หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 36 ห้องผนึกอสูร
ตอนที่ 36 ห้องผนึกอสูร
“เซียงเซียน ลูกแน่ใจนะว่าหลานหนิงหลงจะสามารถเข้าไปใน ห้องผนึกอสูรได้” หงซื้อห่าวถามออกมาระหว่างพาหยางเยี่ยนเหว่ย และหยางเซียงเซียนเดินเข้าไปในส่วนลึกของบ้านตระกูลหงอย่างช้าๆ
“เจ้าค่ะ เด็กคนนั้นมีพรสวรรค์มากทีเดียว ทักษะควบคุมไฟของ เขาน่าจะเหนือกว่าเหล่าอาวุโสของสํานักเพลิงบัญญัติเสียอีก” เซียง เซียนนึกถึงตอนที่หนิงหลงฝึกฝนรวมถึงตอนสร้างเสื้อคลุมให้กับอี้เฟยทักษะควบคุมไฟของหนิงหลงละเอียดอ่อนและแม่นยํามาก หากพลังธาตุของหนิงหลงเข้มข้นเหมือนผู้ใช้วิชาธาตุไฟทั่วๆไปเขา อาจจะก้าวผ่านระดับทักษะควบคุมไฟขั้นที่ 6 ขึ้นมาแล้วก็เป็นได้
“ไม่ใช่ว่าทักษะควบคุมไฟของเหล่าอาวุโสสํานักเพลิงบัญญัติ อ่อนด้อยไปหรอกหรือ” หงซื้อห่าวถามพลางมองไปทางหยางเยี่ยนเหว่ยครู่หนึ่ง ท่าทางเขาจะยังไม่วายกัดหยางเยียนเหว่ยอีกหน่อยก ระมัง
“ท่านพ่อ…” เซียงเซียนถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปทางบิ ดาของตนเองด้วยท่าทีขอร้องตอนนี้พวกเธอต้องทําการปลดผนึกห้องผนึกอสูรอยู่แล้ว ท่านพ่อยังจะมากัดกันกับสามีนางอีก
“ก็ได้ ถ้าถึงระดับอาวุโสของสํานักเพลิงบัญญัติก็ไม่มีปัญหา ขี้ นอยู่กับว่าหลานหนิงหลงจะสามารถดูดซับพลังธาตุได้นานแค่ไหนเท่านั้น” หงซื้อห่าวพยักหน้าช้าๆก่อนจะเดินเข้าไปในห้องขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านในสุดของบ้านตระกูลหง ตอนนี้ไม่ได้มีเพียงหงซี อห่าวและสองสามีตระกูลหยางเท่านั้นอีกแล้วเพราะภายในห้องมี ร่างของชายหญิงอีก 6 คนยืนรอพวกหยางเยี่ยนเหว่ยอยู่ ซึ่งคนเหล่านี้ต่างก็เป็นผู้มีตําแหน่งในบ้านตระกูลหงกันทั้งสิ้น
“เซียงเซียน เจ้าคงเหนื่อยแย่เดินทางติดๆกันแบบนี้”ผู้ หญิงคนหนึ่งเดินเข้าไปหาเซียงเซียนก่อนจะจับใบหน้าของเซียงเซียนด้วยท่าที่เป็นห่วงและใกล้ชิด แน่นอนว่านางย่อมทําตัวเช่นนี้กับ เซียงเซียนได้เพราะนางคือมารดาของเซียงเซียนนามว่าหงจู เซียนนั้นเอง
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะท่านแม่” เซียงเซียนตอบพลางยิ้มบางๆ ออกมา ในห้องนี้ต่างเป็นญาติของเซียงเซียนทั้งสิ้นและพวกเขาก็ ยังเป็นคนตระกูลหงที่มีพลังฝีมือสูงที่สุดในเหล่าคนตระกูลหงอีกด้วย
“เจ้าเด็กตระกูลหยาง คราวนี้ทําให้มันถูกต้องเข้าใจหรือ เปล่า” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพูดพลางมองมาทางหยางเยี่ยนเหว่ยเห มือนกําลังจับผิด การเข้าห้องผนึกอสูรจําเป็นต้องให้คนตระกูลหงเป็นผู้ปลดผนึกห้องเสียก่อน เพราะหากไม่ทําแบบนั้นกลไกที่ต ระกูลหงสร้างเอาไว้จะโจมตีใส่ผู้พยายามเข้าไปในห้องผนึกอสูรทัน ที
คราวก่อนหยางเยี่ยนเหว่ยแอบเข้ามาสืบในตระกูลหงอยู่พักใหญ่ จนทราบวิธีปลดผนึก แต่เพราะการปลดผนึกจริงๆต้องใช้คนจํา นวนหนึ่งทําให้หยางเยี่ยนเหว่ยปลดผนึกห้องผนึกอสูรได้ไม่ค่อยดีนัก แม้จะเข้าไปได้ แต่ก็ทํากลไกเสียหายไม่น้อย เรื่องนี้ทําเอาเหล่าอาวุโสของตระกูลหงบ่นกันเป็นหมีกินผึ้ง เพราะการซ่อมกลไกของ ห้องผนึกอสูรต้องใช้ทั้งความพยายามและวัตถุดิบที่ราคาแพงมากอีกด้วย
“เข้าใจแล้วขอรับ” หยางเยี่ยนเหว่ยยิ้มเงื่อนๆออกมาก่อนจะ มองไปรอบๆห้อง สภาพในห้องนี้ตอนหยางเยี่ยนเหว่ยผืนเบิดกลไกมันเละเทะมากทีเดียว ไม่แปลกเลยที่พวกลุงๆจะโกรธกัน
“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มกันเลย” หงซื้อห่าวเดินไปหยุดยืนบนแท่นหินที่ ตั้งอยู่รอบๆแผ่นสลักรูปกวางอัคนีที่สลักอยู่บนแผ่นหินรูปวงกลมขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่บนพื้นเบื้องล่างแผ่นหินนี้คือห้องผนึกอสูรที่ตระกูลหงปกป้องเอาไว้นอกจากคนตระกูลหงและคนในราชวงศ์เวยแล้วน้อยคนนักที่จะเข้ามาได้
“ขอรับ” หยางเยี่ยนเหว่ยพยักหน้าก่อนจะเดินไปยืนประจําตํา แหน่งที่ขาดไป คราวก่อนหยางเยี่ยนเหว่ยใช้ตัวคนเดียวยังฝืนปลดผนึกกลไกได้คราวนี้มีเหล่าอาวุโสของตระกูลหงร่วมเปิดผนึกด้วยมีหรือที่จะเกิดข้อผิดพลาดได้
ก๊กก๊กก๊ก
คนทั้ง 9 ยืนประจําตําแหน่งปล่อยพลังวิญญาณลงไปบนแท่นหินที่ตั้งล้อมรอบประตูทางลงไปยังห้องผนึกอสูรเอาไว้ ทันทีที่เริ่มปล่อยพลังวิญญาณลงไปกลไกบนแท่นหินก็เริ่มขยับไปมาแลดูซับซ้อนน่างุนงง แต่ผู้ยืนอยู่หน้าแท่นหินยามนี้เป็นผู้ที่คุ้นเคยกับมันอย่างมากเพียงไม่นานกลไกซับซ้อนก็ถูกแก้ออกอย่างง่ายดาย
คลีดดดดด
ทันทีที่ปลดผนึกสําเร็จ แผ่นสลักลายกวางอัคนีก็ปรากฏรอย แยกก่อนจะเลื่อนออกจากกันอย่างช้าๆ ก่อนที่จะ
พรึบ…!!
เปลวเพลิงสีแดงฉานพุ่งขึ้นมาจากรอยแยกของประตูอย่างรวด เร็วทําให้หงซื้อห่าวรีบใช้พลังวิญญาณของตนเองควบคุมเปลวเพลิงเหล่านั้นเอาไว้ไม่ให้เผาคนในห้องได้ จนกระทั่งแผ่นหินเลื่อนเปิดจนหมดเหล่าคนในห้องถึงได้เห็นว่าเปลวเพลิงด้านใต้กําลังปะทุอย่างรุนแรงที่เดียว
“เริ่มได้”หงือห่าวบังคับให้เปลวเพลิงที่ปะทุออกมากลับลงไป ในห้องด้านใต้อีกครั้ง ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้คนอื่นๆให้เริ่มลงมือได้
พรึบ!!
เหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณธาตุไฟชั้นสูง 9 คนร่วมลงมือกันบัง คับเปลวเพลิงในห้องมีหรือที่กองไฟจะต้านทานได้ทันทีที่คนทั้ง 9 เริ่มลงลงมือเปลวเพลิงก็เปิดทางออกให้คนทั้ง 9 ได้ลงไปในห้องผนึกอสูรอย่างง่ายดาย
“ควบคุมเอาไว้ อย่าให้ล้มเหลว” หงซื้อห่าวสั่งก่อนจะวาดฝ่ามือ ไปรอบๆควบคุมเปลวเพลิงในห้องให้สงบพริบตานั้นยามที่เปลวเพลิงโดนควบคุมให้เคลื่อนไหวตามฝ่ามือของคนทั้ง 9 ก็พลัน เผยให้เห็นต้นตอของเปลวเพลิงที่กําลังลุกท่วมอยู่ภายในห้อง และเป็นที่มาของพลังธาตุของห้องผนึกอสูรด้วยเช่นกัน
“นี่สินะโครงกระดูกของอสูรระดับสี่” หยางเยี่ยนเหว่ยมองไป เบื้องหน้าด้วยท่าที่ตื่นเต้นคราวก่อนเขาเข้ามาได้ก็จริงแต่ไม่สามารถควบคุมเพลิงที่กําลังไหลเวียนอย่างบ้าคลั่งภายในห้องนี้ได้เลยได้แค่ดูดซับพลังธาตุท่ามกลางเปลวเพลิงเท่านั้น วันนี้มีผู้เชี่ยวช าญช่วยเหลือหยางเยี่ยนเหว่ยถึงได้เห็นสภาพภายในห้องที่แท้จริงว่าภายในห้องนี้มีโครงกระดูกขนาดใหญ่ล้อมรอบไปทั่วห้อง แถมโครงกระดูกที่นอนอยู่ก็เป็นโครงกระดูกของอสูรที่แทบจะไม่เคยได้พบ เห็นกันอีกอย่างอสูรระดับ 4 อีกด้วย
“แม้จะเหลือแคโครงกระดูกก็ยังมีพลังธาตุมากมายขนาดนี้ เจ้า หนูตระกูลหยางเจ้าลองคิดถึงมันตอนยังมีชีวิตสิ” คนตระกูลหงคนหนึ่งพูดด้วยท่าที่ตื่นเต้นห้องผนึกอสูรแห่งนี้เกิดจากการฝังโครงกระดูกของอสูรระดับ 4 เอาไว้ว่ากันว่ากวางอัคนีและอสูรระดับ 3 อีกหลายสิบตนร่วมมือกับเหล่าบรรพบุรุษของราชวงศ์เวยและตระ กูลหงเพื่อสังหารมันเมื่อหลายพันปีก่อนสงครามในครั้งนั้นสร้างความเสียหายเกินคนานับ และเปลี่ยนพื้นที่ที่เคยเป็นผืนดิ นว่างเปล่าให้กลายเป็นภูเขาไฟได้เลยทีเดียว แต่ก็ไม่ใช่เพียงความ เสียหายเท่านั้นที่ได้รับกลับมา ตระกูลหงและราชวงศ์เวยสัมผัสได้ ว่าพลังธาตุที่แผ่ออกมาจากโครงกระดูกของอสูรระดับ 4 ตนนี้มีพลังธาตุไฟเข้มข้นที่เดียว เหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณธาตุไฟหากได้ดูดซับพลังจากมันจะทําให้ฐานพลังธาตุเพิ่มพูนขึ้นได้ผลกําไรของการสังหารอสูรระดับ 4 ครั้งนั้นเลยกลายมาเป็นห้องผนึกอสูรที่ช่วยให้ราชวงศ์เวยและตระกูลหงแข็งแกร่งขึ้นมาหลายชั่วอายุคนนั้น
เอง
“แต่อย่าไปแตะมันเข้าล่ะ แม้แต่พวกเราก็เถอะถ้าไปแตะมันเข้า รับรองว่าโดนเผาแน่ๆ” หยางเซียงเซียนไปมองไปทางสามีที่กําลังจ้องมองโครงกระดูกรูปร่างเหมือนโครงกระดูกของลิงขนาดใหญ่อย่างไม่วางตาก่อนจะกล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วงต่อให้เป็นหัวหน้าต ระกูลอย่างหงซื้อห่าวเองก็ไม่คิดจะแตะต้องกระดูกของอสูรตนนี้ เลย เพราะในสมัยเขายังเด็กเคยมีคนคิดจะลองแตะมันดูแล้ว และผลลัพธ์ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากจะจําเท่าไหร่
“พี่หนิงหลงต้องลงไปในนั้นหรือเจ้าคะ” หลังจากจัดกา รเปลวเพลิงที่ค้างอยู่ในห้องผนึกอสูรจนเสียเวลาไปกว่า 3 วัน หยางเยี่ยนเหว่ยก็พาหนิงหลงมายังห้องผนึกอสูรพร้อมกับบุตรสาวทั้ง สองเพื่อให้ได้เห็นว่าความลับของตระกูลหงคืออะไรแน่นอนว่าเหลียนฟางนั้นรู้อยู่ก่อนแล้วแต่อี้เฟยที่เพิ่งจะเคยมาคงจะประหลาดใจกับห้องนี้มากทีเดียว
“ไม่ใช่แค่หนิงหลงหรอก พวกเราเองพอระดับทักษะควบคุมไฟ ถึงระดับห้า พวกเราก็ต้องลงไปเหมือนกัน” เหลียนฟางตอบพลางมองไปทางหนิงหลงที่กําลังเดินเข้าไปที่ขอบทางเข้าห้องผนึกอสูรด้วยท่าที่กังวล พวกนางเป็นคนของตระกูลหงเช่นกัน เมื่อความ สามารถมีมากพอจะเอาตัวรอดจากห้องผนึกอสูรพวกนางเองก็ต้องลงไปเพื่อดูดซับพลังธาตุที่ไหลออกมาจากโครงกระดูกของอสูรลิงระดับ 4 เช่นกัน
“กระดูกนั่นมัน…” หนิงหลงที่เดินมาอยู่ที่ขอบทางเข้าก้มลงไป เห็นโครงกระดูกของอสูรลิงเข้าก็ชะงักไปทันทีเขาของกวางอัคนีที่ได้พบเมื่อ 3 วันก่อนก็หนึ่งแล้วยังมีโครงกระดูกของอสูรลิงระดับ 4 ด้วย ของพวกนี้ล้วนแล้วแต่นํามาทําอาวุธได้แต่ก็เป็นสิ่งที่ตอกย้ําหนิงหลงเช่นกันว่าพลังธาตุของหนิงยังไม่เพียงพอจะทําให้หนิงหลงกลายเป็นช่างตีเหล็กเหมือนอาจารย์ได้ทั้งเขาของกวางอัคนีกระดูกของอสูรลิงตนนี้เองต่างก็มีพลังธาตุไฟมหาศาลเปลวเพลิงทั่วๆไปไม่สามารถหลอมละลายให้พวกมันผสานเข้ากับเนื้อโลหะได้หากไม่ทําอะไรกับพลังธาตุในตัวหนิงหลงก็ไม่มีวันจัด การกับวัสดุพวกนี้ได้เลย
“หลานหนิงหลง ตั้งสมาธิให้ดี ภายในนั้นเจ้าห้ามเสียสมาธิเด็ด ขาด” หงซื้อห่าวเดินเข้ามาหาหนิงหลงก่อนจะเตือนให้หนิงห ลงตั้งใจให้ดีแม้เหล่าอาวุโสจะช่วยลดพลังธาตุในห้องผนึกอสูรให้ แล้วแต่หากไม่ระวังหนิงหลงก็อาจจะได้รับบาดเจ็บได้อยู่ดี
“ขอรับ” หนิงหลงพยักหน้าช้าๆก่อนจะกระโดดลงไปในห้องผนึก อสูรทันที ขั้นตอนการดูดซับพลังนั้นง่ายมากเพราะในนั้นมีพลังธาตุไหลเวียนอยู่มหาศาลอยู่แล้ว หนิงหลงที่กระโดดลงไปคงเหมือนก้อนแป้งที่ถูกโยนลงไปในน้ําพื้นที่ที่สัมผัสกับน้ําก็จะโดนพวกมัน แทรกไปทุกส่วนของร่างกาย ภายในเส้นชีพจรวิญญาณจะร้อนผ่าว และสร้างความเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมากแต่หากสามารถดูดซับพลังธาตุเอาไว้ได้พลังธาตุของหนิงหลงก็จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน
“..” ทันทีที่เท้าของหนิงหลงแตะพื้น เหล่าอาวุโสของตระกู ลหง รวมถึงหงซื้อห่าว หงจูเซียน หยางเซียงเซียน และหยางเยี่ยน เหว่ย ต่างก็เตรียมตัวจะลงไปในห้องผนึกอสูรตลอดเวลาเพื่อเกิดเห ตุไม่คาดคิดระดับพลังขั้นทองของหนิงหลงน่าจะทนได้สัก 10 หรือ 15 นาที แต่แค่นั้นหนิงหลงก็จะได้รับประโยชน์มหาศาลแล้ว
“เอ่อ…ข้าต้องอยู่ในนี้นานเท่าไหร่หรือขอรับ” หนิงที่ลงไปยืนอ ยู่ข้างล่างเงยหน้าขึ้นมาถามพวกหงซื้อห่าวด้วยท่าทีสงสัยหรือว่าจะเหมือนการแช่น้ําร้อนที่ต้องแช่สักพักให้ร่างกายผ่อนคลายแล้ว ค่อยขึ้นงั้นหรือ
“เอ่อ…ก็จนกว่าเจ้าจะไม่ไหวก็แล้วกัน” หงซื้อห่าวมองหนิงหล งด้วยท่าที่ประหลาดใจ ปกติคนหนุ่มของตระกูลหงพอลงไปก็ต้องรีบนั่งทําสมาธิเดินพลังวิญญาณทันที เหตุใดหนิงหลงถึงได้เดินเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกันเล่า