หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 28 ชดเชย
ตอนที่ 28
ชดเชย
“………….”เวยหยุนจูเดินมายังจุดที่เกิดเสียงก่อนจะพบว่าที่ตรงนั้นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่กับพื้นพร้อมกับมีดของนางที่ตกอยู่ข้างๆ นี่แสดงว่านางปาไปโดนเขาอย่างนั้นหรือ ทั้งๆที่กะจะแค่ปาเฉียดๆเท่านั้นเอง
“ท่าน….”หนิงหลงที่เพิ่งจะกลับมาจากตลาดมองไปทางหญิงสาวตรงหน้าด้วยท่าทีประหลาดใจ นางเป็นหลานสาวของคนที่เจอกันในร้านขายอาวุธนี่นา ทำไมนางถึงมาอยู่ในสำนักเพลิงบัญญัติได้ แล้วทำไมนางถึงโจมตีตนเองล่ะ?
“เจ้า….ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”หยุนจูเห็นอีกฝ่ายเป็นเด็กหนุ่มที่เจอกันก่อนหน้านี้ก็เลิกคิ้วด้วยความสงสัย เขาไม่ได้สวมเครื่องแบบของสำนักเพลิงบัญญัติเหตุใดถึงเข้ามาในสำนักได้แถมไม่ใช่แค่ในเขตสำนัก แต่นี่เป็นเขตที่พักของเจ้าสำนักเลยนะ ไม่ใช่ว่าสำนักของท่านลุงหยางคุ้มกันเข้มงวดมากหรอกหรือ
“ข้าพักอยู่ที่นี่ขอรับ”หนิงหลงตอบพลางเอามือจับไปที่แก้มของตนเอง เมื่อครู่หนิงหลงเห็นมีดเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาหาตนอย่างรวดเร็วก็เลยเอาค้อนออกมาหมายจะปัดมีดเล่มนั้นทิ้ง แต่เพราะเห็นว่าเป็นเพียงมีดเล่มหนึ่งเขาเลยไม่ได้ใส่แรงอะไรมากมาย แต่มีดที่ปามากลับมีกำลังทำลายสูงผิดจากที่คิดเอาไว้ มันเลยดีดเอาค้อนของหนิงหลงกระแทกเข้าแก้มตัวเองเข้าให้
“ที่นี่? แต่ที่นี่เป็นพี่พักของเจ้าสำนักเพลิงบัญญัตินะ เจ้าเป็นใครถึงได้มาพักที่นี่กัน”หยุนจูถามด้วยท่าทีสงสัย แต่สายตาของนางก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองไปที่มีดของนางที่ตกอยู่ที่พื้น มีดของนางไม่มีเลือดติดอยู่แสดงว่ามีดของนางไม่ได้โจมตีโดนตัวเด็กหนุ่มคนนี้แน่ๆ แต่ทำไมที่แก้มของเขาถึงมีรอยแดงเหมือนโดนอะไรฟาดมาล่ะ
“ข้า…เป็นศิษย์ใหม่ขอรับ และเพราะข้ารู้จักกับท่านเจ้าสำนักท่านก็เลยให้ข้าเข้ามาพักในนี้ขอรับ”หนิงหลงตอบพลางมองไปทางมีดที่ตนเพิ่งจะใช้ค้อนรับเอาไว้ พี่สาวคนนี้เป็นคนปามีดมางั้นหรือ ตอนเห็นที่ตลาดก็สัมผัสได้อยู่หรอกว่านางเองก็เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณแต่ไม่คิดว่าจะมีวิชาที่น่ากลัวเช่นนี้ติดตัวด้วย
“น้องหนิงหลง เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ”ระหว่างที่หนิงหลงกำลังอธิบายให้หยุนจูฟัง หลี่ซานจง ที่พบหนิงหลงระหว่างเข้าสำนักและเดินมาส่งหนิงหลงที่ทางเข้าเขตที่พักของเจ้าสำนักก็วิ่งเข้ามาทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของหนิงหลง แต่ภาพที่เห็นกลับเป็นคุณหนูหยุนจูกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าหนิงหลงเสียอย่างนั้น
“คุณหนูหยุนจู ไม่ทราบมีเรื่องอะไรกันหรือขอรับ”หลี่ซานจงเดินเข้ามาด้วยท่าทีเกรงใจก่อนจะมองไปทางหนิงหลงด้วยท่าทีงุนงง นี่มันเกิดสภาพแบบนี้ขึ้นได้อย่างไรกัน
“ท่านซานจง น้องชายท่านนี้เป็นศิษย์ในสำนักงั้นหรือเจ้าคะ”หยุนจูถามพลางมองไปทางหลี่ซานจงที่กำลังยิ้มเจื่อนๆออกมาราวกับว่าเขาเดาได้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“คุณหนู น้องหนิงหลงเป็นคนรู้จักของท่านเจ้าสำนักขอรับก็เลยเข้ามาพักในห้องด้านใน ไม่ใช่คนน่าสงสัยหรอกขอรับ”หลี่ซานจงตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ท่านหญิงอิงอินกับคุณหนูหยุนจูเป็นแขกที่นานๆจะมาที่สำนักเพลิงบัญญัติสักครั้งทำให้หลี่ซานจงก็รู้จักหยุนจูเช่นกัน เพียงแค่ไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของนางเท่านั้น ซึ่งฝ่ายหยุนจูเองก็รู้จักหลี่ซานจงอยู่บ้างเพราะเขาเป็นศิษย์เอกของสำนักมานานพอสมควร เช่นนั้นศิษย์เอกรับรองด้วยตนเองข้อสงสัยของหนิงหลงก็เป็นอันจบไป
.
.
.
“…………………”หลังจากหลี่ซานจงยืนยันตัวให้หนิงหลงแล้ว เวยหยุนจูก็รู้สึกผิดอย่างมากที่ลงมือโจมตีโดยไม่ได้ถามก่อน แต่คนในราชวงศ์อย่างนางเวลาออกมาข้างนอกต้องระวังตัวเป็นพิเศษก็เลยคิดในแง่ร้ายไว้ก่อนเสมอ แต่เพราะแบบนั้นนางเลยโจมตีใส่น้องหนิงหลงทั้งๆที่เขาเพียงเดินผ่านจะเข้าไปพักที่ห้องของตนเองเท่านั้น
“น้องหนิงหลง ข้าต้อง….ขอโทษเจ้าจริงๆนะ”เวยหยุนจูพาหนิงหลงไปนั่งพักที่เก้าอี้ในสวนก่อนจะเริ่มขอโทษหนิงหลงด้วยท่าทีสำนึกผิด แม้จะไม่ทราบก็ตามว่าทำไมการปามีดของนางถึงทำให้เขาบาดเจ็บเหมือนโดนอะไรกระแทกเข้าก็ตาม
“ไม่เป็นไรหรอกขอรับคุณหนู มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นเองขอรับ”หนิงหลงตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีไม่คิดมาก บาดแผลเท่านี้ไม่กี่นาทีก็หายสนิทแล้ว
“จริงสิ ข้ามียาสำหรับทาอยู่นี่นา….”เวยหยุนจูมองใบหน้ายิ้มแย้มของหนิงหลงแล้วก็โล่งใจนิดหน่อย แต่เพราะรอยแดงมันยังเด่นชัดอยู่บนใบหน้านางก็เลยอดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ อย่างน้อยก็อยากจะรับผิดชอบความผิดของตัวเองก็เลยหยิบยาออกมาจากกำไลมิติก่อนจะทามันลงไปบนแก้มของหนิงหลงโดยที่หนิงหลงยังไม่ทันได้ตั้งตัว
“คุณหนู ข้าไม่เป็นอะไรหรอกขอรับ ไม่จำเป็นต้องทายาก็ได้”หนิงหลงโดนนิ้วของนางแตะบนแก้มก็สะดุ้งโหยงรีบปฏิเสธทันที ยานั่นท่าทางจะมีราคาด้วย เอามาทากับแผลแค่นี้มันเสียเปล่าเกินไปแล้ว
“น้องหนิงหลง ให้ข้าทายาให้เจ้าเถอะ ไม่อย่างนั้นข้าคงรู้สึกผิดมากกว่านี้แน่ๆ”เวยหยุนจูว่าพลางส่งสายตาเศร้าๆออกมา สายตาละห้อยแบบนั้นจะให้หนิงหลงปฏิเสธได้อย่างไร
“ขอรับ……”หนิงหลงตอบพลางปล่อยให้เวยหยุนจูทายาบนแก้มของตนต่อไปอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะเกรงใจอยู่บ้างแต่มือของคุณหนูหยุนจูช่างอ่อนโยนจริงๆ ปกติหนิงหลงไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงเท่าไหร่ความรู้สึกที่มีคนกำลังทายาให้อย่างนุ่มนวลเช่นนี้เป็นความรู้สึกที่ประหลาดไปสักหน่อยสำหรับหนิงหลงเลย แต่ก็รู้สึกอบอุ่นดี
“เอาล่ะ เรียบร้อย”หยุนจูยิ้มบางๆออกมาด้วยท่าทีอ่อนโยนก่อนจะปล่อยมือออกจากแก้มของหนิงลงไป แม้หนิงหลงจะอายุห่างจากนางไม่มาก แต่ที่ทายาให้ก็รู้สึกเหมือนกำลังทายาให้น้องชายที่แอบไปซนข้างนอกจนได้รับบาดเจ็บกลับมาไม่มีผิด แม้คนที่ทำให้หนิงหลงบาดเจ็บจะเป็นตัวนางเองก็เถอะ
“ขอบคุณขอรับคุณหนูหยุนจู”หนิงหลงตอบกลับพร้อมประสานมืออย่างเรียบร้อย เพราะเห็นหลี่ซานจงเรียกนางว่าคุณหนู หนิงหลงก็เลยเรียกตามเช่นกัน
“เจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่าคุณหนูหรอก ท่านน้าของข้าเป็นสหายของท่านลุงหยาง เจ้าที่เป็นคนรู้จักของท่านลุงหยางเรียกข้าว่าพี่หยุนจูก็พอ”เวยหยุนจูส่ายหน้าช้าๆกับคำว่าคุณหนูของหนิงหลง อย่างน้อยในเรือนรับรองนางก็อยากทำตัวสบายๆมากกว่า
“ขอรับพี่หยุนจู”หนิงหลงพยักหน้าช้าๆอย่างเชื่อฟังทำให้หยุนจูที่นั่งอยู่ข้างๆอมยิ้มออกมาด้วยท่าทีเอ็นดู ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ในร้านขายอาวุธแล้ว หนิงหลงดูไม่ค่อยทันคนเท่าไหร่ แต่ก็นับว่าโชคดีที่ยังสามารถมองระดับของอาวุธออกไม่อย่างนั้นอาจจะโดนพ่อค้าคนนั้นหลอกขายกระบี่ธรรมดาในราคากระบี่วิเศษก็ได้
“เด็กดีๆ…..”ไม่ทราบเพราะเห็นหนิงหลงอ่อนต่อโลกหรือไม่หยุนจูที่ปกติแทบจะไม่มีชายใดกล้าเข้าใกล้กลับรู้สึกผ่อนคลายยามอยู่กับหนิงหลงไม่น้อย เห็นหนิงหลงรับคำเสียน่าเอ็นดูหยุนจูก็เผลอเอามือไปลูบหัวหนิงหลงเสียอย่างนั้นทำเอาหนิงหลงได้แต่กะพริบตาปริบๆเหมือนไม่ทราบว่าต้องทำตัวอย่างไรดี แต่ท่าทางของพี่หยุนจูก็เหมือนพวกป้าๆยายๆในหมู่บ้านเลย ถ้าเอาขนมออกมาให้หนิงหลงด้วยละก็…..
“จริงสิ ข้าซื้อขนมมาจากในตลาด เจ้าเอาไปกินสิ”ไม่ทราบหยุนจูได้ยินเสียงในใจหนิงหลงหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ พอนึกขึ้นได้ว่าตนซื้อขนมมาจากในตลาดก็เลยเอาออกมายื่นให้หนิงหลงเสียอย่างนั้น นางทำเหมือนที่ผู้หญิงในหมู่บ้านทำกับหนิงหลงตอนเข้าไปส่งเครื่องใช้เลย
“ขอรับ…..”หนิงหลงเจอพวกป้าๆยายๆทำแบบนี้จนเข้าใจแล้วว่าการรับมาเลยนั้นง่ายกว่ามานั่งหาข้ออ้างปฏิเสธไปมา ถึงอย่างไรก็เป็นขนมกินเล่นเสียหน่อยก็ไม่เป็นไร
วูบ……
ระหว่างหนิงหลงกำลังกินขนมอยู่นั้น อยู่ๆหยุนจูก็ยื่นมือไปข้างหน้าเหมือนกำลังจะคว้าอากาศไม่มีผิด แต่พริบตาที่นางยืดแขนออกไปจนสุดมีดที่ตกอยู่กลางทางเดินก่อนหน้านี้ก็ลอยวูบกลับเข้ามาหามือของหยุนจูทันทีราวกับมีเชือกดึงกลับมาไม่มีผิด เหล่าผู้ใช้อาวุธปาจำเป็นต้องปล่อยอาวุธออกจากมือเพื่อทำการโจมตี แม้จะมีกำไลมิติเอาไว้ให้ใส่อาวุธได้มากมายแต่หากอาวุธหมดวิชาที่ฝึกมาก็จะเสียเปล่า หยุนจูและตระกูลเวยต่างได้รับการสั่งสอนวิชาเก็บรวบอาวุธมาทั้งนั้น
“นี่มัน……”หยุนจูเรียกมีดกลับมาไว้ในมือเตรียมจะเก็บกลับเข้ากำไลมิติ แต่สายตาของนางกลับมองไปเห็นตรงส่วนปลายของมีดเข้าเสียก่อน ตรงส่วนปลายแหลมสุดของมีดตอนนี้หักไปนิดหน่อย แต่มีดเล่มนี้เป็นอาวุธวิเศษระดับกลางเชียวนะต่อให้ปาใส่แผ่นเหล็กก็ยังไม่บิ่นแบบนี้เลย
“พี่หยุนจู….นั่นเป็นความผิดของข้าเองขอรับ”หนิงหลงเห็นหยุนจูมองรอยบิ่นของมีดด้วยท่าทีตกใจก็หน้าซีดรับยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหมือนจะรับผิดเสียอย่างนั้น
“เป็นเพราะข้าใช้ค้อนรับมีดของท่าน มันก็เลยบิ่นแบบนั้นขอรับ”หนิงหลงว่าพลางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หยุนจูฟัง ทั้งเรื่องที่ตนเองใช้ค้อนรับการโจมตีของนาง แล้วก็เรื่องที่ค้อนโดนดีดกลับจนกระแทกแก้มของตนอีกต่างหาก
“คิกๆ….รอยแดงที่แก้มเจ้า เกิดขึ้นเพราะแบบนี้นี่เอง”หยุนจูได้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นก็เผลอหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ใช้ค้อนรับมีดของนางงั้นหรือ วิชาอัสนีแดงของราชวงศ์เวยขึ้นชื่อเรื่องความเร็วและพลังทำลาย ท่านพ่อของนางถึงกับเคยปาทะลุแผ่นโลหะเป็นสิบๆชั้นอย่างง่ายดายมาแล้ว คิดจะใช้ค้อนรับมันแทนที่จะหลบแบบนี้นางควรหัวเราะหรือสงสารน้องชายคนนี้ดี
“แต่ที่มีดของท่านบิ่นแบบนั้นเป็นเพราะข้านี่ขอรับ ให้ข้าชดใช้เถอะขอรับ”หนิงหลงว่าพลางมองไปที่มีดในมือของหยุนจู แม้จะยังไม่ทราบราคาตลาดแต่อาวุธวิเศษแพงมากไม่ใช่หรือ แต่ถ้าเป็นอาวุธวิเศษระดับกลางแบบนี้หนิงหลงพอจะซ่อมได้โดยไม่ทำให้ระดับของมันลดลงอยู่
“ไม่เป็นไรหรอก มีดแบบนี้ข้ามีเต็มกำไลนั่นล่ะ เจ้าไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก”หยุนจูยิ้มก่อนจะเก็บมีดเล่มนั้นเข้าไปในกำไลมิติอย่างไม่สนใจ นางเป็นถึงองค์หญิงของอาณาจักรผลาญสุริยันเชียวนะ ขอเพียงนางเอ่ยปากขอร้องหากเป็นอาวุธระดับตำนานหรืออาจจะถึงขั้นระดับราชันขั้นต้น ท่านพ่อก็น่าจะหามาให้ได้ นับประสาอะไรกับอาวุธระดับกลางเช่นนี้