หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 25 ซื้อของ
ตอนที่ 25
ซื้อของ
“เจ้าหนู เจ้าเป็นศิษย์ใหม่ของสำนักเพลิงบัญญัติอย่างนั้นหรือ”เสียงของชายชราเจ้าของร้านตัดเสื้อถามออกมาด้วยท่าทีสงสัยเพราะหนิงหลงดูยังเด็กอยู่มากไม่เหมือนคนที่จะเข้าสำนักเพลิงบัญญัติได้เลย
“ขอรับ ข้าเพิ่งจะมาเข้าสำนักได้ไม่นานขอรับ”หนิงหลงตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีเป็นมิตร ที่หนิงหลงออกมาในเมืองครั้งนี้เพราะต้องออกมาตัดชุดประจำสำนักให้เรียบร้อย เพราะหนิงหลงตอนนี้ถือเป็นศิษย์คนหนึ่งของสำนักไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากหนิงหลงไม่สวมเครื่องแบบของสำนักก็อาจจะดูแปลกไปจากคนอื่นได้ เพราะแบบนั้นวันนี้หนิงหลงเลยได้ออกมาเที่ยวเล่นในเมืองวันหนึ่งนั่นเอง
.
.
.
การตัดชุดต้องใช้เวลาสักหน่อย หลังจากวัดขนาดตัวเสร็จเจ้าของร้านก็บอกให้หนิงหลงกลับไปได้เพราะร้านตัดเสื้อร้านนี้เป็นร้านที่รับตัดเสื้อให้กับศิษย์สำนักเพลิงบัญญัติอยู่แล้ว หลังจากตัดเย็บเสร็จสิ้นก็จะส่งไปให้สำนักเอง เพราะงั้นหนิงหลงเลยไม่ต้องรออยู่ที่ร้านแล้วสามารถกลับสำนักได้เลย
เคร๊ง……เคร๊ง……
ระหว่างเดินกลับไปยังสำนัก หนิงหลงก็ได้ยินเสียงเหมือนเสียงตีเหล็กดังแว่วมาจากที่ไกลๆ พอมองตามเสียงไปก็พบว่าที่เมืองอัคนีแห่งนี้ก็มีร้านตีเหล็กตั้งอยู่เช่นกันแถมยังมีหลายร้านอีกด้วย อาจจะเพราะเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ภูเขาไฟกับเหมืองแร่กระมัง
“………..”หนิงหลงเดินมาดูอาวุธในร้านด้วยท่าทีสนใจ การสร้างอาวุธนั้นแตกต่างไปแต่ละพื้นที่ และแต่ละแบบก็มีจุดเด่นของมัน ร้านตีเหล็กในเมืองอัคนีแห่งนี้ว่ากันว่ามีแต่ร้านระดับฝีมือสูงๆทั้งนั้น ไม่ว่าจะอาวุธแบบไหนหรือชุดเกราะแบบใดขอเพียงมาสั่งทำก็สามารถสร้างได้ทั้งนั้น
“ท่านน้า กระบี่เล่มนี้สวยมากเลยนะเจ้าคะ”เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาที่หน้าร้านขายอาวุธร้านหนึ่งเช่นเดียวกับหน้าร้านขายของชิ้นอื่นๆ นางท่าทางจะเป็นบุตรสาวของตระกูลมีเงินเพราะทั้งนางทั้งน้าของนางที่เดินทางมาด้วยต่างก็แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อดีกันทั้งคู่ และหากมองดีๆก็จะพบว่าชายหนุ่มอีก 4 คนด้านหลังไม่ได้มาเพื่อเดินตลาดกับพวกนางเป็นแน่ ดูจากท่าทีระมัดระวังของพวกเขาแล้วท่าทางจะเป็นผู้คุ้มกันเป็นแน่
“หยุนจู…เจ้าจะดูกระบี่แต่ความสวยงามไม่ได้นะ”เสียงของผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าท่านน้าตอบกลับมาด้วยท่าทีนิ่งเรียบพร้อมมือของนางที่เลื่อนไปหยิบกระบี่เล่มที่เด็กสาวบอกว่าสวยขึ้นมาดู
“แต่ถ้ามันสวยด้วยแล้วก็ดีด้วยจะไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ”เด็กสาวที่ถูกเรียกว่าหยุนจูถามพลางมองไปทางท่านน้าด้วยท่าทียิ้มแย้ม เห็นหลานสาวถามเช่นนั้นน้าของนางก็ยิ้มออกมาก่อนจะใช้นิ้วดีดไปที่กระบี่จนเกิดเสียงกังวานดังออกมา
“ถูกของเจ้า กระบี่เล่มนี้ราคาเท่าไหร่หรือเจ้าของร้าน”หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าท่านน้าได้ยินเสียงจากการทดสอบของตนแล้วก็เรียกหาเจ้าของร้านเตรียมจะซื้อกระบี่เล่มนั้นทันที เป็นอย่างที่เด็กคนนั้นบอกจริงๆแม้กระบี่ที่สลักลายอย่างงดงามบางครั้งจะทำให้เปราะและเสียหายได้ง่ายยามต่อสู้จริงๆ แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ชอบกระบี่แบบนั้น เช่นนั้นแล้วหากช่างตีเหล็กสร้างกระบี่ที่สวยงามออกมาได้แถมยังทำให้มันเป็นกระบี่ที่ยอดเยี่ยมด้วยย่อมแสดงถึงฝีมือของช่างตีเหล็กอยู่แล้ว เพราะงั้นหนิงหลงเลยต้องเรียนเรื่องการสลักลวดลายต่างๆรวมถึงการถักทอเส้นเชือกหรือเส้นลวดเพื่อทำให้อาวุธสวยงามขึ้นด้วยเช่นกัน
“เจ้าหนู ต้องการอะไรงั้นเหรอ”ฝ่ายน้าหลานคู่นั้นซื้อของอยู่อีกร้านหนึ่ง หนิงหลงเองก็กำลังเดินชมสินค้าจากอีกร้านหนึ่งเช่นกัน น่าเสียดายร้านเหล่านี้แม้จะฝีมือดีแต่ก็ไม่มีร้านไหนขายอาวุธวิเศษเลย ทั้งนี้เพราะอาวุธวิเศษเป็นสินค้าชั้นสูงไม่นำออกมาแสดงกันหน้าร้านข้างทางเช่นนี้แต่อย่างไร
“ข้ามาดูเฉยๆขอรับ”หนิงหลงตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา เขาเพียงมาลองดูลักษณะการตีของเมืองอัคนีเท่านั้น ไม่ได้ต้องการมาซื้อสินค้าแต่อย่างไร
“งั้นก็ไปซะ เกะกะหน้าร้านข้า”เจ้าของร้านเหลือบมองไปทางน้าหลานคู่ที่กำลังเดินดูของหน้าร้านอื่นๆอยู่ด้านหลังด้วยท่าทีสนใจ ดูจากหน้าตลาดยังมองออกเลยว่าทั้งสองคนนั้นเป็นคนมีเงินทำให้เจ้าของร้านที่หนิงหลงเดินมองสินค้าอยู่จงใจไล่หนิงหลงให้เดินออกไปเร็วๆเพราะถ้าสองน้าหลานนั่นไม่แวะร้านของตนเพราะมีเด็กแต่งตัวมอซอยืนบังหน้าร้านอยู่ละก็คงเสียโอกาสแย่
“…………”หนิงหลงโดนอีกฝ่ายไล่ก็สะดุ้งโหยงก่อนจะมองใบหน้าไม่พอใจของเจ้าของร้านด้วยท่าทีลังเล ในหัวของหนิงหลงอดประหลาดใจไม่ได้ที่อีกฝ่ายไล่ตนเองเสียอย่างนั้น แต่พอคิดดีๆแล้วก็เริ่มจะเข้าใจ การจงใจมามองสินค้าในร้านโดยไม่คิดจะซื้ออะไรนั้นคงเป็นเรื่องเสียมารยาทสำหรับบางร้านสินะ นี่เขาทำเรื่องเสียมารยาทลงไปเสียแล้วงั้นหรือ
“ขออภัยขอรับ ข้าคิดไม่รอบคอบเอง เช่นนั้นข้าจะซื้อของในร้านท่านก็แล้วกันขอรับ”หนิงหลงว่าพลางมองไปรอบๆเหมือนกำลังจะเลือกอาวุธจากภายในร้าน แต่เจ้าของร้านเห็นน้าหลานคู่นั้นเดินเริ่มเดินมาใกล้ร้านตนมากขึ้นก็อยากให้หนิงหลงเดินผ่านไปไวๆ
“เจ้าเนี่ยนะจะซื้อของในร้านข้าได้”เจ้าของร้านพูดออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจก่อนจะนำอาวุธราคาแพงออกมาวางเรียงด้านหน้าเพื่อให้น้าหลานด้านหลังเห็นได้ง่ายๆ
“ข้าพอจะมีเงินอยู่ขอรับ แต่ถ้าไม่พอข้าก็พอจะมีของอย่างอื่นมาใช้แลกเปลี่ยนได้”หนิงหลงตอบพลางจับไปที่กำไลมิติของตนเอง ในกำไลมีเงินของหลินฟานทิ้งเอาไว้ให้หนิงหลงจำนวนหนึ่ง ในอาณาจักรพันธมิตรทั้งหลายต่างใช้สกุลเงินเดียวกัน แม้จะเป็นเงินของอาณาจักรมังกรครามก็ใช้ในอาณาจักรผลาญสุริยันได้อย่างไม่มีปัญหา แถมหนิงหลงยังไม่ค่อยได้ใช้เงินเสียด้วย นอกจากค่าอาหารและค่าที่พักระหว่างเดินทางจากอาณาจักรเก้าเมฆามายังเมืองอัคนีแห่งนี้ หนิงหลงก็แทบจะไม่เคยแตะเงินในกำไลมิติเลย
กริ๊ง……
หนิงหลงนำเหรียญทองออกมาจากกำไลมิติกำมือหนึ่งเพื่อพิสูจน์ให้รู้ว่าตนเองนั้นมีเงินพอจะซื้อสินค้าจริงๆ เหรียญในอาณาจักรพันธมิตรนั้นแบ่งออกเป็น 3 สีเหรียญทองแดง เหรียญเงิน และ เหรียญทอง โดย 100 เหรียญทองแดงจะเท่ากับ 1 เหรียญเงิน และ 100 เหรียญเงินก็จะเท่ากับ 1 เหรียญทองนั่นเอง
ไม่ใช่เท่านั้นแต่ละเหรียญต่างก็มีเหรียญขนาดแตกต่างกันไปเช่นเหรียญทองแดงจะแบ่งเป็น เหรียญทองแดงเล็ก เหรียญทองแดงกลาง และ เหรียญทองแดงใหญ่ โดยเหรียญแต่ละขนาดคือ 1 เหรียญ 10 เหรียญ และ 50 เหรียญตามลำดับ และเหรียญที่หนิงหลงเอาออกมาก็เป็นเหรียญทองใหญ่ที่แต่ละเหรียญมีมูลค่ากว่า 50 เหรียญทอง แถมไม่ใช่แค่เหรียญเดียว ในมือของหนิงหลงมีเหรียญทองใหญ่อยู่ 7 เหรียญเลยทีเดียว
“คะ คุณชาย ทำไมไม่บอกกันแต่แรกล่ะขอรับ เชิญคุณชายเลือกสินค้าที่ชอบได้เลย”เห็นหนิงหลงหยิบเหรียญออกมาจากกำไลมิติเจ้าของร้านก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที ไม่นึกเลยว่าตนเองกำลังสนใจปลาที่อยู่นอกบ่อทั้งๆที่ในบ่อของตนมีปลาตัวอ้วนอยู่แล้วเสียได้
“งั้นขอข้าดูหน่อยนะขอรับ”หนิงหลงเก็บเงินเข้ากำไลมิติก่อนจะมองสินค้าในร้านด้วยท่าทีสนใจ นอกจากการตกแต่งและทักษะการตีแล้วหนิงหลงยังสามารถมองออกอีกด้วยว่าอาวุธเหล่านั้นสร้างมาจากโลหะชนิดใด แม้จะเป็นอาวุธธรรมดา แต่ก็มีบางเล่มที่ใช้แร่ดีๆทำเหมือนกัน หากนำมันไปหลอมใหม่แล้วสกัดให้ดีๆอาจจะพอสร้างอาวุธระดับต่ำหรือกลางได้กระมัง
“งั้นข้าขอแนะนำเล่มนี้เลยขอรับคุณชาย กระบี่เล่มนี้เป็นอาวุธวิเศษของปรมาจารย์ชื่อดังในเมืองหลวงขอรับ กระบี่เล่มนี้เป็นถึงอาวุธวิเศษระดับสูงเลยนะขอรับ”เห็นหนิงหลงนำเงินมามากมายเจ้าของร้านก็หวังจะขายของแพงให้ทันที เพียงแต่กระบี่ที่หยิบออกมานั้นกลับไม่ใช่อาวุธวิเศษระดับสูง ไม่แม้แต่จะจัดอยู่ในอาวุธวิเศษด้วยซ้ำ เป็นเพียงอาวุธที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมในแบบธรรมดาๆเท่านั้น
“พ่อหนุ่ม กระบี่เล่มนั้น…..”ไม่ทราบน้าหลานคู่นั้นเดินมาถึงหน้าร้านของพ่อค้าตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมพวกนางยังมาเห็นตอนพ่อค้ากำลังโอ้อวดเพื่อจะขายกระบี่ย้อมแมวให้หนิงหลงอีกต่างหาก พอเห็นเช่นนั้นผู้เป็นน้าก็เลยเตรียมจะเข้าไปเตือนเด็กชายที่เหมือนจะกำลังโดนเจ้าของร้านหลอกเอา
“ท่านเจ้าของร้าน กระบี่เล่มนี้ไม่ใช่อาวุธวิเศษนะขอรับ”หนิงหลงมองกระบี่ในกล่องไม้ที่พ่อค้ากำลังนำเสนอด้วยใบหน้าซื่อตรง ลมปากไม่อาจหลอกลวงดวงตาของหนิงหลงได้หรอกเพราะพื้นฐานการแยกแยะอาวุธนั้นหนิงหลงบรรลุมาตั้งแต่เด็กแล้ว ต่อให้นำอาวุธมากมายมาเรียงตรงหน้าหนิงหลงก็สามารถบอกระดับได้อย่างแม่นยำเลยทีเดียว
“ท่านเจ้าของร้าน ข้าว่าท่านอาจจะโดนคนที่เมืองหลวงหลอกลวงมาก็ได้นะขอรับ ถ้าท่านซื้อมาเพราะคิดว่าเป็นอาวุธวิเศษระดับสูงละก็ท่านต้องรีบกลับไปขอคืนเงินเลยนะขอรับ”หนิงหลงไม่คิดว่าเจ้าของร้านจะหลอกขาย แต่กลับแสดงท่าทีเป็นห่วงเจ้าของร้านเสียอย่างนั้นทำเอาน้าหลานที่อยู่ด้านหลังชะงักมือที่เตรียมจะยื่นเข้ามาช่วยเสียอย่างนั้น
“ฮะๆ เจ้าหนุ่ม เจ้าคิดว่าพ่อค้าคนนี้โดนหลอกมางั้นหรือ ช่างใสซื่อจริงๆ”หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าท่านน้าหัวเราะออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ เรื่องที่เด็กคนนี้มองระดับของอาวุธออกก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะหันไปเห็นใจพ่อค้าแบบนี้เลย
“พูดอะไรของเจ้า อาวุธเล่มนี้เป็นอาวุธวิเศษจริงๆ เจ้าเป็นแค่เด็กจะไปรู้อะไร”พ่อค้าคิดจะหลอกขายกระบี่กลับโดนหนิงหลงสงสารเข้าให้ใบหน้าแดงฉานเต็มไปด้วยความอับอาย แต่เมื่อครู่หนิงหลงพูดออกมาชัดถ้อยชัดคำ เหล่าผู้คนที่เดินไปเดินมาต่างได้ยินกันหมด คนพวกนั้นมีหรือจะคิดอย่างเด็กนี่ คงจะคิดว่าเขาหลอกขายของปลอมให้เด็กหนุ่มแน่ๆเพราะแบบนั้นเขาเลยพูดเสียงดังเพื่อจะกลบเรื่องที่หนิงหลงพูดออกมา
“หนุ่มน้อย สายตาเจ้าไม่เลวเลย ไหนบอกข้าหน่อยว่ามีดเล่มนี้เป็นอาวุธระดับใด”หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าท่านน้าถามออกมาก่อนจะยื่นมีดเล่มหนึ่งออกมาตรงหน้าหนิงหลง พริบตาที่ได้เห็นพ่อค้าที่อยู่เบื้องหน้าก็ถึงกับสะดุ้งโหยงทันที ไม่ต้องให้หนิงหลงบอกหรอกแค่สายตาของคนธรรมดาก็มองออกว่ามีดเล่มนี้ไม่ธรรมดา
“เป็นมีดระดับตำนานขั้นที่เจ็ดขอรับ”หนิงหลงตอบออกมาตามตรง แต่คำตอบของหนิงหลงก็ทำให้หญิงสาวแสดงท่าทีพึงพอใจออกมาอย่างมาก เพราะเพียงแค่เห็นหนิงหลงก็สามารถแยกแยะระดับของอาวุธได้แล้ว หากไม่ผ่านการฝึกมาสักหน่อยคงแยกไม่ออกแน่ๆ
“จะ เจ้าจะบอกว่าเจ้าหนูนี่พูดถูกหรือไง อ๋อรู้แล้วพวกเจ้ารวมหัวคิดจะต้มตุ๋นข้าสินะ”เจ้าของร้านเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็รีบแย้งทันทีเพราะคนเริ่มหันมามองทางร้านตนกันแล้ว จะปล่อยให้โดนหาว่าเป็นพ่อค้าขายของปลอมได้อย่างไร
“เช่นนั้น…..พ่อหนุ่มตรานี้อยู่ระดับใดหรือ”หญิงสาวเห็นท่าทีของพ่อค้าก็หยิบแผ่นป้ายที่ทำจากทองคำออกมา เพียงเห็นแผ่นป้ายนี้เจ้าของร้านก็หน้าถอดสีรีบเก็บกระบี่ในกล่องไม้กลับเข้าไปใต้ชั้นวางทันที
“นี่เป็น…..แผ่นป้ายทองคำธรรมดาไม่ใช่หรือขอรับ”หนิงหลงมองไปทางหญิงสาวด้วยท่าทีงุนงง แม้ลวดลายจะสลักอย่างงดงาม แต่แผ่นป้ายเบื้องหน้าก็เป็นเพียงแผ่นป้ายที่หลอมมาจากทองเท่านั้น ไม่ได้มีระดับอะไรแม้แต่น้อย
“คิกๆ ถูกของเจ้ามันเป็นแค่แผ่นป้ายทองคำธรรมดาเท่านั้น”หญิงสาวหัวเราะออกมาก่อนจะเก็บแผ่นป้ายไป แม้มันจะเป็นเพียงแผ่นป้ายธรรมดาแต่มันก็ทำให้พ่อค้ายอมเงียบปากไปได้ แถมยังหน้าซีดอย่างกับรู้ว่าร้านของตนเองจะเจอเรื่องใหญ่เข้าให้อีกต่างหาก