หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 35 รอคอย
ตอนที่ 35 รอคอย
“ทําไมครั้งนี้ถึงโตกันหมดแล้วล่ะ ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าจะพาเด็กของพวกเจ้าเข้า มาพบข้าครั้งแรกตอนอายุสี่ถึงห้าปีไม่ใช่หรือ” กวางอัคนี้เดินย่างก้าวเหนือธารลาวาราวกับเดินบนพื้นดินปกติก่อนจะค่อยๆเหยียบย่างลงบนพื้นหินที่ใช้ปูพื้น อย่างเชื่องช้าและสง่างาม ยามกีบเท้าของกวางอัคนีแตะลงบนหินที่ใช้ปูพื้นห้อง ราวกับจะละลายก้อนหินเหล่านั้นให้ละลายไม่มีผิด
“ขออภัยด้วยขอรับ หลานๆของข้าครั้งนี้ไปอยู่ต่างแดนมานานเพิ่งจะได้มีโอกาสได้กลับมาที่บ้านตระกูลหง ก็เลยได้มีโอกาสพามาพบท่านเป็นครั้งแรก” หงซือห่าวตอบพลางก้มหัวลงเล็กน้อย สําหรับพวกเขาแล้วกวางอัคนี้ตนนี้เป็นเหมือนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของตระกูล เป็นเหมือนตัวแทนของเหล่าบรรพชนเลยทีเดียว
“งั้นหรือ…แล้วพวกเจ้าชื่ออะไรกัน” กวางอัคนี้ถามพลางเดินเข้าไปหาหยางอี้เฟยและหนิงหลงราวกับจะต้องการมองทั้งสองให้ใกล้ขึ้น ปกติแล้วคนของตระกูลหงจะนําของมาถวายให้กับกวางอัคนี้ในวันเกิดของตนเอง เรียกได้ว่าเป็นธรรมเนียมของตระกูลหงเลยก็ว่าได้ ทําให้กวางอัคนี้รู้จักกับคนตระกูลหงทุกคน และจดจําได้ว่าพวกเขาเป็นใครอายุเท่าไหร่ นี่เป็นครั้งแรกที่กวางอัคนี้เจอเด็กที่โตแล้วแต่ก็ยังไม่รู้จักชื่อเสียได้
“ข้ามีนามว่าหนิงหลงขอรับ” หนิงหลงมองไปกวางอัคนีด้วยท่าที่สนใจ ปกติแล้วร่างของกวางอัคนีน่าจะแผ่ความร้อนออกมามากกว่านี้ แต่ที่รอบๆตัวหนิงหลงและตัวอี้เฟยยังสัมผัสความร้อนได้ไม่มากน่าจะเป็นเพราะกวางอัคนีควบคุมความร้อนรอบๆตัวเอาไว้เป็นแน่ อสูรตนนี้เป็นมิตรกับตระกูลหงจริงๆงั้นหรือ
“ข้ามีนามว่าหยางอี้เฟยเจ้าค่ะ”อี้เฟยเห็นหนิงหลงแนะนําตัวนางก็เริ่มแนะนำตัวบ้างทําให้อสุรกวางอัคนีมองทั้งสองด้วยท่าที่พอใจ
“เช่นนั้น หนิงหลง หยางอี้เฟย เหล่าลูกหลานของสหายข้า ข้าขออวยพร ให้พวกเจ้า”กวางอัคนี้พูดจบ สะเก็ดไฟดวงเล็กๆก็แตกกระจายออกมาจากเขา ทั้งสองข้างของมันราวกับดอกไม้ไฟ พริบตานั้นสะเก็ดไฟเล็กๆจํานวนมากก็ตก ลงมาบนร่างของหนิงหลงและอี้เฟยก่อนจะค่อยๆซึมหายเข้าไปในร่างของทั้ง สองอย่างช้าๆ สะเก็ดไฟพวกนี้แฝงกลิ่นอายของอสูรกวางอัคนี้เอาไว้ในเขตภูเขาไฟแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นอสูรตนใดก็จะไม่ทําร้ายผู้มีกลิ่นอายของอสูรกวางอัคนี โดยเด็ดขาด เพราะภายในเขตรอบภูเขาไฟนี้นั้นกวางอัคนี้ถือเป็นผู้ปกครองสูงสุดแล้ว
“ขอบพระคุณขอรับ ได้โปรดรับสิ่งนี้เป็นคําขอบคุณจากข้า”หงซือห่าวนํา ถาดไม้ออกมาจากกําไลมิติพร้อมยื่นถาดไม้ออกไปเบื้องหน้าเหมือนกําลังถวาย สิ่งบูชาให้กับกวางอัคนี บนถาดไม้นั้นมีหินสีแดงสดอยู่ 2 ก้อนเพื่อแทนคําขอบคุณของหนิงหลงและอี้เฟยนั่นเอง
“ไอ้นี่ล่ะที่ข้ารอ” กวางอัคนีหัวเราะออกมาก่อนจะก้มลงกินก้อนหินสีแดงสองก้อนเข้าปากไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไม่เหลือท่าทีสง่างามก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย แถมพอหินสีแดงนั่นเข้าปากไปกวางอัคนี้ยังทําหน้าเคลิ้มอีกต่างหาก
“พวกเจ้านี้เก่งจริงๆนะ ปกติจะหาหินแบบนี้ได้ปีละไม่กี่ก้อนแท้ๆ” กวางอัคนี ยิ้มกริ่มก่อนจะเลียปากด้วยท่าที่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัดทําเอาอี้เฟยที่ทําท่าที เกร็งๆก่อนหน้านี้มองกวางอัคนี้เปลี่ยนไปทันที
“แน่นอนขอรับ” หงซือห่าวยิ้มกว้างก่อนจะประสานมือคารวะกวางอัคนี อย่างนอบน้อม หินสีแดงสองก้อนนั้นเป็นแร่ที่หาได้ยากในเขตภูเขาไฟ แต่อาณาจักรผลาญสุริรันเป็นอาณาจักรที่มีการไหลเวียนของธาตุไฟเข้มข้นทําให้มีภูเขา ไฟหลายที่ตั้งอยู่ในเขตอาณาจักร ทําให้สามารถหาหินธารธรณีแบบนั้นได้เรื่อยๆ แม้จะยังนับเป็นของหายากราคาแพง แต่ในเหล่าของล้ําค่าก็ยังอยู่ในกลุ่มที่ สามารถหามาได้ไม่ยากเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับอํานาจของตระกูลหงที่เป็นตระกูล เก่าแก่ผู้คุ้มกันห้องผนึกอสูรแล้วของเช่นนี้สามารถหามาได้ไม่ยากเลย
“พวกเจ้าก็รีบสร้างทายาทกันไวๆก็แล้วกัน ข้าจะได้กินมันบ่อยๆ” กวางอัคนีว่าพลางหันหลังเดินกลับเข้าไปในน้ําตกลาวาด้วยท่าที่สบายใจ เพราะทุกวันเกิดของคนตระกูลหงจะนําหินธารธารามาถวายกวางอัคนีทุกครั้ง แม้ปกติจะไม่ได้ใช้หินก้อนใหญ่เท่านี้ก็ตาม แต่สําหรับกวางอัคนีแล้วนับว่าเป็นลาภปากอย่างแท้จริง บางทีที่กว้างอัคนี้ยังผูกมิตรกับคนตระกูลหงอยู่ก็อาจจะมีเจ้า หินธารธารานี่ล่ะเป็นส่วนหนึ่ง
“เฮ้อ เจ้ากวางแก่นั่น…พูดแบบนี้ออกมาต่อหน้าเด็กได้ยังไง” หงซือห่าวพอกวางอัคนี้เดินหายไปก็ถอนหายใจออกมาด้วยท่าที่เหนื่อยหน่าย พอกินหินธารธาราเข้าไปก็ทําท่าทีแบบนั้นออกมาทุกที ทั้งๆที่ถ้าทําตัวนิ่งๆก็ดูน่านับถือเหมือนสัตว์ผู้พิทักษ์ของตระกูลอยู่หรอก
“อี้เฟย เท่านี้เจ้าก็ได้รับคําอวยพรแล้ว เราไปเล่นกันในปาเถอะ”เหลียนฟางเห็นการ อวยพร ของกวางอัคนี้เสร็จสิ้นแล้วก็รีบเข้าไปหาน้องสาวด้วยท่าที่ตื่นเต้นกันที่ทําเอาอี้เฟยได้แต่มองมาทางพี่สาวด้วยท่าที่งุนงงว่าทํา ไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้นด้วย
“พวกเจ้าเดินกันเร็ว ท่านหมอเทวดาที่เชิญมาก็เลยยังมาไม่ถึง ส่วนห้องผนึกอสูรก็ต้องเตรียมการอีกหน่อย วันนี้ให้หลานๆไปเที่ยวเล่นกันก่อนเถอะ” หงซือห่าวว่าพลางลูบหัวของอี้เฟยเบาๆ จริงๆแล้วที่พวกหยางเยี่ยนเหว่ยเดินทางมา ถึงก่อนเวลานั้นเป็นเพราะเห็นท่าที่ผิดปกติของเวยอิงอิน แต่มาถึงจะให้อี้เฟย ตรวจอาการแล้วส่งหนิงหลงเข้าห้องผนึกอสูรเลยก็คงเครียดเกินไป เช่นนั้นป ล่อยให้เด็กๆได้เล่นสนุกกันหน่อยก็ไม่เลว
“เหลียนฟาง พาหนิงหลงไปด้วยสิ” หยางเซียงเซียนเห็นเหลียนฟางกําลังชวนอี้เฟยออกไปเที่ยวด้วยกันก็พอจะทราบว่าจะไปไหน นางก็เลยอยากจะให้บุตรสาวพาหนิงหลงไปด้วยอีกคนเท่านั้นเอง
“…………” เหลียนฟางได้ยินมารดาสั่งเช่นนั้นก็มองมาทางหนิงหลงครู่หนึ่ง ความประทับใจแรกที่นางมีต่อหนิงหลงไม่ดีเท่าไหร่ แต่หลังจากนั้นท่านแม่ก็บอก ให้นางได้ทราบว่าแท้จริงแล้วหนิงหลงกับนางมีฐานะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่เท่า นั้นจะเปลี่ยนความอคติในใจเหลียนฟางได้งั้นหรือ
“หนิงหลง ข้าอายุเยอะกว่าเจ้าต่อจากนี้ไปเจ้าเรียกข้าว่าพี่เหลียนฟางก็แล้วกัน”เหลียนฟางว่าพลางหันไปมองทางอื่นเหมือนไม่ได้สนใจหนิงหลงเสียเท่าไหร่ แต่แค่นี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเหลียนฟางยอมอ่อนข้อให้หนิงหลงนิดหน่อยทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่ยอมให้หนิงหลงเข้ามาใกล้อี้เฟยเสียด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าที่นางมีท่าทีเช่นนี้ไม่ได้เป็นเพราะหนิงหลงเป็นลูกพี่ลูกน้องของนางเท่านั้นหรอก แต่เพราะอี้เฟยเล่าให้ฟังแล้วว่าคนที่สร้างเสื้อคลุมให้นางและ เป็นคนที่ทําให้เหลียนฟางสามารถกลับมาอยู่กับน้องสาวได้คือหนิงหลงนั้นเอง เพราะแบบนั้นตลอดทางเหลียนฟางก็เลยไม่ได้ต่อว่าอะไรหนิงหลงอีก แถมยังเปิดใจให้หนิงหลงพอสมควรเลย
“ขอรับพี่เหลียนฟาง” หนิงหลงยิ้มออกมาด้วยท่าทีดีใจไม่น้อย ก่อนหน้านี้เหลียนฟางออกปากไล่ตนอย่างโจ่งแจ้ง แม้จะทําเหมือนไม่คิดมากแต่หนิงหลงเอง ก็กังวลไม่น้อยว่าจะเข้ากับเหลียนฟางได้หรือไม่ เห็นนางยอมเปิดใจเช่นนี้หนิงหลงย่อมเป็นคนที่สบายใจที่สุด
“งั้นพวกเจ้าตามข้ามา ข้าจะพาเข้าไปเล่นในปาอสูร” เหลียนฟางว่าพลางนํา เด็กๆเดินออกไปจากตัวบ้านด้วยท่าที่ร่าเริงทันที
“ป่าอสูรหรือขอรับ พี่เหลียนฟางแบบนั้นไม่อันตรายหรือขอรับ” หนิงหลง ถามด้วยท่าที่สงสัย แม้ในปาจะมีแต่อสูรระดับ 1 หรือ 2 เท่านั้น แต่ระดับพลังของหนิงหลงและเหลียนฟางตอนนี้อาจจะเป็นอันตรายได้ แถมยังพาน้องอี้เฟยไปอีกต่างหาก
“หึหึ เจ้ายังไม่รู้อะไร ก่อนหน้านี้พวกเจ้าได้รับพรจากท่านกวางอัคนีแล้วใช่ หรือไม่ พรของท่านทําให้อสูรในป่านี้ไม่ทําร้ายพวกเรา แถมยังเป็นมิตรอีกต่างหาก”เหลียนฟางยิ้มกว้างพร้อมพาพวกหนิงหลงเดินย้อนออกมาด้านนอกของภูเขาไฟ
“อี้เฟย หนิงหลง พวกเจ้าเห็นนั้นหรือเปล่า” พอมองเห็นท้องฟ้า เหลียนฟาง ก็มองไปรอบๆเพื่อหาอะไรบางอย่างก่อนจะชี้ให้พวกหนิงหลงได้เห็น
“อสูรนกหรือเจ้าคะ” อี้เฟยมองตามที่พี่สาวของตนบอกก่อนจะพบเข้ากับอสูรนกสีแดงเพลิงกลุ่มหนึ่งกําลังบินเล่นอยู่รอบๆภูเขาเข้าพอดี
“นกพวกนั้นตัวใหญ่มากเลยล่ะ ถ้าไปที่รังของพวกมันพวกเราจะสามารถขี่หลังของพวกมันบินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้เลยนะ” เหลียนฟางว่าคุยอวดด้วยท่า ที่ตื่นเต้นไม่น้อย แต่ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นอี้เฟยก็นึกถึงเรื่องที่มารดาเล่าให้ฟังทันที ที่แท้มารดาก็พูดถึงการขี่บนหลังอสูรนกนี่เอง เพราะได้รับพรจากกวางอัคนี้ก็เลยสามารถทําแบบนี้ได้ ช่างเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นจริงๆ
“จริงหรือขอรับ พวกเราขี่หลังมันได้จริงๆหรือขอรับ” ไม่ใช่แค่อี้เฟยเท่านั้น แม้แต่หนิงหลงเองก็ตื่นเต้นไปกับเรื่องนี้เช่นกัน ปกติแล้วการเข้าหาอสูรเป็นเรื่องอันตราย ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะสามารถเข้าหาอสูรได้โดยไม่ ต้องกลัวว่ามันจะทําร้ายเช่นนี้
“แน่นอน พวกเจ้าตามพี่สาวคนนี้มาเลย”เหลียนฟางที่อาศัยอยู่ที่บ้านตระกูลหงมานานย่อมคุ้นเคยกับที่นี่ดี วันนี้นางจะรับหน้าที่เป็นคนนาทางเอง
.
.
.
“ดีจริงๆเลยนะ” หยางเยี่ยนเหว่ยมองตามเงาของลูกสาวทั้งสองและหลาน อย่างหนิงหลงด้วยท่าที่ผ่อนคลาย ในเขตป่าอสูรนี้ไม่มีอสูรตนไหนทําร้ายคนที่มี คําอวยพรของกวางอัคนี แถมรอบๆยังมีคนของตระกูลหงคอยตรวจตราอยู่ตลอด การปล่อยพวกเขาออกไปเที่ยวก็เหมือนให้ออกไปวิ่งเล่นในสวนหน้า บ้านนั่นล่ะ เพราะงั้นหยางเยี่ยนเหว่ยและหยางเซียงเซียนเลยวางใจได้และไม่ต้องติดตามพวกหนิงหลงไปแต่อย่างไร และที่สําคัญพวกเขายังมีอย่างอื่นต้องทําอีก
“เซียงเซียน เจ้าเด็กตระกูลหยาง ตามข้ามา”หงซือห่าวพูดพลางจ้องมองทาง หยางเยี่ยนเหว่ยด้วยท่าที่ไม่ชอบใจเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบหยาง เยี่ยนเหว่ยก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยเข้าไปในห้องผนึกอสูรแถมยังเป็นระดับราชาสวรรค์ด้วย เพราะงันหยางเยียนเหว่ยเลยเป็นคนหนึ่งที่ช่วยเหลือหงซือห่าวได้ดีที่สุด
“ก่อนที่ท่านหมอจะมา พวกเราไปจัดเตรียมห้องผนึกอสูรให้เรียบร้อยก่อนก็แล้วกัน ” หงซือห่าวว่าพลางปล่อยพลังวิญญาณของตนออกมารอบๆ ห้องผนึกอสูรเป็นห้องที่มีพลังธาตุไฟรุนแรงมาก และมันก็ไม่ได้มอบให้แต่ผลดีกับผู้เข้าไป ฝึกฝนเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของหนิงหลงหงซือห่าวจึงต้องลงมือทําอะไร บางอย่างเพื่อทําให้หนิงหลงปลอดภัยในการฝึกฝนในห้องนี้เสียก่อน