หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 21 รีบร้อน
“หลานหนิงหลง อรุณสวัสดิ์”หยางเซียงเซียนนายหญิงแห่งสำนักเพลิงบัญญัติยืนอยู่หน้าประตูทางออกจากห้องพักของหนิงหลงเหมือนกำลังดักรอหนิงหลงอยู่ไม่มีผิด ที่นางมาหาหนิงหลงแต่เช้าเช่นนี้ก็เพราะสงสัยว่าหนิงหลงได้อะไรจากการช่วยฝึกฝนให้หยางอี้เฟยในช่วงก่อนนางจะเดินทางกลับมาหรือไม่
“อรุณสวัสดิ์ขอรับท่านน้า”หนิงหลงตอบพลางประสานมือคารวะหยางเซียงเซียนอย่างนอบน้อม แม้หนิงหลงสมควรจะเรียกนางว่าท่านป้า แต่ไม่ทราบทำไมหนิงหลงถึงรู้สึกว่าไม่ควรเรียกนางแบบนั้นก็ไม่ทราบ
“หลานหนิงหลง ก่อนหน้านี้เจ้าช่วยฝึกให้อี้เฟยของข้าใช่หรือไม่ เจ้ารู้สึกอย่างไรกับพลังของนางงั้นหรือ”หยางเซียงเซียนถามพลางหันหลังเดินนำหนิงหลงไปทางห้องอาหารของเรือนเจ้าสำนักเหมือนจะบอกให้หนิงหลงเดินไปคุยไปแบบอ้อมๆ
“ขอรับ…..พลังของน้องอี้เฟยมีอะไรแปลกๆนิดหน่อยขอรับ เหมือนว่าพลังธาตุของนางไม่ใช่เปลวเพลิงปกติ”หนิงหลงตอบตามความเข้าใจของตนเอง ไฟที่หยางอี้เฟยปล่อยออกมานั้นเป็นไฟที่ร้อนกว่าปกติ แต่สีกลับอ่อนกว่าไฟปกติเหมือนจะเป็นสีออกเหลืองมากกว่าสีแดงทั่วหรือส้มทั่วไป และที่สำคัญยามที่หนิงหลงใช้วิชาควบคุมเพลิงควบคุมไฟของอี้เฟย หนิงหลงก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามันต่างไปจากไฟปกติตามธรรมชาติและไฟที่หนิงหลงสร้างขึ้นมาเองอย่างเห็นได้ชัดเลย
“ข้าเลยคิดว่า บางทีน้องอี้เฟยอาจจะเกิดมาพร้อมพลังธาตุไฟที่ไม่ปกติขอรับ”หนิงหลงกล่าวสรุปออกไปตามที่ตนพอจะเข้าใจ ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณล้วนแล้วแต่มีธาตุที่เหมาะสมกับตัวเอง อย่างหลินฟานเองก็ถนัดธาตุน้ำมากกว่าไฟอย่างเห็นได้ชัด และในหมู่ผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณเหล่านั้นก็มีบางคนที่มีพลังธาตุธาตุหนึ่งสูงเป็นพิเศษ และอาจจะถึงขั้นเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติธาตุนั้นๆของคนผู้นั้นไปเลยก็ได้ เหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณที่มีอาการเช่นนี้ต่างมีทักษะพลังธาตุที่สูงล้ำเกินกว่าคนทั่วไป แต่มีคุณก็ใช่ว่าจะไม่มีโทษ บางคนเพราะพลังธาตุแปลกประหลาดเกินไปจนทำให้ร่างกายรับไม่ไหวก็มี บ้างก็ถึงกับตายก่อนจะได้เติบโตเสียด้วยซ้ำ
“สมแล้วที่เป็นศิษย์ของตาแก่….ของท่านอาวุโสหมิงซาน ถูกแล้วอี้เฟยเป็นผู้มีพลังธาตุพิเศษ แต่ไม่ว่าข้าจะหาข้อมูลจากที่ไหนก็ไม่มีบันทึกเอาไว้เลยว่าไฟของนางเป็นไฟชนิดใด หรือมีทางรักษาหรือไม่”หยางเซียงเซียนถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีลำบากใจ ไม่ใช่แค่นางหยางเยี่ยนเหว่ยเองก็มีท่าทีเช่นนี้เหมือนกันตอนคุยกับหนิงหลง หยางเยี่ยนเหว่ยเป็นเจ้าสำนักธาตุเพลิงอันดับ 1 ความรู้ที่มีย่อมไม่ใช่ตื้นเขิน แต่ไม่ว่าจะพยายามสอนสั่งหยางอี้เฟยเท่าไหร่ นางก็ไม่มีท่าทีจะควบคุมพลังของนางได้เลย
“พลังของอี้เฟยน้อยควบคุมไม่ได้ พอใช้ออกมาก็ระเบิดทันที เพราะแบบนั้นคนรอบข้างเลยได้รับอันตรายไปด้วยทำให้เด็กคนนั้นไม่สามารถใช้ชีวิตแบบเด็กธรรมดาได้ หลานหนิงหลงเจ้าอย่ากลัวเด็กคนนั้นไปเลยนะ”หยางเซียงเซียนว่าพลางมองมาทางหนิงหลงด้วยท่าทีขอร้อง เพราะอี้เฟยไม่สามารถควบคุมเพลิงของตนได้ คนที่เข้าใกล้นางได้โดยที่ไม่ถูกนางเผาเลยมีไม่กี่คน แม้แต่พี่สาวแท้ๆของหยางอี้เฟยอย่างหยางเหลียนฟางเองยังต้องย้ายไปอยู่บ้านเกิดของหยางเซียงเซียนเพื่อป้องกันไม่ให้อี้เฟยทำร้ายพี่สาวของตัวเองโดยไม่ตั้งใจ
“ท่านน้าไม่ต้องห่วงหรอกขอรับ ข้าเป็นช่างตีเหล็กไม่กลัวไฟหรอกขอรับ”หนิงหลงตอบออกมาด้วยท่าทีมั่นใจอย่างมาก แม้ไฟของอี้เฟยจะอันตรายแต่วิชาควบคุมเพลิงของหนิงหลงเองก็มากพอจะควบคุมพลังของนางเอาไว้ได้ เพราะอย่างนั้นหนิงหลงเลยเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่อยู่กับอี้เฟยได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร
“เด็กดี…เรื่องพลังของเจ้าข้าเองก็จะช่วยอีกแรงนะ”หยางเซียงเซียนเห็นหนิงหลงตอบเช่นนั้นก็ดีใจเป็นอย่างมาก ทำให้หนิงหลงได้ทราบว่ายามท่านน้าเซียงเซียนยิ้มออกมาช่างเหมือนนางฟ้าเสียเหลือเกิน ต่างกับตอนต่อสู้ที่ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็เป็นนางมารชัดๆราวกับคนละคน
.
.
.
“วันนี้ดูทุกคนขยันฝึกมากเลยนะเจ้าคะ”หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จหนิงหลงก็ลองชวนอี้เฟยออกไปเดินเล่นในสำนักดู แม้นางจะกล้าๆกลัวๆแต่ก็ยอมออกมาเดินเล่นกับหนิงหลง เพราะถึงอย่างไรก็เป็นเขตสำนักขอเพียงเว้นระยะห่างกับทุกคนก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก
“นั่นสิ….หรือเพราะเรื่องเมื่อวานกันนะ”หนิงหลงมองไปทางเหล่าศิษย์ในสำนักด้วยท่าทีสนใจ ปกติแล้วเหล่าศิษย์ของสำนักเพลิงบัญญัติก็เป็นหัวกะทิที่ขยันฝึกฝนกันอยู่แล้ว แต่วันนี้ต่างออกไป พวกเขาฝึกฝนกันจริงจังมากขึ้น แถมยังมีบรรยากาศกดดันกว่าปกติเสียด้วย
“ศิษย์น้องหนิงหลง อรุณสวัสดิ์”ระหว่างทาง เหล่าศิษย์พี่ในสำนักทักทายหนิงหลงและอี้เฟยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและเป็นมิตร อาจจะเพราะในตอนที่สำนักเทพอัคคีเข้ามาโจมตีหนิงหลงยืนหยัดต่อสู้ร่วมกับศิษย์คนอื่นๆก็เลยได้รับการยอมรับไปด้วยกระมัง
“น้องหนิงหลงนี่นา วันนี้เจ้ามาฝึกกับพวกเรางั้นหรือ”พอเดินเข้ามาในลานฝึก คนที่เอ่ยปากทักหนิงหลงเป็นคนแรกก็คือหลี่ซานจงนั่นเอง คราวก่อนหลี่ซานจงอาสาจะให้หว่านจือช่วยหนิงหลงฝึก พอเห็นหนิงหลงเข้ามาก็เลยเข้าใจไปแบบนั้นกระมัง
“…………”พอเห็นหลี่ซานจงเข้ามาใกล้ หยางอี้เฟยก็เดินเข้าไปหลบข้างหลังหนิงหลงด้วยท่าทีระมัดระวังทันที
“น้องอี้เฟย เจ้าออกมาเดินเล่นด้วยงั้นหรือหรือว่าเจ้าจะมาฝึกกับพวกเรากัน”หลี่ซานจงเห็นอี้เฟยเข้าก็ยิ้มออกมาด้วยใบหน้าอ่อนโยนก่อนจะย่อตัวลงเพื่อให้ระดับสายตาพอๆกับอี้เฟย
“ขะ ข้ายังฝึกได้ไม่ดีพอเจ้าค่ะ ข้ายังฝึกกับพวกศิษย์พี่ไม่ได้……”หยางอี้เฟยตอบพลางเอาหน้าครึ่งหนึ่งไปหลบอยู่หลังหนิงหลงเสียอย่างนั้น หากมองในสายตาของเหล่าศิษย์คนอื่นๆท่าทางอี้เฟยจะอายแล้วก็ไม่กล้าเข้ามาฝึกร่วมกับคนอื่นๆเพราะฝีมือตัวเองยังไม่ดีกระมัง
“ไม่เป็นไรหรอก พวกเราจะช่วยเจ้าฝึกเอง ใช่หรือเปล่าพวกเรา”หลี่ซานจงหันไปหาเหล่าศิษย์ด้านหลังเหมือนต้องการแนวร่วม ทำให้เหล่าศิษย์คนอื่นๆต่างพยักหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง พวกเขาไม่มีใครดูถูกอี้เฟยเลยแม้แต่คนเดียว ตรงกันข้ามทุกคนต่างก็อยากจะช่วยน้องอี้เฟยกันทั้งนั้น เพราะสำหรับพวกเขาอี้เฟยก็คือน้องเล็กของสำนักเพลิงบัญญัตินั่นเอง
“ขะ ข้า…..”หยางอี้เฟยแสดงสีหน้าเสียดายออกมาอย่างเห็นได้ชัด นางไม่ได้ขี้อายหรือกลัวคนแปลกหน้าขนาดนั้น ศิษย์ที่อยู่ตรงหน้านี้ล้วนแล้วเป็นศิษย์ที่เข้าสำนักมาหลายปี แม้จะไม่ค่อยได้คุยกันซึ่งๆหน้าแต่อี้เฟยก็เห็นพวกเขาบ่อยๆ ในใจอยากจะเข้าไปฝึกฝนด้วยกัน แต่ก็ทำไม่ได้
“ศิษย์พี่ ตอนนี้น้องอี้เฟยต้องฝึกฝนเพิ่มเติมอีกหน่อยถึงจะสามารถเข้าร่วมฝึกฝนกับพวกท่านได้ขอรับ”หนิงหลงเห็นอี้เฟยไม่กล้าตอบตัวเขาเลยเป็นฝ่ายตอบคำถามให้นางเอง หนิงหลงเข้าใจความหวังดีของพวกศิษย์พี่ดี แต่เพราะอี้เฟยควบคุมพลังไม่ได้ หากให้ฝึกกับพวกศิษย์พี่โดยไม่มีท่านเจ้าสำนักหรือหนิงหลงอยู่ใกล้ๆมีหวังได้เกิดเหตุสลดแน่ เพราะแบบนั้นเลยปล่อยให้นางไปฝึกร่วมกับศิษย์คนอื่นๆไม่ได้
“งั้นหรือ น่าเสียดาย”หลี่ซานจงและศิษย์คนอื่นๆได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่ยอม ยิ่งเห็นอี้เฟยเข้าไปหลบหลังหนิงหลงแล้วด้วยก็รู้สึกว่าตัวเองอาจจะกดดันนางเกินไปหรือไม่ขึ้นมาเลย
“ไม่ต้องห่วงหรอกขอรับ พอน้องอี้เฟยฝึกสำเร็จแล้วนางจะต้องมาฝึกฝนกับพวกท่านอย่างแน่นอน”หนิงหลงว่าพลางลูบหัวของอี้เฟยเบาๆ ขอเพียงนางควบคุมพลังได้การมาฝึกกับเหล่าศิษย์พี่ก็ไม่ใช่ปัญหา
“เจ้าค่ะ…ถ้าอี้เฟยฝึกสำเร็จแล้ว อี้เฟยต้องขอรบกวนศิษย์พี่ด้วยนะเจ้าคะ”อี้เฟยโผล่หน้าออกมาครึ่งหนึ่งก่อนจะขอฝากเนื้อฝากตัวกับเหล่าศิษย์พี่ด้วยน้ำเสียงอายๆเล่นเอาเหล่าศิษย์พี่ที่กำลังกังวลราวกับโดนค้อนทุบใส่หน้าไม่มีผิด น้องอี้เฟยช่างน่ารักเสียเหลือเกิน
“พี่หนิงหลง อี้เฟยจะตั้งใจฝึกเจ้าค่ะ”ไม่ใช่แค่บอกศิษย์พี่เท่านั้น แม้แต่หนิงหลงเองอี้เฟยก็ยังเงยหน้าขึ้นมาสัญญาด้วยเช่นกัน
.
.
.
“ท่านลุง ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้องขอรับ”หลังจากพาอี้เฟยไปเดินเล่นในสำนัก อยู่ๆหนิงหลงก็ขอเข้าพบเจ้าสำนักแล้วตรงเข้าไปหาหยางเยี่ยนเหว่ยโดยตรงทันที
“มะ มีอะไรงั้นหรือหลานหนิงหลง”หยางเยี่ยนเหว่ยที่อยู่บนโต๊ะทำงานมองมาทางหนิงหลงด้วยท่าทีประหลาดใจ ปกติเห็นหนิงหลงเป็นเด็กนิ่งๆ ไม่ทราบเกิดอะไรขึ้นถึงได้มุ่งหน้ามายังห้องของตนด้วยท่าทีขึงขังได้
“ข้าอยากจะขอเศษทวนแทงตะวันจากท่านสำนักเพลิงบัญญัติขอรับ”หนิงหลงพูดความต้องการของตนออกตรงๆโดยไม่คิดจะอ้อมค้อมแม้แต่น้อยเล่นเอาหยางเยี่ยนเหว่ยอดที่จะทึ่งไม่ได้
“หลานหนิงหลง ถึงทวนแทงตะวันจะหักไปแล้ว แต่ก็เป็นถึงอาวุธระดับตำนาน โลหะที่ใช้สร้างมันขึ้นมามีราคามาก เมื่อวานสำนักของเราทั้งเสียหายและเหล่าศิษย์เองก็ได้รับบาดเจ็บ ทวนชิ้นนั้นตั้งใจจะขายออกไปเพื่อนำมาทำนุบำรุงสำนัก เรื่องยกให้เจ้าข้าทำไม่ได้หรอก”หยางเยี่ยนเหว่ยส่ายหน้าช้าๆด้วยท่าทีหนักแน่น ในฐานะช่างตีเหล็กหนิงหลงจะสนใจทวนแทงตะวันที่เป็นอาวุธระดับตำนานก็ไม่แปลก แต่ทวนเล่มนั้นยึดมาในนามของสำนักไม่อาจยกให้หนิงหลงได้ง่ายๆ
“ท่านลุงฟังข้าหน่อยเถอะขอรับ….ที่ข้าต้องการทวนเล่มนั้นก็เพื่อให้น้องอี้…..”
“ตกลง ข้าจะมอบทวนให้กับเจ้า ตามข้ามาเร็วเข้า”หยางเยี่ยนเหว่ยได้ยินชื่อบุตรสาวยังไม่ทันจบก็ลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทันทีเล่นเอาหนิงหลงที่เตรียมเหตุผลการขอทวนมายืนอึ้งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะเจ้าสำนักเสียอย่างนั้น
“หลานหนิงหลงมัวรออะไรอยู่เล่า เดี๋ยวผู้อาวุโสก็เอามันไปขายก่อนหรอก”หยางเยี่ยนเหว่ยพูดจบก็เดินเข้าไปในสำนักเพื่อไปเอาทวนกลับมาก่อนจะโดนเอาไปขายอย่างเร่งด่วน พอเป็นเรื่องของบุตรสาวท่าทางหยางเยี่ยนเหว่ยเองก็ยกเว้นได้เหมือนกัน