หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 27 เท่าไหร่
เท่าไหร่
“เอ้อ โดนหลอกใช้นี้เหนื่อยจริงๆเลยนะ หยางเยี่ยนเหว่ยแล้วเซียงเซียนไม่อยู่หรือ”เวยอิงอินเดินเข้าไปในสำนักเพลิงบัญญัติด้วยท่าทีสบายๆไม่เหลือท่าทีของพระขนิษฐาขององค์จักรพรรดิเลยแม้แต่น้อย เมืองอัคนีแห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงพอสมควร หากนางไม่ป่าวประกาศออกไปคนที่จะจำได้ว่านางคือน้องสาวของจักรพรรดิก็แทบจะไม่มีด้วยซ้ำ เพราะงั้นนางเลยสามารถทำตัวตามสบายได้ต่างจากในเมืองหลวงลิบลับยังไงล่ะ
“นางเดินทางกลับไปที่บ้านตระกูลของนางเพื่อทำธุระ กว่าจะได้กลับก็คงอีกพักใหญ่”หยางเยี่ยนเหว่ยตอบพลางเดินพาสองสาวไปยังห้องรับรองแขกที่เตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว วันนี้หยางเยี่ยนเหว่ยหลอกใช้เวยอิงอินก็จริง แต่นางก็น่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วไม่คิดว่าจะโกรธอะไรกันหรอก
“แล้วอี้เฟยล่ะ ข้าไม่ได้เจอนางตั้งนานแล้ว”เวยอิงอินทราบว่าเซียงเซียนสหายของนางอีกคนไม่อยู่ก็ทำหน้าเสียดายออกมาทันที แต่นางก็ยังไม่ลืมที่จะถามถึงบุตรสาวคนเล็กของหยางเยี่ยนเหว่ยว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“ตอนนี้คงกำลังฝึกอยู่กับศิษย์ในสำนักกระมัง”หยางเยี่ยนเหว่ยตอบพลางยิ้มบางๆออกมา ตอนแรกอี้เฟยก็อยากจะตามหนิงหลงไปสั่งชุดในเมืองอยู่หรอก แต่เสื้อคลุมที่สร้างจากทวนแทงตะวันแม้จะดูดซับพลังของอี้เฟยได้ แต่ก็ไม่ได้ดูดซับจนหมดจดขนาดนั้น หากพลังของนางหลุดออกมามากเกินไปก็อาจจะทำร้ายคนธรรมดาที่ไม่ได้ฝึกฝนพลังวิญญาณเอาได้ เพราะแบบนั้นหยางเยี่ยนเหว่ยเลยยังไม่ยอมให้นางไปเดินเล่นในเมืองแล้วให้นางฝึกฝนควบคุมพลังให้มากกว่านี้ก่อนถึงจะออกไปได้
“ฝึกกับศิษย์คนอื่นๆงั้นหรือ………..”เวยอิงอินได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้วด้วยท่าทีประหลาดใจ นางเป็นหนึ่งในคนที่ทราบความลับของอี้เฟยดี เพราะนางก็เป็นหนึ่งในคนไม่กี่คนที่สามารถเข้าหาอี้เฟยได้นั่นเอง
“ถูกแล้ว”หยางเยี่ยนเหว่ยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยใบหน้าอันแสนอ่อนโยน ที่พูดเช่นนี้ก็หมายความว่าอี้เฟยสามารถควบคุมพลังได้จนสามารถไปฝึกร่วมกับศิษย์คนอื่นๆได้แล้วงั้นหรือ ช่างเป็นข่าวที่น่าประหลาดใจเสียจริง
“ห้องพักของข้าเป็นห้องเดิมใช่หรือเปล่า หยุนจูเจ้าเอาสัมภาระไปเก็บที่ห้องก่อนข้าจะไปหาน้องอี้เฟยก่อน”เวยอิงอินได้ทราบข่าวดีก็ไม่รอช้าสั่งให้หยางเยี่ยนเหว่ยนำทางไปหาบุตรสาวทันที ในฐานะสหายสนิทของบิดาและมารดาของนางเวยอิงอินจะไม่ไปแสดงความยินดีให้หลานสาวได้อย่างไร
“จะ เจ้าค่ะ…..”เวยหยุนจูโดนท่านน้าให้ไปที่ห้องก่อนก็ได้แต่รับคำก่อนจะเดินแยกออกไปที่ห้องพักตามลำพังปล่อยให้ท่านน้ากับท่านลุงหยางออกไปที่ลานฝึกกันสองคน แต่ถึงจะไม่มีคนนำทางเวยหยุนจูก็ไม่หลงทางแน่ๆเพราะนางเดินทางมาที่สำนักเพลิงบัญญัตินานๆครั้งอยู่แล้ว ห้องรับรองที่จัดเอาไว้พิเศษสำหรับน้าอิงอินนั้นก็เป็นห้องเดิมไม่ผิดแน่
.
.
.
“หลานอี้เฟย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”เวยอิงอินเดินตามหยางเยี่ยนเหว่ยมาถึงลานฝึกก็เห็นหยางอี้เฟยที่กำลังฝึกร่วมกับเหล่าศิษย์คนอื่นๆเข้าพอดี แน่นอนว่าเวยอิงอินย่อมไม่รอช้าเข้าไปหาหลานสาวด้วยท่าทีดีใจ บอกตามตรงนางไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพหลานอี้เฟยออกมาทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นได้ในเร็วๆนี้เสียด้วยซ้ำ
“ท่านน้าอิงอิน….”หยางอี้เฟยมองไปทางเวยอิงอินด้วยท่าทีดีใจ เพราะนางเป็นไม่กี่คนที่ทราบความลับของอี้เฟยก็เลยเป็นเพื่อนเล่นไม่กี่คนของอี้เฟยทำให้นางดีใจมากที่น้าอิงอินมาหา แถมเพราะเวยอิงอินไม่โดนไฟของอี้เฟยโจมตีแน่ๆอี้เฟยเลยวิ่งเข้าไปหานางได้อย่างไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้นโดยเฉพาะยามที่นางสวมเสื้อคลุมของหนิงหลงเอาไว้แบบนี้
กึก…..
ทันทีที่กอดร่างของหลานสาว เวยอิงอินก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกแข็งๆรอบตัวนางแทนที่จะเป็นเนื้อนิ่มๆของเด็กสาวเสียอย่างนั้น แถมพอจับดีๆก็พบว่าบนตัวของอี้เฟยไม่ใช่ผ้าคลุมที่ทำจาก ผ้า แต่เป็นผ้าคลุมที่ทำจากลวดถักต่างหาก
“นี่มัน…..”สายตาของเวยอิงอินไม่ใช่ธรรมดา มองครู่หนึ่งก็พอจะทราบว่าเสื้อคลุมผืนนี้เป็นเสื้อคลุมวิเศษไม่ผิดแน่ ไม่ใช่แค่นั้นผู้ลงมือสร้างมันยังมีฝีมือยอดเยี่ยมมากอีกด้วย เนื้อผ้าที่ทำจากเส้นลวดละเอียดมากจนมองจากภายนอกแทบไม่ทราบเลยว่ามันเป็นเสื้อคลุมโลหะเช่นนี้ แถมลวดลายยังสวยงามชนิดที่ว่าสวมไปที่ไหนก็ไม่ต้องอายสายตาใครอีกด้วย แต่ที่น่าตกใจที่สุดคงเป็น….
“ตำนานระดับสาม ไม่สิต้องระดับสองสินะ”เวยอิงอินมองเสื้อคลุมเบื้องหน้าด้วยท่าทีอึ้งๆ แม้ตนเองก็มีอาวุธระดับตำนานหรือสูงกว่านั้นในครอบครอง แต่สำนักต่างๆหรือคนธรรมดาหามันมาไม่ได้ง่ายๆหรอก หยางสำนักเพลิงบัญญัติเองแต่เดิมก็มีเพียงสร้อยคอคล้อยตะวันที่เป็นสร้อยคอระดับตำนานขั้นที่ 5 เท่านั้นก่อนที่หยางเยี่ยนเหว่ยจะไปรู้จักกับอาวุโสหมิงซานและได้ดาบเพลิงบูรพามาอีกเล่มหนึ่ง ทำให้สำนักเพลิงบัญญัติเป็นไม่กี่สำนักในแผ่นดินที่มีอาวุธระดับราชันขั้นที่ 10 ในครอบครอง
แต่ที่น่าสงสัยไปกว่านั้นคือเวยอิงอินไม่เคยได้ยินว่ามีเสื้อคลุมแบบนี้อยู่เลย หากมันเป็นเครื่องสวมใส่ที่ช่างตีเหล็กหรือช่างทอในสมัยก่อนทิ้งเอาไว้มันก็ควรมีชื่อจารึกในตำรารวบรวมศาสตราบ้างสิ แต่เวยอิงอินที่จำตำราเล่มนั้นได้ขึ้นใจกลับไม่เคยได้ยินเรื่องเสื้อคลุมที่ทำจากลวดถักเลย เช่นนั้นหรือว่ามันจะเป็นของที่สร้างขึ้นมาใหม่?
“หยางเยี่ยนเหว่ย มาคุยด้วยกันหน่อย”เวยอิงอินเห็นเครื่องสวมใส่ระดับตำนานชิ้นใหม่ของสำนักเพลิงบัญญัติก็หันไปมองหยางเยี่ยนเหว่ยด้วยดวงตาเป็นประกายก่อนจะลากหยางเยี่ยนเหว่ยออกไปคุยกันห่างๆกันตามลำพังเสียอย่างนั้นทำเอาหยางอี้เฟยที่เพิ่งจะได้พบท่านน้ามองตามตาปริบๆ
“นายท่านหยาง เดี๋ยวนี้สำนักเพลิงบัญญัติมั่งคั่งจริงๆนะเจ้าคะ ถึงกับมีเสื้อคลุมระดับตำนานให้บุตรสาวสวมใส่ได้เช่นนี้”เวยอิงอินยิ้มหวานก่อนจะปล่อยพลังวิญญาณออกมากดดันหยางเยี่ยนเหว่ยทันที นางไม่สนหรอกว่าหยางเยี่ยนเหว่ยจะให้ใครสวมเสื้อคลุมตัวนั้น แต่มีผู้สร้างเสื้อคลุมระดับตำนานขึ้นมาได้เช่นนี้แสดงว่ามีช่างฝีมือระดับยอดฝีมือปรากฏขึ้นมาใหม่งั้นหรือ เท่าที่เวยอิงอินทราบช่างฝีมือที่ทำอาวุธหรือเครื่องป้องกันระดับตำนานได้ไม่ได้อยู่ที่เมืองอัคนีนี่นา แถมนางยังไม่เคยได้รับรายงานเรื่องนี้มาก่อนเลย เรื่องของผู้ที่สร้างเสื้อคลุมผืนนั้นขึ้นมาเป็นเรื่องน่าสงสัยที่นางอยากรู้มากๆเชียวล่ะ
“ว่ายังไงเจ้าคะ ผ้าคลุมผืนนั้นราคาเท่าไหร่หรือ”เวยอิงอินถามคำถามออกมาตามนิสัยของนาง พอเห็นของถูกใจก็ถามราคาเอาไว้ก่อน อีกฝ่ายจะขายหรือไม่ก็แล้วแต่อีกฝ่ายไป แม้แต่ดาบเพลิงบูรพานางยังถามราคาได้อะไรกับเสื้อคลุมระดับตำนาน
“เวยอิงอิน….เสื้อคลุมตัวนั้นสำคัญกับอี้เฟยมาก หากต้องขายข้าขอขายดาบเพลิงบูรพาเสียดีกว่า”หยางเยี่ยนเหว่ยได้ยินคำหยอกล้อของเวยอิงอินก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที เวยอิงอินบางทีก็พูดไม่คิดแต่หากเรื่องไหนไม่อยากให้นางทำเป็นเล่นก็ต้องบอกนางออกไปตามตรงเช่นนี้ และหยางเยี่ยนเหว่ยก็ไม่ได้โกหก ตอนนี้เสื้อคลุมตัวนั้นสำคัญกว่าดาบเพลิงบูรพาเสียอีก เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้บุตรสาวของเขาสามารถยิ้มแย้มได้อีกครั้ง และทำให้ครอบครัวของเขากลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง
“โอ้ งั้นข้าไม่ถามเรื่องผ้าคลุมนั้นแล้ว ดาบเพลิงบูรพาเล่มนี้เจ้าคิดราคาเท่าไหร่”เวยอิงอินได้ยินก็เปลี่ยนกลับไปถามราคาดาบเพลิงบูรพาทันที แต่เพียงพริบตาเดียวเมื่อครู่ก็เป็นอันรู้กันว่านางจะไม่ล้อเล่นกับเสื้อคลุมตัวนั้นอีก
“ข้าแค่เปรียบเปรยเท่านั้น ไม่ได้คิดจะขายเสียหน่อย”หยางเยี่ยนเหว่ยว่าพลางกอดอกแน่นทันที เวยอิงอินผู้นี้เผลอหน่อยไม่ได้เลยเชียว
“งั้นไม่เอาดาบเพลิงบูรพาก็ได้ ขอเพียงเจ้าบอกชื่อผู้สร้างเสื้อคลุมตัวนั้นมาก็พอ”เวยอิงอินว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์ ช่างฝีมือที่ยังไม่ถูกใครพบเจอเป็นแหล่งเงินแหล่งทองของพ่อค้าแม่ค้า ขอเพียงได้เป็นนายหน้าให้พวกเขาก็สามารถทำเงินได้มหาศาลแล้ว
“เรื่องอะไรข้าต้องบอกเจ้าด้วย”หยางเยี่ยนเหว่ยเบ้หน้าด้วยท่าทีขยะแขยงก่อนจะเดินหนีเวยอิงอินกลับไปหาบุตรสาวทันที แม้จะทราบดีว่าเวยอิงอินเป็นคนที่ไว้ใจได้ จะบอกเรื่องของหนิงหลงออกไปก็ไม่มีปัญหา แต่เวยอิงอินเป็นหนึ่งในคนที่พยายามตามหาที่อยู่ของท่านอาวุโสหมิงซาน หากเวยอิงอินทราบว่าหนิงหลงเป็นศิษย์ของท่านเวยอิงอินอาจจะใช้ประโยชน์จากหนิงหลงเพื่อไปหาอาวุโสหมิงซานก็ได้
.
.
.
ตุบ…..
ทางฝั่งของเวยหยุนจูหลานสาวของเวยอิงอิน พอมาถึงห้องรับรองนางก็เข้าไปนั่งพักภายในห้องอย่างคุ้นเคยทันทีเพราะการเดินทางก่อนหน้านี้กินพลังงานพอสมควรเลย ต่อให้เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณก็เถอะแต่ก็ยังรู้สึกเหนื่อยอยู่ดี อาจจะเพราะท่านน้าเห็นว่านางเหนื่อยแล้วก็ได้ท่านน้าก็เลยบอกให้นางมาที่ห้องก่อนเช่นนี้ ซึ่งหยุนจูเองก็เหนื่อยจริงๆเลยไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างไร
คลุกๆ……
ระหว่างเวยหยุนจูกำลังพักผ่อนอยู่นั้น อยู่ๆที่นอกห้องก็เหมือนจะมีเสียงบางอย่างดังออกมา ห้องรับรองห้องนี้เป็นห้องรับรองพิเศษที่สร้างขึ้นเพื่อรับรองเวยอิงอินท่านน้าของนางและครอบครัวของนางเท่านั้น ไม่น่าจะมีคนเข้ามาพักใกล้ๆเป็นแน่
หมับ….
เวยหยุนจูนำมีดเล่มหนึ่งออกมาจากกำไลมิติก่อนจะปล่อยพลังวิญญาณของตนเข้าไปในมีดจนมีดเปลี่ยนเป็นสีส้มราวกับกำลังโดนหลอมไม่มีผิด แม้จะไม่ได้เป็นยอดอัจฉริยะเหมือนองค์หญิงของอาณาจักรมังกรคราม แต่เวยหยุนจูก็มีฝีมือพอสมควร แค่คนน่าสงสัยคนเดียวนางจัดการได้อยู่แล้ว
ฟุบ…..
มีดสั้นถูกปาออกไปด้วยความเร็วสูงจนกลายเป็นเส้นสีส้มวิ่งออกไปเบื้องหน้าเวยหยุนจูทันที วิชาอาวุธลับอัสนีแดงเป็นวิชาอาวุธลับที่สืบทอดกันมาในราชวงศ์ ความเร็วนับเป็นหนึ่งในอาณาจักร คนธรรมดารับมันไม่ได้หรอก
เคร๊ง!!
“โอ๊ย…..”ผิดคาด มีดเล่มนั้นเวยหยุนจูตั้งใจจะปาขู่เท่านั้นไม่ได้คิดจะทำร้ายโดยตรง แต่ที่เป้าหมายกลับมีเสียงเหมือนโลหะกระทบกันก่อนจะมีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดตามมาอีกต่างหาก หรือว่านางปาพลาดงั้นหรือ?