หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 2 รับฟัง
ตอนที่ 2
รับฟัง
เคร๊ง
ไม่ทราบว่าในช่วงพริบตาก่อนกระบี่จะแทงใส่หนิงหลงเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ยามนี้กระบี่ของชายที่เข้ามาหาเรื่องกลับแตกกระจายไม่มีชิ้นดี แถมที่ด้านหลังหนิงหลงยามนี้ยังมีร่างของชายชราคนหนึ่งเข้ามายืนอยู่ด้วยอีกต่างหาก
“แก….”ที่กระบี่ของชายหนุ่มแตกกระจายนั้นน่าจะมาจากค้อนของอาวุโสหมิงซานที่ทุบทำลายกระบี่ของชายหนุ่มจนไม่เหลือชิ้นดีเป็นแน่ เห็นได้ชัดเลยว่าพริบตานั้นเป็นผู้อาวุโสหมิงซานนี่เองที่เข้ามาช่วยหนิงหลงเอาไว้ แถมยังทำให้เห็นอีกด้วยว่าอาวุโสหมิงซานไม่ได้อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย
“นายน้อยระวังขอรับ”ทันทีที่เห็นอาวุโสหมิงซานฟาดกระบี่ของนายน้อยตนเองจนแตกกระจายเหล่าผู้คุ้มกันก็วิ่งเข้ามาขวางระหว่างตัวหมิงซานกับนายน้อยของตนทันที เพียงแต่ท่าทางอาวุโสหมิงซานจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
“พวกเจ้ามาทางไหนกลับไปทางนั้น อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก”อาวุโสหมิงซานว่าพลางเหวี่ยงค้อนเข้าใส่ผู้คุ้มกันคนหนึ่งที่เข้ามาขวางระหว่างตนกับชายหนุ่มที่เข้ามาหาเรื่อง แต่ผู้คุ้มกันคนนี้ก็ไม่ได้เป็นคนธรรมดาหรือกระจอกงอกง่อยแต่อย่างไร เห็นค้อนเหวี่ยงเข้าหาตนก็รีบชักดาบออกมาเตรียมป้องกันตัว…
เปรี้ยง
ไม่ใช่แค่ดาบที่แตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี แม้แต่ตัวผู้คุ้มกันยังโดนกำลังจากค้อนกระแทกทะลุเข้ามาถึงอกก่อนจะส่งร่างของผู้คุ้มกันคนนั้นปลิวไปด้านหลังกระแทกเข้ากับต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปนับสิบเมตรอย่างรุนแรง
“เหวอ……”ผู้คุ้มกันอีกคนเห็นเพื่อนของตนโดนฟาดทีเดียวปลิวไปไกลก็หน้าซีดเผือดรีบอุ้มร่างของนายน้อยตนเองขึ้นไหล่แล้ววิ่งไปหนีหายไปทันทีโดยไม่สนใจว่าเพื่อนของตนจะเป็นอย่างไร หน้าที่ของผู้คุ้มกันตอนนี้ต้องเอานายน้อยหนีเอาตัวรอดไปให้ได้
“……….”ฝ่ายหลินฟานเองแม้จะสัมผัสพลังวิญญาณจากอาวุโสหมิงซานได้มาแต่แรก แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองตามด้วยท่าทีอึ้งๆ อาวุโสหมิงซานเป็นผู้สร้างอาวุธระดับเซียน ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญอยู่แล้ว แต่ก็ไม่นึกเลยว่าจะมีกำลังมหาศาลขนาดนี้ หากอาวุโสหมิงซานเอาจริงกลัวว่าเจ้าหนุ่มนั่นอาจจะตายคาที่ไปเลยก็ได้
“หนิงหลง เข้าบ้านไปเตรียมชา”อาวุโสหมิงซานมองพวกที่เข้ามาหาเรื่องวิ่งหนีหายไปด้วยท่าทีนิ่งเฉย ส่วนเจ้าคนที่โดนค้อนของอาวุโสหมิงซานซัดจนปลิว พอได้สติก็คงหนีหายไปเองไม่จำเป็นต้องสนใจให้มากนัก แต่ตอนนี้ที่หน้าบ้านของอาวุโสหมิงซานกลับมีคนอื่นนอกจากพวกที่เข้ามาหาเรื่องอยู่อีก
“เจ้า…ตามข้าเข้ามา”อาวุโสหมิงซานมองไปทางหลินฟานก่อนจะบอกให้หลินฟานตามตนเองไป แต่ทันทีที่พูดจบอาวุโสหมิงซานก็เดินกลับเข้าไปในบ้านทันที เช่นนั้นก็หมายความว่าท่านอนุณาตให้หลินฟานเข้ามาได้อย่างนั้นหรือ?
“………….”หลังจากตั้งสติได้ หลินฟานก็เดินตามอาวุโสหมิงซานเข้ามาด้านในตัวบ้าน ก่อนหน้านี้หลินฟานไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในตัวบ้านก็เลยไม่ทราบว่าภายในเป็นเช่นไร แต่ในบ้านของช่างตีเหล็กในตำนานอย่างอาวุโสหมิงซานนั้นกลับธรรมดากว่าที่หลินฟานคิดเอาไว้ นึกว่าภายในบ้านจะมีอาวุธเรียงรายกันอยู่เต็มผนังเสียอีก แต่ที่โรงตีเหล็กกลับเห็นเพียงข้าวของเครื่องใช้ทั่วไปอย่างมีดทำครัวหรือจอบเสียมเท่านั้น ไม่เห็นอาวุธอะไรเลยแม้แต่เล่มเดียว หากจะหาสิ่งสะดุดตาในบ้านหลังนี้ก็คงมีเพียงจุดเดียวเท่านั้นนั่นคือบริเวณใจกลางตัวบ้าน
ที่กลางบ้านของอาวุโสหมิงซานมีค้อนอันหนึ่งวางเอาไว้กับพื้น ไม่ใช่บนพื้นบ้าน แต่เป็นพื้นดินราวกับค้อนอันนี้ตกลงพื้นแล้วพังพื้นบ้านเป็นรูไม่มีผิด แต่เมื่อดูรอยไม้รอบๆแล้วก็พบว่ามีการเว้นช่วงเอาไว้ไม่ได้เกิดจากการตกแล้วพื้นพังทลายแต่อย่างไร มันเหมือนมีค้อนวางเอาไว้บนพื้นอยู่แล้วค่อยปูพื้นด้วยไม้ทีหลังไม่มีผิด ไม่สิ บางทีบ้านทั้งหลังนี่อาจจะสร้างครอบค้อนอันนี้เอาไว้ก็ได้ เพราะค้อนมันมีขนาดใหญ่มากต่อให้เป็นหลินฟานก็อาจจะยกไม่ขึ้นด้วยซ้ำ
“นั่งสิ”ทันทีที่หลินฟานเดินเข้ามาในตัวบ้าน อาวุโสหมิงซานก็นั่งรออยู่ที่เก้าอี้อยู่แล้ว แถมแก้วชาก็เตรียมเอาไว้ให้ทั้งสองคนอยู่ก่อนแล้วด้วยฝีมือของหนิงหลงนั่นเอง
“ขอบคุณขอรับ”หลินฟานว่าพลางเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ช้าๆ แต่สิ่งที่ล่อตาล่อใจหลินฟานยามนี้กลับเป็นน้ำชาเสียมากกว่าเพราะตัวเขาอดอาหารมาเกือบเดือนแล้ว ตอนนี้ร่างกายขาดน้ำเหลือเกิน
“ดื่มซะ ไม่อย่างนั้นเจ้าคงไม่มีแรงจะพูด”อาวุโสหมิงซานเห็นหลินฟานยังเอาแต่เกรงใจก็สั่งให้หลินฟานดื่มชาเสีย เขาเป็นเพียงช่างตีเหล็กไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมายหรอก
“ขอบคุณขอรับ”หลินฟานขอบคุณอีกครั้งก่อนจะดื่มชาเข้าไปอย่างรวดเร็วเพราะความกระหาย เล่นเอาเกือบจะสำลักเลย แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำบ้างนับว่าช่วยฟื้นฟูพลังกายของหลินฟานได้นิดหน่อย
“ที่ข้าให้เจ้าเข้ามาในบ้านเพราะเห็นว่าเจ้าเป็นคนดีไม่เลว อย่างน้อยเจ้าก็พยายามจะปกป้องหนิงหลง ข้าก็เลยอยากจะเปิดโอกาสให้เจ้าได้เล่าสาเหตุที่มาที่นี่”อาวุโสหมิงซานว่าพลางผายมือมาทางหลินฟาน ปกติแล้วอาวุโสหมิงซานไม่ได้รับฟังคำขอของผู้มาคุกเข่าขอร้องเสียด้วยซ้ำ ครั้งนี้นับว่าเป็นกรณีพิเศษก็คงได้
“ข้าน้อยมีนามว่าหลินฟานขอรับ ก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่งราชองครักษ์หลวงแห่งอาณาจักรมังกรครามขอรับ”หลินฟานแนะนำตัวก่อนจะประสานมืออย่างนอบน้อมเบื้องหน้าอาวุโสหมิงซาน ตำแหน่งของหลินฟานนั้นใหญ่โตไม่น้อย ไม่นึกเลยว่าจะทนนั่งคุกเข่าอยู่หน้าบ้านอาวุโสหมิงซานเป็นเดือนได้
“ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อขอร้องให้ท่านอาวุโสสร้างอาวุธให้ชิ้นหนึ่งขอรับ ขอเพียงเป็นอาวุธระดับราชันขั้นที่สิบ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธชนิดใดก็ได้ขอรับ”หลินฟานก้มหัวลงเพื่อขอร้องอาวุโสหมิงซาน อาวุธนั้นแบ่งแยกเป็นระดับขั้นที่หลินฟานต้องการนั้นเป็นอาวุธระดับราชันขั้นที่ 10 แม้จะเป็นรองอาวุธระดับเซียนที่เป็นขั้นสูงสุดของอาวุธวิเศษ แต่ก็เป็นระดับที่สูงมากอยู่ดี ไม่ใช่อาวุธที่นึกจะตีก็ตีได้ หรือต่อให้มีเงินก็ไม่สามารถซื้อขายกันได้ด้วยซ้ำ
“ทำไมอาณาจักรมังกรครามต้องการอาวุธระดับราชันขั้นที่สิบเพิ่มล่ะ”อาวุโสหมิงซานถามพลางมองไปทางหลินฟานด้วยท่าทีไม่พอใจ หากมาด้วยสาเหตุแค่ต้องการอาวุธเพิ่มมันก็ออกจะน่าเกลียดไปเสียหน่อย
“เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าน้อยเองขอรับ ก่อนหน้านี้ข้าได้รับหน้าที่ให้คอยปกป้องกระบี่เจ้ามังกรอาวุธระดับราชันขั้นที่สิบเพียงชิ้นเดียวของอาณาจักรมังกรครามเอาไว้ แต่เพราะความประมาทของข้าก็เลยโดนชิงกระบี่ไปขอรับ”หลินฟานตอบด้วยท่าทีเจ็บใจอย่างมาก แม้หลินฟานจะไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรให้อาวุโสหมิงซานได้ฟัง แต่การคุ้มกันกระบี่เจ้ามังกรนั้นแน่นหนามาก ไม่ใช่แค่ดักปล้นแล้วจะชิงไปได้ หลินฟานที่เป็นผู้คุ้มกันวางแผนรัดกุมทุ่มเททั้งแรงกายและความสามารถทำงานอย่างเต็มที่ แต่ก็โดนแผนร้ายของศัตรูทำให้เสียท่าจนได้
“ความผิดเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าต้องโดนประหารทั้งโคตรหรอกหรือ”อาวุโสหมิงซานได้ฟังก็มีท่าทีสงสัยทันที กระบี่ระดับราชันขั้นที่ 10 เรียกว่าสมบัติชาติก็ไม่ผิด การที่ปล่อยให้มันโดนชิงไปถือเป็นความผิดร้ายแรงในฐานะองครักษ์ ตามปกติแล้วสมควรโดนลากทั้งตระกูลออกมาประหารเสียด้วยซ้ำ
“เป็นเพราะความดีความชอบของตระกูลหลินที่มีต่ออาณาจักรมังกรครามมีมากมายนัก องค์จักรพรรดิก็เลยเมตตาไม่สั่งประหารตระกูลหลินทันทีขอรับ”หลินฟานตอบด้วยใบหน้าที่เศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
“ท่ามกลางเสียงร้องเรียนให้ประหารตระกูลหลินของข้า องค์จักรพรรดิก็ยังยอมช่วยเหลือโดยมอบภารกิจให้ข้าตามหากระบี่เจ้ามังกรกลับมา หรือไม่ก็หาอาวุธระดับราชันขั้นที่สิบชิ้นอื่นกลับไปภายในยี่สิบปีขอรับ”หลินฟานตอบพลางถอนหายใจออกมา ตระกูลหลินเป็นที่รักขององค์จักรพรรดิก็จริง แต่กลับโดนตระกูลอื่นๆอิจฉาไม่น้อย พอได้โอกาสเหล่าขุนนางที่ต้องการตัดตระกูลหลินออกไปก็พากันเล่นงานทันที แต่ถึงจะได้รับภารกิจเพื่อช่วยเหลือตระกูลมาแล้ว แต่การหาอาวุธระดับราชันขั้นที่สิบนั้นก็ยากเย็นเหลือเกิน
“เพราะแบบนี้เจ้าก็เลยมาตามหาข้าที่เคยสร้างอาวุธระดับเซียนขึ้นมาแล้วสินะ”อาวุโสหมิงซานได้ยินเรื่องราวแล้วก็พอจะเข้าใจ อาวุธระดับราชันขั้นที่ 10 นั้นไม่ใช่อาวุธที่ใครก็สร้างได้ ต่อให้เป็นช่างตีเหล็กในตำนานอย่างหมิงซานก็ยังเคยสร้างอาวุธระดับราชันขั้นที่ 10 ได้เพียง 4 ชิ้นเท่านั้น แต่การมาขอร้องให้อาวุโสหมิงซานช่วยสร้างอาวุธให้มันก็มีโอกาสมากกว่าไปชิงเอาจากที่อื่น เพราะอาวุธระดับราชันทั้งหลายต่อให้ไม่อยู่ในขั้นที่ 10 ก็ยังเป็นที่แย่งชิงกันอย่างหนัก ผู้ที่ชิงกระบี่เจ้ามังกรไปเองก็คงต้องวางแผนมายาวนานหลายปี ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถเข้ามาชิงกระบี่ถึงในวังได้หรอก
“ขอรับ…ท่านอาวุโสขอเพียงสร้างอาวุธระดับราชันขั้นที่สิบให้ข้า ไม่ว่าท่านจะต้องการอะไรตอบแทนข้าก็จะหามาให้ หรือจะให้ข้าคอยเป็นบ่าวรับใช้ไปทั้งชีวิตข้าก็ยินดี”หลินฟานลงไปนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นอีกครั้งก่อนจะก้มหัวจนศีรษะโขกกับพื้น หลินฟานต้องตายหรือกลายเป็นทาสรับใช้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ขอเพียงสามารถนำอาวุธกลับไปช่วยเหลือตระกูลหลินได้ เท่านั้นก็พอแล้ว
“ข้าสร้างอาวุธให้เจ้าไม่ได้หรอก”อาวุโสหมิงซานส่ายหน้าช้าๆก่อนจะมองหลินฟานด้วยท่าทีเห็นใจ หลินฟานมีความจำเป็นจริงๆ แต่ถึงจะยกทั้งอาณาจักรให้อาวุโสหมิงซานก็ไม่อาจสร้างอาวุธให้หลินฟานได้จริงๆ
“ทำไมล่ะขอรับท่านอาวุโส เรื่องวัตถุดิบหรือขอรับ ไม่ว่าท่านต้องใช้อะไรข้าก็จะหามาให้ขอรับ”หลินฟานได้ยินแบบนั้นก็รีบยื่นข้อเสนอทันที แต่ถึงจะเสนออะไรออกไปอาวุโสหมิงซานก็ได้แต่ส่ายหน้าเท่านั้น
“ข้าสร้างอาวุธให้เจ้าไม่ได้….เจ้ากลับไปเถอะ”อาวุโสหมิงซานตอบออกมาด้วยคำตอบเดิม ทั้งๆที่ได้ฟังเรื่องของหลินฟานแล้วแท้ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจทำให้อาวุโสหมิงซานใจอ่อนได้เลยงั้นหรือ