หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 37
ตอนที่ 37
อยู่ก่อน
พลังธาตุ เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณมีติดตัวมาตั้งแต่เกิดโดยแต่ละคนนั้นต่างก็มีพลังธาตุที่เข้ากับตนเองได้แตกต่างกันไป อย่างราชวงศ์มังกรครามต่างก็เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่มีพลังธาตุน้ําสูงกันทั้งนั้นเช่นเดียวกับราชวงศ์ผลาญสุริยันอย่างราชวงศ์เวยที่มีพลังธาตุไฟสูงมาตั้งแต่เกิด แน่นอนว่าตระกูลหงเองก็ต่างให้กําเนิดลูกหลานที่มีพลังธาตุไฟสูงกว่าปกติมาตลอดแต่หนิงหลงนั้นกลับต่างออกไป แม้เขาจะไม่ทราบแต่หนิงหลงก็เป็นลูกหลานสายตรงของตระกูลหง มารดาที่ไม่เคยได้พบหน้าของหนิงหลงคือบุตรสาวของหงซื้อห่าวหัวหน้าตระกูลของตระกูลหง แถมพลังของหงือซื้อมารดาของหนิงหลงก็สูงส่งไม่ต่างจากหงเซียงเซียน หรือก็คือหยางเซียงเซียนภรรยาของหยางเยี่ยนเหว่ยในตอนนี้เลย แต่ถึงอย่างนั้นพลังธาตุที่ติดตัวหนิงหลงมาตั้งแต่กําเนิดกลับเป็น ธาตุดิน เสียอย่างนั้น
ไม่ทราบเพราะผ่าเหล่าหรือเพราะเชื้อสายจากฝั่งบิดาหนิง หลง ที่มีชีวิตอยู่กับโรงตีเหล็กและฝึกฝนการตีเหล็กและพลังธาตุไฟมาทั้งชีวิตกลับมีพลังธาตุหลักเป็นพลังธาตุดินเสียอย่างนั้นแม้พลังธาตุดินจะช่วยในการตีเหล็กได้ในระดับหนึ่ง แต่…พลังธาตุดินไม่สามารถหลอมวัตถุดิบเพื่อใช้ตีเหล็กได้ และพลังที่หนิงหลงมีตอนนี้ก็ไม่สามารถหลอมวัตถุดิบอย่างเขากวางอัคนีหรือกระดูกอสูรลิงระดับ 4 ที่อยู่เบื้องหน้าได้เลย ของพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นของที่ใช้สร้างอาวุธระดับราชันหรืออาวุธระดับเซียนทั้งสิ้น หากหนิงหลงใฝ่ฝันอยากจะเป็นช่างตีเหล็กเช่นหมิงซานจริงๆ เขาก็ต้องพัฒนาระดับพลังธาตุไฟของตนเองให้เทียบเท่ากับผู้ที่เกิดมาพร้อมกับพลังธาตุไฟเสียก่อน
วูบ….
หนิงหลงเริ่มดูดซับพลังธาตุที่กระดูกอสูรลิงปล่อยออกมาเข้าไปในร่างอย่างต่อเนื่อง แถมพลังธาตุเองก็เหมือนจะพยายามแทรกตัวเข้ามาในร่างของหนิงหลงเองอยู่แล้วเช่นกันทันทีที่หนิงหลงเปิดรับพลังธาตุก็ไหลเข้ามาเหมือนกําลังเปิดประตูเขื่อนไม่มีผิด ความร้อนของพลังธาตุไฟทะลักไปทั่วเส้นชีพจรวิญญาณของหนิงหลงอย่างต่อเนื่อง แถมยังไหลเวียนไปทั่วร่างก่อนจะแทรกซึมเข้าไปในฐานพลังธาตุของหนิงหลงอีกด้วย
………….. “วินาทีที่พลังธาตุของอสูรลิงเข้ามาในร่างฐานพ ลังธาตุไฟที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยตั้งแต่เกิดของหนิงหลงก็เริ่มขยายตัวออกช้าๆ ความรู้สึกเช่นนี้ทําให้หนิงหลงตื่นเต้นเป็นอย่างมากเพราะเขาพยายามมาหลายปีเพื่อให้ฐานพลังธาตุเพิ่มขึ้น แต่ไม่ว่าจะลองวิธีไหนก็ไม่ได้ผล หรือแม้แต่มาขอความช่วยเหลือจากสํานักธาตุไฟอันดับ 1 อย่างสํานักเพลิงบัญญัติก็ราวกับไร้หนทาง แม้คนอื่นจะไม่ทราบว่าหนิงหลงแท้จริงแล้วร้อนรนแค่ไหน แต่ทุกครั้งที่หลอมอาวุธอยู่ในห้องฝึกของ เจ้าสํานักหนิงหลงกลับกลัดกลุ้มอยู่ตลอดว่าจะทําอย่างไรให้พลังธาตุของตนเพิ่มขึ้นได้ ถึงขั้นนึกเสียใจกับชีวิตตนเองว่าทําไมต้องเกิดมามีพลังธาตุดินในร่างแทนที่จะเป็นธาตุไฟกัน บางครั้งถึงกับท้อแท้และคิดว่าตนเองคงไม่สามารถเป็นเหมือนอาจารย์ได้เสียด้วยซ้ํา
แต่ยามนี้ด้วยพลังธาตุตกค้างจากอสูรธาตุไฟระดับ 4 กลับ สามารถเพิ่มพูนฐานพลังธาตุได้อย่างน่าเหลือเชื่อความรู้สึกของหนิงหลงยามนี้เหมือนประตูใหญ่ที่เคยปิดสนิทเบื้องหน้าตนเองมาเสมอกําลังแง้มเปิดช้าๆเลย
พรึบ….
อยู่ๆเปลวเพลิงภายในห้องผนึกอสูรก็มีท่าที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากหนิงหลงดูดซับพลังธาตุเข้าไปเป็นจํานวนมากอยู่ๆ เปลวเพลิงรอบๆตัวหนิงหลงก็ลามไปทั่วห้องจนภายในห้องผนึกอสูรเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นทะเลเพลิงเช่นเดียวกับตอนก่อนหน้าที่เหล่าอาวุโสจะเข้ามาลดพลังธาตุภายในห้อง แถมเพลิงรอบๆก็ยังเริ่มโหมรุนแรงขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
“ท่านพ่อตา นี่มันเกิดอะไรขึ้นขอรับ” หยางเยี่ยนเหว่ยมองภาพเบื้องหน้าด้วยท่าทีตกใจอยู่ๆเปลวเพลิงก็เริ่มลุกลามไปทั่วห้องราวกับไร้การควบคุมมันเหมือนกับตอนที่หยางเยี่ยนเหว่ยพยายามปลดผนึกด้วยตนเองเลยไม่ใช่หรือไง
“เงียบไปซะเจ้าเด็กตระกูลหยาง” หงซื้อห่าวว่าพลางยกมือขึ้นมาขวางหยางเยี่ยนเหว่ยที่ทําท่าจะลงไปช่วยหนิงหลงเอาไว้เพราะหากมองดีๆแล้วจะพบว่าหนิงหลงตอนนี้ไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไรเลย ตรงกันข้ามเขากลับยอมให้เปลวเพลิงเข้ามาหาตนเองโดยไม่ได้ต่อต้านเสียด้วยซ้ํา
“คราวก่อนเจ้าแอบเข้าไปแบบข้ามขั้นตอนเลยได้เพียงพลังธาตุไปเล็กน้อยเท่านั้น หากเจ้าเข้าไปในห้องผนึกอสูรอย่างถูกต้องบางทีระดับความสามารถเช่นเจ้าก็อาจจะได้รับประโยชน์จากห้องผนึกอสูรเหมือนหลานหนิงหลงก็เป็นได้”หงซื้อห่าวตอบพลางมองหนิงหลงด้วยท่าทีดีใจสภาพเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกันง่ายๆจะต้องเป็นช่วงเวลาที่พลังธาตุจากกระดูกอสูรลิงเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติเท่านั้นและตัวผู้ลงฝึกฝนจะต้องมีเส้นชีพจรวิญญาณที่สามารถรับพลังธาตุพวกนั้นเอาไว้ได้ทั้งหมดด้วยและในรอบร้อยปีมานี้คนที่น่าจะทําได้ก็มีหยางเยี่ยนเหว่ยคนหนึ่งแต่เพราะหยางเยี่ยนเหว่ยทําผนึกเสีย หายทําให้การดูดซับพลังธาตุไม่สมดุลหยางเยี่ยนเหว่ยก็เลย ไม่ได้รับผลลัพธ์เหมือนกับหนิงหลงในตอนนี้
วูบ….
เปลวเพลิงของอสูรลิงเข้าไปล้อมรอบร่างของหนิงหลงเอาไว้ก่อนจะค่อยๆลามไปบนร่างของหนิงหลงพร้อมแทรกซึมเข้าไปในร่างกายอย่างต่อเนื่องตัวหนิงหลงเองแม้จะตกใจอยู่บ้างแต่เปลวเพลิงเหล่านี้ก็เต็มไปด้วยพลังธาตุแถมทันทีที่เข้ามาในร่างกายมันก็หลอมรวมเข้ากับเปลวเพลิงปกติของหนิงหลงอีกต่างหากราวกับเป็นการต่อเชื้อไฟให้เปลวเพลิงของหนิงหลงไม่มีผิดทําให้ในฐานพลังธาตุของหนิงหลงขยายออกและเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติธาตุของหนิงหลงไปด้วยในตัวปรากฏการณ์เช่นนี้ตระกูลหงเรียกว่า เพลิงอสูร หลังจากผสานเพลิงของตนเข้ากับเพลิงของอสูรลิงระดับ 4 แล้วเพลิงของคนผู้นั้นจะเปลี่ยนคุณสมบัติไป เพลิงอสูรเป็นเพลงที่ร้อนแรงกว่าเพลิงปกติด้วยระดับพลังในชั้นเดียวกันเพลิงอสูรจะสร้างความร้อนได้มากกว่าเพลิงปกติมาก และในฐานะช่างตีเหล็กอย่างหนิงหลงมันย่อมช่วยให้หนิงหลงสามารถหลอมวัตถุดิบที่เคยได้แต่คาดหวังได้เสียที
“น่าเสียดายจริงๆ” อาวุโสคนหนึ่งในห้องพูดออกมาพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ใช่ น่าเสียดายจริงๆ” หงชื่อห่าวได้ยินคําพูดของอาวุโสท่านนั้นกลับส่ายหน้าเบาๆก่อนจะกล่าวสนับสนุนคําพูดของอีกฝ่ายออกมา…. น่าเสียดายจริงๆที่พวกตนไม่สามารถบอกหนิงหลงได้ว่าแท้จริงเขาคือคนของตระกูลหงหากเปลี่ยนชื่อของหนิงหลงเป็นหงหลง ได้พวกเขาจะทํามันเดี๋ยวนี้เลยแต่เพราะคําขอของบิดาของหนิงหลงทําให้ตระกูลหงไม่อาจทําเช่นนั้นได้ไม่อย่างนั้นหนิงหลงคงกลายเป็นผู้เชิดชูชื่อเสียงตระกูลหงอีกคนอย่างแน่นอน
“ท่านตา…เท่านี้ข้าก็ขึ้นไปได้แล้วหรือขอรับ” หลังจากเปลวเพลิงรอบตัวหนิงหลงเริ่มสงบลง หนิงหลงก็สัมผัสถึงพลังธาตุที่ พยายามจะเข้ามาในตัวไม่ได้อีกแล้วหรือก็คือที่ว่างสําหรับ เพิ่มพูนฐานพลังธาตุของหนิงหลงนั้นหมดลงแล้วนั่นเอง
“อืม…เจ้าขึ้นมาได้แล้ว”หงชื่อห่าวตอบพลางพยักหน้าให้หนิงหลงช้าๆ ตอนแรกที่ได้ฟังว่าหนิงหลงต้องการเพิ่มพลังธาตุไฟของตนเองให้เทียบเท่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่เกิดมาพร้อมธาตุไฟ หงซื้อห่าวก็คิดว่าห้องผนึกอสูรจะช่วยเหลือหนิงหลงได้และทําให้เขามีพลังไฟเทียบเท่าคนอื่น แต่ไม่นึกเลยว่าหลานหนิงหลงคนนี้จะเป็นคนที่สามารถผสานกับเพลิงอสูรได้แถมยังอยู่ในห้องผนึกอสูรได้นานจนดูดซับพลังธาตุได้มากกว่าที่คิดเสียอีกในอนาคตบางที่พลังธาตุไฟของหนิงหลงอาจจะมากกว่าผู้ที่เกิดมาพร้อมพลังธาตุไฟเสียด้วยซ้ํา
“หลานหนิงหลง…หลังจากนี้เจ้าจะกลับไปหาท่านอาวุโสหมิงซานเลยหรือเปล่า” หลังจากปิดห้องผนึกอสูรไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หยางเยี่ยนเหว่ยก็พาหนิงหลงกลับมาที่ห้องพักก่อนจะเอ่ยปากถามเรื่องการเดินทางของหนิงหลงออกไป ตอนนี้หนิงหลงได้รับพลังฐานพลังธาตุจากห้องผนึกอสูรแล้ว แถมยังได้เพลิงอสูรมาไว้ในครอบครองอีกต่างหาก ปัญหาพลังธาตุของหนิงหลงนับว่าได้รับการคลี่คลายก็ไม่ผิด เช่นนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่หนึ่งหลงจะอยู่ที่สํานักเพลิงบัญญัติอีกไม่ใช่หรือ
“ขอรับ…ท่านอาจารย์ทํากับข้าวไม่เป็น ถ้าข้าไม่กลับไปอาจารย์ต้องเอาแต่ดื่มเหล้าแน่ๆขอรับ” หนิงหลงตอบพลางยิ้มบางๆออกมา แม้จะต้องเดินทางมาเพื่อฝึกฝนตนเอง แต่หนิงหลงก็ไม่อยากแยกจากกับอาจารย์นานนักหรอก แม้จะเป็นเพียงศิษย์อาจารย์กันแต่อาจารย์ก็เลี้ยงดูหนิงหลงมาเหมือนลูก ชายคนหนึ่งแถมหนิงหลงยังไม่ได้รับการยอมรับจากอาจารย์ยังไม่สามารถแสดงตนว่าเป็นช่างตีเหล็กได้ด้วยซ้ํา
“อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นระหว่างนี้ก็เล่นกับอี้เฟยเยอะๆหน่อยนะ พอเจ้าแยกไปแล้วอี้เฟยต้องเสียใจมากแน่ๆ” หยางเยี่ยนเหว่ยว่าพลางมองหลานชายด้วยท่าที่อ่อนโยนแม้จะมาเข้ามาในชีวิตอี้เฟยได้ไม่นาน แต่หนิงหลงก็สร้างความเปลี่ยนแปลงให้อี้เฟยอย่างใหญ่หลวง ภาพจําที่มีต่อหนิงหลงของอี้เฟยคงจะยิ่งใหญ่มากทีเดียว
“แล้วก็…ถ้าเจ้าว่างก็แวะมาหาพวกเราได้เสมอคิดวะว่าข้าเป็นลุงแท้ๆของเจ้าก็แล้วกัน” หยางเยี่ยนเหว่ยว่าพลางจับไปที่บ่าของหนิงหลงแน่น ไม่ใช่แค่อี้เฟยหรอก แม้แต่หยางเยี่ยนเหว่ยเองก็คงเหงามากหากหนิงหลงจากไป
“ขอรับ ข้าจะแวะมาหาท่านลุงบ่อยๆ จริงสิเพื่อตอบแทนพวกท่านในอนาคตถ้าข้ากลายเป็นช่างตีเหล็กที่ดีได้แล้วข้าจะสร้างอาวุธให้พวกท่านลุงดีหรือไม่ขอรับ” หนิงหลงว่าพลางยิ้มกว้างออกมา ช่างตีเหล็กที่สร้างอาวุธวิเศษได้รับปากจะสร้างอาวุธให้ ทําไมหยางเยี่ยนเหว่ยจะไม่ดีใจ เพียงแต่หยางเยี่ยนเหว่ยมีดาบเพลิงบูรพาอยู่แล้ว ส่วนหยางเซียงเซียนเองก็มีสร้อยคอคล้อยตะวันอยู่กับตัว คิดว่าคงไม่อยากเปลี่ยนอาวุธเป็นแน่
“งั้นเอาไว้เจ้าพร้อมแล้วก็สร้างอาวุธให้อี้เฟยกับเหลียนฟางก็แล้วกัน พวกนางต้องดีใจมากแน่ๆ” หยางเยี่ยนเหว่ยตอบพลางยิ้มออกมาบางๆ ที่หยางเยี่ยนเหว่ยตอบรับข้อเสนอของหนิงหลงอย่างไม่เกรงใจเช่นนี้ก็เพราะคิดว่าพวกอี้เฟยจะต้องดีใจแน่ๆที่หนิงหลงสร้างอาวุธให้ และก็เป็นความคาดหวังของหยางเยี่ยนเหว่ยด้วยเช่นกันว่าหนิงหลงจะสามารถเป็นช่างตีเหเล็กชั้นแนวหน้าแล้วสร้างอาวุธชิ้นเยี่ยมให้กับบุตรสาวของตนเอง