หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 26 รับแขก
ตอนที่ 26
รับแขก
“ไม่ได้มาเสียนาน สำนักของเจ้าดู…..ดีขึ้นนะ”เสียงทักทาย? พร้อมร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในสำนักเพลิงบัญญัติด้วยท่าทีสง่าผ่าเผยพร้อมเหล่าผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลัง แถมก่อนที่นางจะมาเจ้าสำนักอย่างหยางเยี่ยนเหว่ยยังออกมารอเตรียมต้อนรับอยู่แล้ว เห็นได้ชัดเลยว่านางไม่ใช่คนธรรมดาแต่อย่างไร
“เวยอิงอิน….เจ้าจดจำสำนักข้าเป็นอย่างไรกันแน่”หยางเยี่ยนเหว่ยขมวดคิ้วด้วยท่าทีไม่พอใจกับคำทักทายเท่าไหร่ แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพียงคำหยอกล้อกันของสหายเท่านั้น
“ในความทรงจำของข้า สำนักเจ้าก่อนหน้านี้มันเละเทะกว่าตอนนี้จริงๆนี่นา”เวยอิงอิน สหายของหยางเยี่ยนเหว่ยหัวเราะออกมาเบาๆเพราะสภาพของสำนักเพลิงบัญญัติตอนนี้แม้จะซ่อมแซมจุดที่เสียหายบางส่วนไปแล้ว แต่ก็ยังมีร่องรอยการก่อสร้างทำให้ความงดงามยังไม่กลับมาเช่นเดิมเลย แต่อีกฝ่ายดันบอกว่านี่ดีกว่าที่เคยเจอเสียอีกทำเอาหยางเยี่ยนเหว่ยยิ้มเฝื่อนๆไปเลย
“ท่านลุง ยินดีที่ได้พบเจ้าค่ะ”เห็นผู้ใหญ่ทั้งสองทักทายกันอย่างเป็นกันเองไปแล้ว เด็กสาวที่เดินตามเวยอิงอินเข้ามาก็ชิงโอกาสนี้ทักทายหยางเยี่ยนเหว่ยทันที
“หลานหยุนจู ไม่ได้เจอกันนานโตเป็นสาวแล้วหรือนี่”หยางเยี่ยนเหว่ยมองไปทางเด็กสาวด้วยท่าทียินดี เด็กสาวที่ติดตามเวยอิงอินมามีนามว่าเวยหยุนจู นางดูแก่กว่าหนิงหลงนิดหน่อยและหากจำไม่ผิดปีนี้นางก็อายุ 19 ปีแล้ว เป็นหญิงสาวที่งดงามและมีใบหน้าอ่อนโยนทีเดียว ครั้งก่อนที่หยางเยี่ยนเหว่ยได้พบนางตัวนางยังพอๆกับอี้เฟยอยู่เลย
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะท่านลุง”หยุนจูยิ้มอายๆออกมาด้วยท่าทีสุภาพ การเคลื่อนไหวของนางไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เป็นหญิงสาวที่ถูกฝึกฝนเรื่องมารยาทมาเป็นอย่างดี ดูนุ่มนวลมากจริงๆ
“แล้ว เจ้าเรียกข้ามาเช่นนี้ตกลงจะขายดาบเพลิงบูรพาให้ข้าแล้วสินะ”เวยอิงอินถามพลางยิ้มกว้างออกมาด้วยท่าทีสนใจ อยู่ๆหยางเยี่ยนเหว่ยก็ส่งจดหมายไปเชิญนางมา แม้นานๆทีสหายเก่าก็สมควรมาพบกันบ้าง แต่เชิญมาเป็นแขกแบบนี้แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ ประกอบกับสภาพสวนหน้าสำนักเละเทะเช่นนี้ เวยอิงอินก็พอรู้แล้วว่าทำไมหยางเยี่ยนเหว่ยถึงเชิญตนมา แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากแซวเรื่องดาบเพลิงบูรพาเสียหน่อย เพราะนางหมายตาดาบของหยางเยี่ยนเหว่ยมาตลอด แต่หยางเยี่ยนเหว่ยไม่ยอมขายให้เสียทีนี่ล่ะ
“พูดอะไรของเจ้า ดาบเล่มนี้ไม่ได้มีไว้ขายสักหน่อย ต่อให้ข้าตายมันก็ต้องเป็นมรดกสืบทอดในตระกูลหยางของข้า”หยางเยี่ยนเหว่ยค้อนขวับทันทีพอเวยอิงอินพูดถึงเรื่องดาบ แม้นางจะพูดเหมือนไม่จริงจัง แต่ถ้าหยางเยี่ยนเหว่ยบอกว่าจะขายนางคงโยนเงินกระแทกหน้าหยางเยี่ยนเหว่ยทันทีเป็นแน่
“น่าเสียดายจังเลยนะ อย่างน้อยก็บอกที่อยู่ของท่านอาวุโสหมิงซานให้ข้ารู้หน่อยเถอะข้าจะไปขอร้องให้ท่านสร้างอาวุธให้ข้าบ้าง”เวยอิงอินหัวเราะออกมาก่อนจะเดินตามหยางเยี่ยนเหว่ยเข้าไปภายในสำนักเพลิงบัญญัติด้วยท่าทีสบายๆ แต่ทว่ายังไม่ทันได้เข้าไปข้างใน……
ปึง!!
ประตูสำนักเพลิงบัญญัติที่เวยอิงอินเพิ่งจะเข้ามาถูกกระแทกออกอย่างแรง แต่เพราะประตูเพิ่งจะซ่อมไปมันเลยแข็งแรงกว่าก่อนหน้านี้มากทำให้ประตูไม่ล้มลงมาเหมือนครั้งก่อน หรืออาจจะเพราะผู้เปิดประตูครั้งนี้มีกำลังไม่พอกระมัง
“เจ้าสำนักเพลิงบัญญัติอยู่ที่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้”เสียงของหัวหน้าตระกูลอ้าวดังออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวพร้อมร่างของลูกน้องอีกหลายสิบคนที่ติดตามมาด้วย ทันทีที่ทราบเรื่องว่าทวนแทงตะวันกับกระบี่ของบุตรสาวโดนเอาไป หัวหน้าตระกูลอ้าวก็เดินทางมายังสำนักเพลิงบัญญัติทันทีเพื่อจะเอาเรื่อง แต่….
“แบบนี้นี่เอง ตระกูลอ้าวสินะ”เวยอิงอินมองไปทางหัวหน้าตระกูลอ้าวด้วยท่าทีเบื่อหน่าย มิน่าเล่าหยางเยี่ยนเหว่ยถึงเรียกตัวนางมา ที่แท้ก็มีเรื่องกับพวกพ่อค้านี่เอง
“เจ้าบ้านตระกูลอ้าว ท่านเปิดประตูเสียงดังเช่นนี้เกิดหลานสาวของข้าตกใจกลัวขึ้นมาจะเป็นอย่างไร ทำไมถึงบุกเข้ามาด้วยท่าทีเช่นนี้กัน”เวยอิงอินพูดพลางเดินออกไปหาคนตระกูลอ้าวด้วยท่าทีไม่ชอบใจนัก
“……………..”หัวหน้าตระกูลอ้าวเห็นผู้ที่ออกปากต่อว่าก็เตรียมจะหันไปด่าสวน แต่พอเห็นว่าผู้ที่ยืนอยู่คือใครหัวหน้าตระกูลอ้าวก็ถึงกับใบหน้าถอดสีทำอะไรไม่ถูก
“พระขนิษฐา…ข้าน้อยไม่ทราบว่าพระองค์อยู่ที่นี่”หัวหน้าตระกูลอ้าวที่แต่เดิมเตรียมจะมาเอาเรื่องเต็มที่แทบจะเปลี่ยนเป็นคุกเข่าทันที เวยอิงอิน คือพระขนิษฐาของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน เช่นนั้นแล้วหลานสาวที่ตกใจกลัวเพราะเสียงเปิดประตูของเขาก็คือ..
“เฮ้อ ข้านี่โชคร้ายจริงๆที่มารู้จักกับเจ้า ดาบก็ไม่ยอมขายให้ข้าแถมยังใช้งานข้าไม่เลิกอีก เจ้าบ้านตระกูลอ่าวพวกเราเข้าไปคุยกันด้านในเถอะ”เวยอิงอินว่าพลางสั่งให้หยางเยี่ยนเหว่ยนำทางไป งานนี้หัวหน้าตระกูลอ้าวพลาดแล้วจริงๆเพราะดันมาเอาเรื่องหยางเยี่ยนเหว่ยในวันที่พระขนิษฐาและองค์หญิงมาพบหยางเยี่ยนเหว่ยพอดี ไม่สิเพราะหยางเยี่ยนเหว่ยทราบอยู่แล้วว่าหัวหน้าตระกูลอ้าวต้องตามมาเอาเรื่อง ก็เลยเชิญพระขนิษฐามาต่างหาก แต่เจ้าสำนักผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณเช่นหยางเยี่ยนเหว่ยถึงกับเชิญพระขนิษฐามาได้เชียวหรือ
.
.
.
“ที่แท้เรื่องก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”หลังจากพาหัวหน้าตระกูลอ้าวเข้าไปร่วมพูดคุยกันในห้องรับแขก ทั้งสองฝ่ายต่างก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เวยอิงอินฟัง แม้ผู้เล่าส่วนใหญ่จะเป็นหยางเยี่ยนเหว่ยก็ตาม
“สรุปว่าสำนักเทพอัคคีต้องการเรียนรู้จากสำนักเพลิงบัญญัติก็เลยเข้ามาขอคำชี้แนะ แต่เพราะเกิดอุบัติเหตุก็เลยทำให้อาวุธระดับตำนานสองชิ้นและอาวุธระดับสูง และ กลาง อีกหลายชิ้นเสียหายไปนี่เอง”เวยอิงอินสรุปเรื่องราวที่ผ่านมาก่อนจะมองไปทางหัวหน้าตระกูลอ้าวที่นั่งอย่างเจี๋ยมเจี้ยมเหมือนจะถามว่าถูกต้องหรือไม่
“พระเจ้าข้า…..พระขนิษฐากล่าวได้ถูกต้องแล้ว”หัวหน้าตระกูลอ้าวตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ต่อให้นางเข้าใจผิดแล้วเขาจะกล้าบอกอย่างอื่นได้อย่างไร แถมแต่เดิมฝ่ายสำนักเทพอัคคีก็เข้าไปหาเรื่องก่อนอยู่แล้ว หัวหน้าตระกูลอ้าวเลยจะใช้ข้ออ้างว่าสำนักเพลิงบัญญัติทำเกินไปและเรียกร้องค่าเสียหายคืนเท่านั้น ฝ่ายตนถึงกับนำขุนนางท่านหนึ่งมาด้วย แต่เห็นพระขนิษฐาอยู่ในสำนักเพลิงบัญญัติขุนนางคนนั้นก็เผ่นหนีไปก่อนแล้วไม่กล้ายุ่งอะไรด้วย แล้วตนจะไปเรียกร้องอะไรได้เล่า
“หยางเยี่ยนเหว่ย แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรือ สำนักเทพอัคคีเพียงแค่มาขอคำชี้แนะ แต่เจ้ากลับทำให้อาวุธของพวกเขาเสียหายถึงขนาดนี้ เช่นนี้เจ้าต้องชดใช้สิถึงจะถูก”เวยอิงอินหันไปต่อว่าหยางเยี่ยนเหว่ยเสียอย่างนั้นทำเอาหยางเยี่ยนเหว่ยสะดุ้งเล็กน้อย นี่เขาเรียกเวยอิงอินมาช่วยนะทำไมถึงมาต่อว่ากันเองได้เล่า
“พูดอะไรของเจ้……พระขนิษฐากล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูก การปะทะกันก็ต้องมีความเสียหายเป็นธรรมดา หากสำนักข้าไม่ชี้แนะอย่างจริงจังแล้วสำนักเทพอัคคีจะได้ประโยชน์ได้อย่างไร”หยางเยี่ยนเหว่ยตอบพลางกระแอมกระไอออกมาเบาๆ พอเห็นหยางเยี่ยนเหว่ยเหงื่อตกเช่นนั้นเวยอิงอินก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีชอบใจก่อนจะหันไปทางเจ้าบ้านตระกูลอ้าวบ้าง
“ไม่ต้องห่วงนะเจ้าบ้านตระกูลอ้าว เจ้าเรียกร้องค่าเสียหายมาได้เลย เจ้าต้องการให้สำนักเพลิงบัญญัติชดใช้เท่าไหร่หรือ”เวยอิงอินถามด้วยใบหน้าเห็นใจทำเอาหัวหน้าตระกูลอ้าวมีท่าทีประหลาดใจออกมา หรือว่าพระขนิษฐาจะไม่ใช่พวกของหยางเยี่ยนเหว่ยกัน
“ค่าเสียหาย…เพราะสำนักเพลิงบัญญัติทำอาวุธระดับตำนานขั้นที่สามและขั้นที่หนึ่งอย่างละชิ้นเสียหาย รวมถึงอาวุธวิเศษระดับกลางและสูงอีกอย่างละ……”
“อะแฮ่ม…..”หัวหน้าตระกูลอ้าวยังไม่ทันบอกรายชื่ออาวุธระดับกลางและสูงที่เสียหายไปให้หยางเยี่ยนเหว่ยและเวยอิงอินได้ฟัง อยู่ๆเวยอิงอินก็กระแอมกระไอออกมาเสียอย่างนั้นทำเอาหัวหน้าตระกูลอ้าวชะงักไปไม่กล้าพูดต่อ
“เจ้าบอกว่าค่าเสียหายเท่าไหร่นะ”เวยอิงอินยิ้มหวานก่อนจะมองไปทางหัวหน้าตระกูลอ้าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ไม่ใช่แค่เป็นพระขนิษฐาขององค์จักรพรรดิเท่านั้น แต่เวยอิงอินเป็นผู้ร่วมทุนในระบบการค้าของอาณาจักรผลาญสุริยันจำนวนไม่น้อย ต่อให้ไม่ใช้ตำแหน่งขนิษฐานางก็สามารถบดขยี้ตระกูลอ้าวอย่างง่ายดาย แล้วแบบนี้จะไม่ให้เกรงใจนางได้อย่างไร
“เอ่อ……กระบี่ระดับตำนานขั้นที่หนึ่ง และ ทวนระดับตำนานขั้นที่สามขอรับ”หัวหน้าตระกูลอ้าวตอบพลางเหลือบมองท่าทีของเวยอิงอินอย่างระมัดระวัง แต่พอเห็นนางไม่ว่าอะไรหัวหน้าตระกูลอ้าวก็โล่งใจเป็นอย่างมากเพราะขอแค่สำนักเพลิงบัญญัติชดใช้ราคาของอาวุธสองเล่มนี้มาตระกูลอ้าวก็ไม่เสียหายเท่าไหร่แล้ว
“จริงสิหยางเยี่ยนเหว่ย สำนักเทพอัคคีมาขอคำชี้แนะจากเจ้าได้จ่ายค่าชี้แนะให้เจ้าหรือยัง”เวยอิงอินถามพลางหันไปมองทางหยางเยี่ยนเหว่ยบ้าง การหาเรื่องครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายต่างยอมรับว่าเป็นการ ชี้แนะ เท่านั้น แต่ยามปกติต่อให้เป็นการขอคำชี้แนะจริงๆก็ไม่ได้มีการเก็บเงินอะไรเสียหน่อย แต่เวยอิงอินพูดมาเช่นนี้แล้ว….
“ยังเลยขอรับ ข้าเองก็ลืมเรื่องนี้ไป จริงสิหัวหน้าตระกูลอ้าวข้าขอเก็บค่าสอนเป็นอาวุธชิ้นหนึ่งจากในสองชิ้นนี้ก็แล้วกัน”หยางเยี่ยนเหว่ยยิ้มกว้างก่อนจะเรียกเก็บค่าสอนเสียอย่างนั้น แต่เพราะพวกตนต่างยอมรับว่านี่คือการชี้แนะ ก็เลยปฏิเสธไม่ได้ แต่ถึงอยากจะปฏิเสธเวยอิงอินก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้อยู่ดี
“ชะ เช่นนั้นข้ามอบกระบี่ระดับตำนานให้ท่านเจ้าสำนักเพลิงบัญญัติเป็นค่าครูก็แล้วกันขอรับ”หัวหน้าตระกูลอ้าวกัดฟันยอมเสียค่ากระบี่ระดับตำนานเสียยังดีกว่ามีเรื่องกับพระขนิษฐา แต่….
“ท่านว่าอะไรนะ ข้าไม่ค่อยได้ยินเลย”หยางเยี่ยนเหว่ยยิ้มกว้างก่อนจะมองไปทางหัวหน้าตระกูลอ้าวด้วยท่าทียิ้มแย้ม ใบหน้าเช่นนั้นมีหรือที่หัวหน้าตระกูลอ้าวจะอ่านไม่ออก
“ข้าบอกท่านแล้วนี่ว่าข้าจะรับค่าชี้แนะเป็นอาวุธหนึ่งในสองเล่ม แล้วข้าจะคืนอีกเล่มให้ ท่านจะมอบเล่มไหนให้ข้านะ”หยางเยี่ยนเหว่ยยิ้มกดดันอีกฝ่ายเพราะทราบดีว่าตอนนี้หัวหน้าตระกูลอ้าวไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เลย แต่เวยอิงอินก็ใจดีเสียเหลือเกิน ขอแค่นางพูดคำเดียวหัวหน้าตระกูลอ้าวก็สามารถกลับไปมือเปล่าได้เลยแท้ๆ หรือเพราะนางกลัวว่าจะทำร้ายตระกูลอ้าวมากเกินไปงั้นหรือ