกลับมาเป็นปกติแล้วขอรับ”หลินฟานตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีผ่อนคลาย ขอเพียงได้กินอาหารและฟื้นฟูพลัง ร่างของผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณก็สามารถฟื้นฟูได้อย่างง่ายดายจนคนธรรมดาเทียบไม่ติด เพราะงั้นเลยไม่สามารถเอาร่างกายของคนธรรมดามาเทียบกับของผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณได้เลย
“ดี กินข้าวเสร็จตามข้ามา”อาวุโสหมิงซานพูดจบก็เริ่มทานอาหารฝีมือหนิงหลงด้วยท่าทีเคยชิน วันนี้หลินฟานได้ตระหนักแล้วว่าอาหารฝีมือศิษย์พี่ผู้นี้อร่อยจนน่าตกใจจริงๆ จบเรื่องแล้วพาหนิงหลงไปเป็นพ่อครัวที่บ้านตระกูลหลินดีกว่ามั้ง
.
.
.
“อาจารย์ ที่นี่คือ…..”หลินฟานเดินตามอาวุโสหมิงซานขึ้นมาบนห้องชั้นสองด้วยท่าทีตื่นเต้น ตัวเขาเองก็ไม่เคยเรียนการเป็นช่างตีเหล็กมาก่อนก็เลยรู้สึกสนใจอยู่หลายส่วน แม้จะคิดว่าพอเริ่มฝึกตนเองคงไม่ได้จับค้อนตีเหล็กทันทีหรอก แต่ก็ไม่คิดว่าอาจารย์จะพามาที่อื่นที่ไม่ใช่โรงตีเหล็กหลังบ้านแบบนี้
“การจะเป็นช่างตีเหล็กไม่ใช่แค่มีกำลังเท่านั้น ภายในห้องนี้มีตำราเกี่ยวกับโลหะต่างๆรวมถึงทักษะที่จำเป็นในการตีเหล็กที่ข้าสั่งสมมาทั้งชีวิต ศึกษาพวกมันซะ”อาวุโสหมิงซานว่าพลางพาหลินฟานเข้ามาในห้องตำราของบ้านด้วยท่าทีภูมิใจ แม้จะเป็นบ้านหลังเล็กๆ แต่ก็มีตำรามากมายเก็บเอาไว้อย่างดี แถมส่วนใหญ่ยังเป็นตำราที่อาวุโสหมิงซานเขียนและสรุปเนื้อหาด้วยตัวเองอีกด้วย หากช่างตีเหล็กคนอื่นมาเห็นเข้าคงนึกว่าเป็นกองขุมทรัพย์แน่ๆ
“เอาล่ะวันนี้เจ้าศึกษาในห้องนี้ไปก่อน ข้ามีงานต้องทำมีอะไรก็ถามหนิงหลงเอาแล้วกัน”อาวุโสหมิงซานว่าพลางตบบ่าหนิงหลงเบาๆ
“เอ๊ะ ศิษย์พี่อ่านตำราพวกนี้หมดแล้วหรือขอรับ”หลินฟานเบิกตากว้างด้วยท่าทีตกใจ ตำราในห้องนี้ไม่ใช่น้อยๆ ไม่ใช่จำนวนที่เด็กอย่างหนิงหลงจะอ่านจนหมดได้เลยนี่นา
“ใช่”อาวุโสหมิงซานตอบคำถามของหลินฟานด้วยคำเดียวก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินลงไปยังชั้นล่างทันทีปล่อยให้หลินฟานมองไปทางหนิงหลงด้วยท่าทีอึ้งๆ ตอนแรกหลินฟานเรียกหนิงหลงว่าศิษย์พี่เพราะต้องการล้อเล่นเท่านั้น แต่ยามนี้บารมีของศิษย์พี่ในตัวหนิงหลงกลับเปล่งประกายชัดเจนจนหลินฟานต้องแสบตา ในเรื่องการตีเหล็กหนิงหลงนับว่าเหนือกว่าเขาหลายขุมและสมควรได้รับเกียรติของคำว่าศิษย์พี่ได้อย่างเต็มภาคภูมิเลย
“พี่หลิน ท่านทราบการแบ่งระดับของอาวุธหรือเปล่าขอรับ”หนิงหลงเห็นอาจารย์ฝากเรื่องนี้ให้ตนจัดการก็เดินเข้าไปในห้องตำราด้วยท่าทีคุ้นชินก่อนจะหยิบตำราพื้นฐานออกมา
“ก็พอทราบ แต่ข้ารู้เพียงระดับที่ใช้ในท้องตลาดเท่านั้นนะ ที่นั่นแบ่งอาวุธวิเศษออกเป็นเจ็ดระดับ ตั้งแต่ระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง ระดับชั้นเลิศ ระดับตำนาน ระดับราชัน แล้วก็ระดับเซียน ข้าไม่รู้ว่าที่อื่นแบ่งระดับต่างจากนี้หรือไม่”หลินฟานตอบออกมาตามตรง แม้จะไม่ใช่ช่างตีเหล็กแต่หลินฟานก็เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณย่อมต้องเรียนรู้เรื่องอาวุธมาบ้างแล้ว การแบ่งระดับเช่นนี้เป็นการแบ่งระดับที่นิยมใช้ไปทั่วแผ่นดิน แม้จะมีบางอาณาจักรที่เรียกต่างกันไปบ้าง แต่หากใช้มาตรฐานนี้ย่อมสามารถสื่อสารกับทุกผู้ทุกคนเข้าใจได้ไม่ยาก
“แค่นั้นก็พอแล้วขอรับ ข้าจะแนะนำตำราพื้นฐานให้พี่หลินลองเอาไปอ่านดูก่อน จริงสิก่อนหน้านี้พี่หลินใช้วิชาควบคุมไฟไม่ทราบว่าพี่หลินบรรลุระดับไหนหรือขอรับ”หนิงหลงถามพลางหยิบเอาตำราออกมาจากชั้นอย่างชำนาญ
“เอ่อ….ข้าไม่ถนัดวิชาธาตุไฟนักคงอยู่เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น”หลินฟานตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา การควบคุมธาตุต่างๆเองก็แบ่งชั้นของตนเองเช่นกัน โดยแบ่งตั้งแต่ระดับ 1 ไปจนถึงระดับ 9 ซึ่งเป็นขั้นสูงสุด การเป็นผู้เชี่ยวชาญธาตุแต่ละธาตุนั้นเป็นเรื่องยาก หลินฟานเองแม้แต่ธาตุน้ำที่ถนัดก็ยังเชี่ยวชาญเพียงระดับ 8 เท่านั้น
“งั้นข้าแนะนำให้พี่หลินฝึกฝนวิชาควบคุมไฟเพิ่มนะขอรับ การหลอมโลหะทั้งหลายต่างพึ่งพาธาตุไฟทั้งสิ้น อย่างอาจารย์เองก็เป็นผู้ชำนาญธาตุไฟขั้นที่เก้านะขอรับ”หนิงหลงได้ฟังก็หยิบตำราวิชาควบคุมไฟออกมาด้วยเช่นกัน การมีหนิงหลงอยู่สอนเช่นนี้นับว่าช่วยหลินฟานได้มาก ไม่อย่างนั้นกว่าหลินฟานคงต้องเสียเวลาอีกเป็นวันๆเพื่อหาว่าตำราไหนสมควรศึกษาก่อนกันแน่
“ขอบคุณขอรับศิษย์พี่”หลินฟานเห็นหนิงหลงช่วยเลือกตำราให้เช่นนี้ก็กล่าวขอบคุณออกมาด้วยท่าทีอ่อนโยน ตั้งแต่โดนแผนชั่วทำให้ตระกูลของตนโดนโทษประหาร หลินฟานก็ไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายเช่นนี้มาก่อน เพราะได้อาจารย์ที่ช่วยมอบเส้นทางรอดชีวิตและศิษย์พี่ที่แสนใจดีผู้นี้ หลินฟานเลยรู้สึกว่ายังมีเชือกหย่อนลงมาในหน้าผาลึกให้ตนได้เกาะกุมไว้บ้าง
“มะ….ไม่เป็นไรขอรับ นี่เป็นหน้าที่ของข้าเหมือนกัน”หนิงหลงตอบพลางก้มหน้าลงน้อยๆด้วยท่าทีอายๆ ท่าทางเขาจะไม่ชินกับคำว่าศิษย์พี่จริงๆสินะ