หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 30 ส่งคืน
นิยาย อ่านนิยาย
ตอนที่ 30
ส่งคืน
“อะไรนะ เจ้าเป็นศิษย์ของจางหลี่ซูงั้นหรือ”อิงอินได้ยินก็ทำท่าทีตกใจออกมาก่อนจะหันไปหาหยางเยี่ยนเหว่ยด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ จางหลี่ซู คือใคร แล้วทำไมหนิงหลงถึงได้อ้างชื่อนางออกมาได้ เรื่องนั้นไม่ต้องถามหยางเยี่ยนเหว่ยก็ทราบดี คำตอบนั้นง่ายมากต้องเป็นท่านอาวุโสหมิงซานกำชับมาแน่ๆ คงเพราะต้องการให้หนิงหลงรักษาความลับว่าตนเป็นศิษย์ของใครเอาไว้ ก็เลยจงใจเลือกชื่อคนผู้หนึ่งมาเป็นข้ออ้าง จางหลี่ซู มีอีกชื่อหนึ่งว่า เทพธิดาทอผ้า นางเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการทอผ้าจนหาใครเทียบชั้นได้ยากมาก ว่ากันว่าผ้าที่นางถักทอออกมานั้นแข็งแรงทนทาน ต่อให้ใช้เส้นไหมทอออกมาก็แข็งแกร่งไม่ต่างจากแผ่นโลหะเลยทีเดียว แล้ว….ทำไมหยางเยี่ยนเหว่ยต้องทำหน้าตกใจด้วยงั้นหรือ….
“เจ้าคนกะล่อน เรื่องนี้พี่เซียงเซียนทราบหรือไม่”อิงอินมองไปทางหยางเยี่ยนเหว่ยด้วยท่าทีจับผิด ที่หยางเยี่ยนเหว่ยทำหน้าซีดเหมือนไก่ต้มนั้นก็เพราะ จางหลี่ซู เป็นคนรักเก่าของหยางเยี่ยนเหว่ยนั่นเอง ขอเพียงเอ่ยชื่อนางออกมาเรื่องที่หยางเยี่ยนเหว่ยยอมรับหนิงหลงเข้ามาในสำนักก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แม้จะเลิกรากันไปแล้ว แต่หากนางขอร้องหยางเยี่ยนเหว่ยจะทำเป็นคนอื่นคนไกลได้อย่างไร
“เอาเถอะ ข้าก็เข้าใจหรอกนะว่าเจ้ารู้สึกผิดกับจางหลี่ซู นางฝากศิษย์เข้าสำนักเจ้าก็คงยากจะปฏิเสธ แต่อย่าทำอะไรผิดต่อท่านพี่เซียงเซียนเชียวล่ะ เพราะถ้าเจ้าทำไม่ต้องให้พี่เซียงเซียนลงมือข้าจะเล่นงานเจ้าให้หนักเอง”อิงอินว่าพลางดึงคอเสื้อของหยางเยี่ยนเหว่ยจนหยางเยี่ยนเหว่ยรู้สึกเหมือนกำลังโดนรัดคอไม่มีผิด
เรื่องนี้ไม่ใช่อย่างที่อิงอินเข้าใจเสียหน่อย จางหลี่ซูกับหยางเยี่ยนเหว่ยไม่ได้ติดต่อกันมานานมากแล้ว ครั้งสุดท้ายที่หยางเยี่ยนเหว่ยได้รับจดหมายจากนางก็เป็นตอนที่นางส่งของขวัญมาให้ในงานแต่งงานของหยางเยี่ยนเหว่ยกับเซียงเซียนเท่านั้น แต่การให้อิงอินเข้าใจว่าหนิงหลงเป็นศิษย์ของจางหลี่ซูต่อไปย่อมส่งผลดีกับความปลอดภัยของหนิงหลงมากกว่า แต่ท่านอาวุโสหมิงซานช่างทำได้แสบจริงๆ ยังดีที่เซียงเซียนทราบความจริงอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นสำนักเพลิงบัญญัติได้ลุกเป็นไฟจริงๆก็งานนี้ล่ะ
.
.
.
กึก….
หลังจากเกือบจะเผาสำนักเพลิงบัญญัติไปแล้ว หนิงหลงก็ขอตัวลงมาที่ห้องฝึกของเจ้าสำนักเพื่อทำงานของตนอย่างที่เคยทำเป็นประจำ ทุกวันหนิงหลงไม่ได้ฝึกแค่วิชาเพลิงเท่านั้น แต่ยังฝึกกล้ามเนื้อและทักษะการตีเหล็กอีกด้วย โดยทุกๆวันหนิงหลงจะนำอาวุธเก่าออกมาหลอมแล้วตีขึ้นใหม่เป็นรูปแบบต่างๆกันตามหลักสูตรที่อาวุโสหมิงซานได้สั่งสอนมาให้ เพียงแต่วันนี้หนิงหลงมีสิ่งหนึ่งที่อยากจะทำนั่นก็คือการสร้างมีดของหยุนจูขึ้นมาใหม่นั่นเอง
หนิงหลงวางมีดของหยุนจูเอาไว้บนทั่งตีเหล็กก่อนจะไล่มององค์ประกอบของมีดอย่างละเอียด ทั้งลวดลาย การตกแต่ง ด้ามจับ ส่วนใบมีด รวมถึงการผสมโลหะขึ้นมา มีดของหยุนจูทำจากโลหะพิเศษที่มีคุณสมบัตินำความร้อนได้อย่างดีเยี่ยม โลหะพวกนี้หาไม่ยากนักแต่การจะเปลี่ยนมันเป็นอาวุธนั้นเป็นเรื่องยากทีเดียว แร่ที่ใช้เป็นหลักมีชื่อว่าแร่กองถ่านเป็นแร่สีดำสนิทที่สามารถดูดซับความร้อนได้ดีและมีจุดหลอมเหลวค่อนข้างสูงเหมาะกับนำมาเป็นอาวุธของผู้ใช้วิชาธาตุไฟอย่างมาก เพียงแต่แร่ชนิดนี้ทนความร้อนได้สูงก็จริง แต่ถ้าความร้อนเกินกว่าที่มันจะรับได้มันก็จะไหม้และกลายเป็นตะกอนแทนที่จะเป็นหินหนืดอย่างแร่อื่นๆ การจะใช้มันนั้นต้องใช้ความร้อนในจุดหลอมเหลวของมันพอดีห้ามเกินเด็ดขาด เพราะฉะนั้นผู้จะสร้างอาวุธจากแร่ชนิดนี้ต้องสามารถควบคุมให้ความร้อนของไฟที่ตนสร้างอยู่นิ่งในระดับเดียวได้เสียก่อน
แต่ทว่ามีดเล่มนี้ไม่ใช่ผลงานชั้นเยี่ยมขนาดนั้น มีดเล่มนี้สร้างจากการผสมแร่อีกหลายชนิดเข้าไปเพื่อไม่ให้แร่กองถ่านกลายเป็นตะกอนหลังจากหลอมเกินอุณหภูมิสูงสุดของมัน แม้จะทำให้การสร้างอาวุธจากแร่ชนิดนี้ง่ายขึ้นแต่ก็ทำให้คุณสมบัติทนความร้อนสูงของแร่กองถ่านลดลงด้วย ดูจากวิชาของพี่หยุนจูแล้วนางน่าจะอัดพลังธาตุเข้าไปในมีดก่อนจะปามันออกไป แต่ระดับพลังของนางน่าจะสร้างเปลวเพลิงที่ร้อนกว่านี้ได้แน่ๆ แต่ที่ไม่ทำน่าจะเป็นเพราะมีดเล่มนี้น่าจะรับไม่ไหวสินะ
พรึบ….
หนิงหลงสร้างเปลวเพลิงของตนขึ้นมาก่อนจะมองไปที่มีดของหยุนจูครู่หนึ่ง การผสมแร่อื่นๆเข้าไปเพื่อทำให้หลอมอาวุธได้ง่ายเป็นวิธีทั่วไปที่ช่างตีเหล็กใช้กันก็จริง แต่หนิงหลงที่เรียนมากับอาวุโสหมิงซานกลับโดนสั่งสอนให้ขัดเกลาฝีมือตัวเองเพื่อจะสร้างอาวุธออกมาโดยไม่ทำให้คุณสมบัติของแร่ตั้งต้นตกลงให้มากที่สุด นี่คือความต่างของฝีมือช่างตีเหล็กอย่างแท้จริง
วูบ…
หนิงหลงนำมีดของพี่หยุนจูเข้าไปหลอมในเปลวเพลิงของตนเองก่อนจะใช้ความร้อนในการแยกแร่ชนิดอื่นออกมาจากตัวแร่เตาถ่านก่อนจะนำแร่เตาถ่านที่ตนมีใส่เพิ่มลงไปเพื่อให้น้ำหนักพอดีกับมีดที่พี่หยุนจูใช้ วิชาอาวุธลับอย่างการปานั้นเรื่องน้ำหนักของมีดเป็นสิ่งสำคัญมาก หากน้ำหนักผิดไปเพียงเล็กน้อยก็อาจจะทำให้จุดเป้าหมายพลาดเป้าได้
เคร๊ง!! เคร๊ง!!
หนิงหลงหลอมแร่กองถ่านจนอ่อนตัวก่อนจะนำลงมาตีบนทั่งอย่างรวดเร็ว ระดับฝีมือในด้านช่างตีเหล็กของหนิงหลงเหนือล้ำกว่าคนธรรมดาไปมาก แค่มีดสั้นระดับกลางไม่ใช่สิ่งที่หนิงหลงจะสร้างไม่ได้ ไม่ใช่แค่นั้น หนิงหลงยังลอกการออกแบบ โครงสร้าง และการตกแต่งของมีดเล่มเก่ามาจนหมด แม้ในใจจะแอบคิดว่าโครงสร้างของช่างตีเหล็กท่านนี้ออกจะหยาบไปหน่อย แต่เพราะหนิงหลงอยากจะคืนมีดเล่มเดิมให้พี่หยุนจูก็เลยจำเป็นต้องสร้างให้มันเหมือนเดิมทุกประการ
.
.
.
“พี่หยุนจู สวัสดียามเย็นขอรับ”หลังจากสร้างมีดและการฝึกฝนประจำวันจบลง หนิงหลงก็ออกมาจากห้องฝึกของเจ้าสำนักแล้วมุ่งตรงมายังที่พักของพี่หยุนจูและท่านอิงอินทันที เพียงแต่ตอนนี้ที่เก้าอี้ในสวนกลับมีเพียงหยุนจูเท่านั้นที่นั่งอยู่
“น้องหนิงหลง เจ้ามีธุระอะไรงั้นหรือ”เวยหยุนจูเห็นหนิงหลงเข้ามาหาก็เลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย ตอนนี้ท่านน้ากำลังพูดคุยปรับทุกข์กับท่านลุงหยางอยู่ในเรือน ท่าทางนางคงจะดื่มกับท่านลุงทั้งคืนเป็นแน่ แถมเนื้อหาพูดคุยยังเป็นเรื่องหญิงสาวที่ชื่อจางหลี่ซูอีกต่างหากทำให้นางรู้สึกว่าไม่ควรอยู่ฟังก็เลยชวนน้องอี้เฟยออกมาเดินเล่นและเพิ่งจะแยกกันก่อนหนิงหลงจะมาไม่นานเท่านั้น
“ข้าเอามีดของท่านไปซ่อมแซมมาให้ขอรับ”หนิงหลงตอบพลางนำมีดที่ตนเพิ่งซ่อมเสร็จส่งคืนให้กับหยุนจู หากดูจากภายนอกมันเหมือนมีดที่หยุนจูใช้ก่อนหน้านี้ทุกประการไม่ผิดเพี้ยนเลย และเพราะแบบนั้นก็เลยทำให้หยุนจูรู้สึกประหลาดใจมากทีเดียว
“เจ้าซ่อมงั้นหรือ”หยุนจูขมวดคิ้วพลางมองมีดในมือหนิงหลงด้วยท่าทีตกใจ มีดเล่มนี้แต่เดิมส่วนปลายบิ่นไปแล้ว ช่างส่วนใหญ่หากจะซ่อมก็คงซ่อมด้วยการลับมันให้เล็กลง หรือหลอมตรงส่วนปลายเสริมขึ้นมาใหม่เท่านั้น แต่นี่ไม่ว่าจะมองอย่างไรขนาดของมันก็ยังเท่าเดิม และส่วนปลายก็ไม่มีร่องรอยการต่อแม้แต่น้อย นี่น้องหนิงหลงนำมันไปซ่อมแบบไหนกันแน่
กึก….
หยุนจูรับมีดมาจากมือของหนิงหลงก็ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ น้ำหนักของมีดเท่าเดิมไม่มีผิด แถมระดับของมันก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปอีกด้วย ช่างเป็นการซ่อมแซมที่น่าตกใจจริงๆ
“น้องหนิงหลง ข้าขอลองใช้มันได้หรือเปล่า”หยุนจูถามพลางมองมีดของหนิงหลงด้วยท่าทีสนใจ มันเหมือนมีดเล่มใหม่เสียมากกว่านำมีดเก่าไปซ่อมเสียอีก ถ้าได้ลองสัมผัสตอนปามันออกไปละก็นางน่าจะแยกแยะความแตกต่างได้
“ขอรับ นั่นเป็นมีดของท่านอยู่แล้วนี่ขอรับ”หนิงหลงตอบพลางกะพริบตาปริบๆ ทำไมนางต้องขออนุญาตใช้มีดของตนเองด้วยเล่า
“เอ๊ะ นั่นสินะ….”หยุนจูได้ยินก็สะดุ้งนิดหน่อย นางตื่นเต้นเกินไปจนลืมเรื่องนี้ไปเลย แต่นางคงจะทดลองกับต้นไม้หรือกำแพงแถวๆนี้ไม่ได้หรอกเพราะมันเป็นสมบัติของท่านลุงหยาง เช่นนั้นก็…..
วูบ….เปรี้ยง!!!
เวยหยุนจูรวบรวมพลังธาตุไฟที่มีดจนตัวมีดเปลี่ยนเป็นสีส้มไปทั้งเล่มก่อนที่เวยหยุนจูจะปามันออกไปใส่เป้าที่เป็นหุ่นไม้สวมเกราะของนางเองเข้าอย่างจัง วิชาอัสนีแดงเป็นหนึ่งในวิชาอาวุธลับที่รวดเร็วที่สุด ลำพังเพียงมองตามให้ทันก็ยากลำบากแล้ว แต่อัสนีแดงยังสร้างความเสียหายรุนแรงและความร้อนมหาศาลตามมาด้วย ที่สวมเกราะให้หุ่นไม้นั้นก็เพราะแค่หุ่นไม้อย่างเดียวไม่สามารถทนความรุนแรงของท่านี้ได้นั่นเอง
“นี่มันดีกว่าเดิมอีกหรือเปล่า”ทันทีที่ได้ยินหยุนจูพูดแบบนั้นหนิงหลงก็สะดุ้งโหยงทันที ไม่นึกว่าพี่หยุนจูจะสัมผัสไวเช่นนี้ แม้การเปลี่ยนความบริสุทธิ์ของแร่กองถ่านจะทำให้มีดสามารถดูดซับพลังธาตุได้มากขึ้นก็เถอะ แต่ระดับที่เพิ่มขึ้นมาก็ห่างจากเดิมเพียงช่วงหนึ่งเท่านั้น แต่พี่หยุนจูกลับสามารถสัมผัสได้เพียงการปาครั้งเดียวงั้นหรือ
“มะ ไม่หรอกขอรับ ข้าก็แค่ซ่อมมันนิดๆหน่อยๆเอง ข้ายังกังวลอยู่เลยว่ามันจะเทียบกับของเก่าไม่ได้ด้วยซ้ำ”หนิงหลงว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ความจริงแล้วอาจารย์สั่งหนิงหลงเอาไว้ว่าห้ามบอกคนอื่นเด็ดขาดว่าเป็นช่างตีเหล็กยกเว้นหยางเยี่ยนเหว่ยและครอบครัวของเขาเท่านั้น นอกจากนี้ยังห้ามสร้างอาวุธให้ใครจนกว่าจะได้รับคำอนุญาตจากอาจารย์ แต่ครั้งของอี้เฟยหนิงหลงไม่ได้สร้างอาวุธเสียหน่อยแถมยังสร้างให้ท่านลุงอีกต่างหาก ส่วนครั้งนี้เขาเพียงซ่อมมีดให้กับพี่หยุนจูเท่านั้นเช่นกัน ไม่ได้สร้างอาวุธขัดคำสั่งอาจารย์เลย….แม้แต่คำเดียว ส่วนอย่างสุดท้ายที่อาจารย์สั่งเอาไว้ก็คือ หากใครถามว่าหนิงหลงเป็นศิษย์ของใครก่อนมาเข้าสำนักเพลิงบัญญัติก็ให้ตอบไปว่าเป็นศิษย์ของจางหลี่ซู!