หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 29 สหายนิสัยเสีย
นิยาย อ่านนิยาย
ตอนที่ 29
สหายนิสัยเสีย
“หยุนจู รอนานหรือเปล่า…..”ระหว่างหนิงหลงกับหยุนจูกำลังพูดคุยกัน เวยอิงอินก็เดินเข้ามาในเขตเรือนรับรองพร้อมๆกับหยางเยี่ยนเหว่ยและหยางอี้เฟยผู้เป็นเจ้าบ้าน แต่คำทักทายของเวยอิงอินกลับชะงักไปเมื่อเห็นว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่กับเวยหยุนจูหลานสาวของนาง
“เจ้า…ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้”เวยอิงอินเห็นหลานสาวไม่มีท่าทีประหลาดใจอะไรก็เลยเพียงแสดงท่าทีสงสัยเท่านั้น ปกติหยางเยี่ยนเหว่ยไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาในเขตของเจ้าสำนักโดยพลการ เพราะแบบนั้นทางราชสำนักเลยไว้ใจให้เวยอิงอินกับเวยหยุนจูมาพักที่นี่ได้ เพราะงั้นการที่หนิงหลงมาอยู่ที่นี่ทำให้นางสงสัยจริงๆ
“อิงอิน….หลานหนิงหลงเป็นคนรู้จักของข้าเอง ตอนนี้เขามาอาศัยร่วมกันกับข้าพอดี”หยางเยี่ยนเหว่ยตอบโดยเลี่ยงเรื่องหนิงหลงเป็นศิษย์ของอาวุโสหมิงซานอย่างจงใจ อย่างที่เห็นเวยอิงอินเป็นผู้ทำการค้า นานมากแล้วที่นางพยายามขอร้องให้อาวุโสหมิงซานขายอาวุธต่างๆให้นางจนอาวุโสหมิงซานรำคาญ ถึงกับบอกหยางเยี่ยนเหว่ยและคนอื่นๆว่าห้ามบอกที่อยู่ของตนให้นางทราบเด็ดขาดไม่อย่างนั้นจะริบอาวุธที่สร้างให้คืนเลยทีเดียว
“ยินดีที่ได้พบอีกครั้งขอรับท่านน้าอิงอิน”หนิงหลงเห็นท่านลุงหยางเรียกนางเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นประสานมือคารวะอีกฝ่ายอย่างนอบน้อมทันที แต่คราวนี้กลายเป็นหยางเยี่ยนเหว่ยแทนที่ทำสีหน้าสงสัยออกมา
“อีกครั้ง….”หยางเยี่ยนเหว่ยเลิกคิ้วพลางมองไปทางหนิงหลงเหมือนกำลังสงสัยว่าอีกครั้งของหนิงหลงนี่หมายความว่าอย่างไร หรืออิงอินกับหนิงหลงจะเคยเจอกันมาแล้ว? แล้วเจอกันเมื่อไหร่ ที่ไหนกัน
“พวกเราเจอกันเมื่อตอนสายๆที่ตลาด เห็นเขากำลังโดนพ่อค้าหลอกขายของปลอมอยู่ก็เลยจะเข้าไปช่วย ที่ไหนได้หนุ่มน้อยคนนี้กลับสายตาเฉียบแหลมตอกกลับเจ้าของร้านไปจนหน้าหงายเลยล่ะ”เวยอิงอินเป็นฝ่ายตอบคำถามของหยางเยี่ยนเหว่ยด้วยตัวเอง
“อย่างนี้นี่เอง ข้าคงต้องขอบใจเจ้าสินะ”หยางเยี่ยนเหว่ยถอนหายใจออกมาช้าๆที่แท้นางก็เพิ่งจะรู้จักหนิงหลงก่อนหน้านี้ไม่นานนี่เอง นึกว่านางแอบไปเจอท่านหมิงซานมาแล้วเสียอีก
“แล้วข้าจะรอค่าตอบแทนจากเจ้านะ จริงสิอี้เฟยมากับน้าหน่อย”เวยอิงอินยิ้มด้วยท่าทีไม่น่าไว้ใจก่อนจะหันไปหาอี้เฟยที่อยู่ด้านหลังหยางเยี่ยนเหว่ยก่อนจะพานางเดินเข้าไปหาเวยหยุนจูช้าๆ
“หลานอี้เฟย นางคือหลานสาวของข้ามีนามว่าหยุนจู พวกเจ้าน่าจะรู้จักกันแล้วแต่คงยังไม่เคยเจอหน้ากันสินะ”เวยอิงอินว่าพลางพาหลานสาวทั้งสองมาเผชิญหน้ากัน เพราะอาการของอี้เฟยทำให้หยุนจูที่ไม่สามารถควบคุมพลังไฟได้ยอดเยี่ยมเท่าพวกผู้ใหญ่ไม่ได้รับสิทธิ์ในการเจอหน้าน้องอี้เฟย เพราะแบบนั้นนางเลยไม่ได้เจออี้เฟยเลยแม้จะมาพักที่สำนักเพลิงบัญญัติหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม
“สวัสดีเจ้าค่ะ…..ท่านพี่หยุนจู”อี้เฟยประสานมือคำนับหยุนจูด้วยท่าทีเขินๆดูแล้วน่ารักไม่น้อยเลย แม้นางจะไม่ค่อยได้เจอคนอื่นแต่ก็ไม่ได้ลืมวิธีทักทายนี่นา แต่ฝ่ายหยุนจูต่างหากที่เป็นฝ่ายงุนงง เพราะก่อนหน้านี้ท่านน้าอิงอินนี่ล่ะเป็นคนห้ามไม่ให้ตนเองเข้าไปหาน้องอี้เฟย แต่ครั้งนี้นางกลับพาน้องอี้เฟยมาแนะนำตัวกับตนเองเลยทำให้หยุนจูได้แต่มองไปทางท่านน้าเหมือนกำลังขอความเห็นว่าควรทำอย่างไร ซึ่งฝ่ายอิงอินเองก็พยักหน้าช้าๆเพื่อบอกว่านางสามารถเข้าหาอี้เฟยได้แล้ว
“น้องอี้เฟย….ในที่สุดข้าก็ได้เจอเจ้าเสียที”เมื่ออิงอินอนุญาตหยุนจูก็ก้มย่อตัวลงทักทายอี้เฟยด้วยท่าทีอ่อนโยนทันที เพราะทราบเรื่องที่ผ่านมาก็เลยรู้สึกสงสารน้องอี้เฟยมาตลอด แม้จะไม่ทราบว่าทำไมนางถึงสามารถเข้าหาคนอื่นได้แล้ว แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องดีอย่างแน่นอน
“…………..”เห็นบุตรสาวกับหยุนจูยิ้มแย้มให้กันหยางเยี่ยนเหว่ยก็ถอยออกมาพร้อมรอยยิ้ม ตั้งแต่ได้เสื้อคลุมของหนิงหลงมาก็เหมือนเห็นอี้เฟยเริ่มก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วไม่มีผิด หลายวันที่ผ่านมานี้เป็นช่วงที่มีความสุขมากของชีวิตหยางเยี่ยนเหว่ยเลยทีเดียว
“ว่าแต่ คนรู้จักงั้นหรือ ทำไมเจ้าต้องใช้คำพูดคลุมเครือกับความสัมพันธ์ของเจ้ากับน้องหนิงหลงด้วยล่ะ”เห็นหลานสาวทั้งสองเริ่มพูดคุยกันแล้วฝ่ายอิงอินเองก็หันไปหาหยางเยี่ยนเหว่ยบ้าง นางไม่ปล่อยเรื่องน่าสงสัยหลุดไปง่ายๆหรอก
“คนรู้จักของเจ้าส่วนใหญ่ข้าก็รู้จักนี่นา แต่เท่าที่ข้าจำได้ไม่มีใครมีลูกชายแบบน้องหนิงหลงเลยนะ”อิงอินว่าพลางมองไปทางหยางเยี่ยนเหว่ยด้วยท่าทีจับผิด
“เจ้าคิดมากแล้ว หลานหนิงหลงเป็นลูกศิษย์ของคนรู้จักคนหนึ่งของข้าเท่านั้น ไม่มีอะไรหรอก”หยางเยี่ยนเหว่ยตอบพลางกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ
“หืม…..น่าแปลกจังเลยนะ ไม่ใช่ลูกแต่เป็นลูกศิษย์ของคนรู้จัก เจ้าถึงกับยอมให้เขาเข้ามาอยู่ในที่พักของเจ้าสำนักเลยนี่นา คนรู้จักคนนั้นคงจะเป็นคนสำคัญมาก แต่ถ้าสำคัญขนาดนั้นข้าก็ต้องรู้สิ”อิงอินจ้องหยางเยี่ยนเหว่ยไม่วางตาอย่างกับจะมองให้ทะลุเข้าไปในร่างของหยางเยี่ยนเหว่ยเสียให้ได้
“แถมน้องหนิงหลงยังมีความสามารถในการดูระดับของอาวุธอย่างแม่นยำเสียด้วย มีดของข้าแค่เห็นครู่เดียวก็ทราบระดับแล้ว”อิงอินสลับจากมองหยางเยี่ยนเหว่ยเป็นหันไปมองทางหนิงหลงแทน การฝากฝังศิษย์ของตนเอาเข้าสำนักของหยางเยี่ยนเหว่ยได้ไม่ใช่เรื่องง่าย และการฝากเข้าสำนักเกี่ยวกับไฟก็มีความประสงค์ไม่กี่อย่าง นั่นคือฝึกฝนวิชาควบคุไฟเพื่อเป็นยอดฝีมือธาตุไฟหรือไม่ก็เพื่อเรียนรู้ทักษะการใช้ไฟไปในเส้นทางอื่น……อย่างเช่นการหลอมโลหะในงานตีเหล็ก
“อะแฮ่ม……”โดนอิงอินไล่เรียงมากๆเข้า หยางเยี่ยนเหว่ยก็รีบกระแอมกระไอออกมาแล้วเดินออกห่างอิงอินไปหาพวกลูกสาวแทนเสียอย่างนั้น แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้ไม่ทำให้อิงอินยอมเลิกตอแยแน่ๆ แต่การไปโกหกนางก็ไม่ใช่เรื่องฉลาดเท่าไหร่ เพราะหากโกหกแล้วนางจับได้ก็ไม่มีทางให้หนีอีกแล้ว หยางเยี่ยนเหว่ยเลยใช้ท่าไม้ตายเปลี่ยนเรื่องทันที
“หลานหยุนจู เจ้าเดินทางมาตั้งไกลได้พักผ่อนแค่ครู่เดียวเอง เข้าไปในเรือนเจ้าสำนักก่อนเถอะลุงจะเลี้ยงข้าวเจ้าเอง”หยางเยี่ยนเหว่ยว่าพลางเข้าไปชวนหยุนจูและบุตรสาวเพื่อเลี่ยงการตอบคำถามของอิงอิน
“เอ๊ะ เจ้าค่ะ….”หยุนจูได้รับคำเชิญก็ตอบรับอย่างไม่รู้ความ แต่ทางอิงอินที่อยู่ด้านหลังกลับยิ้มเสียเย็นเฉียบราวกับจะฆ่าแกงกันให้ได้เล่นเอาหยางเยี่ยนเหว่ยไม่กล้าหันไปมอง แต่ช่วยไม่ได้หรอกท่านอาวุโสหมิงซานมีบุญคุณกับเขามากกว่า จะยอมให้นางรู้ที่อยู่ของท่านไม่ได้
“จริงสิ พี่หยุนจูขอรับ”ระหว่างกำลังจะย้ายไปยังเรือนเจ้าสำนัก หนิงหลงก็เหมือนเพิ่งจะนึกอะไรออกรีบเดินเข้าไปหาหยุนจูก่อนจะเดินจากไป ตอนนี้หนิงหลงยังรู้สึกคาใจกับมีดที่เสียหายของหยุนจูอยู่ ถึงนางจะบอกว่ามีอีกมากมายก็เถอะ
“มีดเล่มนั้น ข้าขอยืมมันสักวันสองวันได้หรือไม่ขอรับ”หนิงหลงถามพลางเดินเข้าไปเดินข้างๆหยุนจู ส่วนผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างหยางเยี่ยนเหว่ยกับอิงอินก็กำลังเขม่นกันอย่างสนุกสนาน?เสียจนไม่ได้สนใจที่หนิงหลงพูดกับหยุนจูเท่าไหร่
“ได้สิ…..”หยุนจูมองหนิงหลงครู่หนึ่งก็ส่งมีดที่เป็นอาวุธวิเศษระดับกลางให้กับหนิงหลงไป แม้ในฐานะคนธรรมดาอาวุธวิเศษแค่ระดับต่ำก็ถือว่ามีค่ามากแล้ว แต่ฐานะอย่างหยุนจูอาวุธเช่นนี้มีเหลือเฟือจนไม่คิดว่ามีค่าด้วยซ้ำ แม้ไม่ทราบว่าหนิงหลงจะเอาไปทำไมแต่หนิงหลงเป็นคนรู้จักของท่านลุงหยาง แถมเขาก็ดูไม่ใช่คนไม่ดี หยุนจูก็เลยมอบมีดให้เขาแบบไม่คิดอะไร หรือต่อให้หนิงหลงจะเอามีดของนางไปจริง มีดที่บิ่นไปแล้วเช่นนั้นนางก็ยกให้หนิงหลงได้อย่างไม่เสียดายอยู่แล้ว
“ขอบคุณขอรับ”หนิงหลงยิ้มบางๆออกมาก่อนจะเก็บมีดของหยุนจูเข้ากำไลมิติไป
.
.
.
“หยางเยี่ยนเหว่ย เจ้าจะยอมบอกข้าดีๆหรือจะให้ข้าง้างปากเจ้า หา…..”หลังจากมื้ออาหาร เวยอิงอินที่แสดงท่าทีเป็นหญิงสาวผู้สง่าผ่าเผยมาตลอดทั้งวันยามนี้นั่งเคียงข้างหยางเยี่ยนเหว่ยพร้อมยังจับคอเสื้อของหยางเยี่ยนเหว่ยเอาไว้แน่นอีกต่างหาก
“นี่เจ้า…ดื่มสุราด้วยงั้นหรือ”หยางเยี่ยนเหว่ยเลิกคิ้วก่อนจะมองไปที่แก้วของอิงอิน ไม่ใช่ว่าเขาบอกคนครัวแล้วงั้นหรือว่าห้ามนำสุราออกมาเพราะอิงอินเมาแล้วนิสัยเสีย ไม่สิหรือว่านางจะเอาสุรามาเองงั้นหรือ
“ทำไมข้าจะดื่มไม่ได้เล่า ข้ามาพักผ่อนทั้งทีก็อยากจะดื่มบ้างไม่ได้หรือไง อยู่ในวังท่านพี่ก็ห้ามไม่ให้ข้าดื่ม ไม่รู้เป็นอะไรถึงได้ห้ามแต่ข้าคนเดียว”อิงอินว่าพลางทั้งตัวเอนพิงบ่าของหยางเยี่ยนเหว่ยเสียอย่างนั้น ปกติมีสาวงามมาอิงแอบแนบชิดเช่นนี้คงมีแต่คนดีใจกันถ้วนหน้า แต่หยางเยี่ยนเหว่ยคบหาเป็นสหายกับอิงอินมานาน เห็นท่าทีของนางเช่นนี้มีแต่เหนื่อยใจราวกับมองเห็นลูกสาวกำลังเมาหัวราน้ำไม่มีผิด แล้วเมื่อครู่นางเผลอหลุดพูดเรื่องในวังออกมางั้นหรือ ไม่ใช่เรื่องนั้นเป็นความลับตอนอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือไง
“เจ้าเองก็มาดื่มด้วยกันสิอย่าปล่อยข้าดื่มคนเดียว”อิงอินที่เริ่มเมาก็เริ่มระรานหยางเยี่ยนเหว่ยเสียอย่างนั้น ก็เพราะนางมีท่าทีเช่นนี้ไงพี่ชายของนางถึงห้ามดื่มในวัง ไม่อย่างนั้นพระขนิษฐาไปทำตัวเช่นนี้ในวัง องค์จักรพรรดิจะเอาหน้าไปไว้ไหน
“นี่….วันนี้เจ้าทำตัวเป็นสหายที่ไม่ได้เรื่องเลยนะหยางเยี่ยนเหว่ย นอกจากจะไม่ดื่มสุรากับข้าแล้ว ยังเก็บความลับกับข้าอีกต่างหาก ไหนคนที่สร้างเสื้อคลุมให้อี้เฟยคือใคร หนิงหลงเป็นศิษย์ของใครกันแน่ บอกข้ามาให้หมดนะเจ้าสหายนิสัยเสีย”อิงอินยามเมาคุมสติไม่ได้เลยสักนิด เรื่องที่ไม่ควรถามออกมาต่อหน้าหนิงหลงเองก็ถามออกมาหมด เล่นเอาหยางเยี่ยนเหว่ยไม่ทราบจะจัดการกับยัยขี้เมานี่อย่างไร
“ข้าหรือขอรับ…..ข้าเป็นศิษย์ของจางหลี่ซูขอรับ”หนิงหลงที่ได้ยินคำถามของอิงอินกลับหันไปตอบคำถามของนางหน้าตาเฉยเสียอย่างนั้น เพียงแต่คำตอบของหนิงหลงกลับทำให้หยางเยี่ยนเหว่ยหน้าซีดเผือดเสียอย่างนั้น ทำไมหนิงหลงถึงพูดชื่อนั้นออกมากัน?