หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 16 ค้อน
ตอนที่ 16
ค้อน
“เฮ้อ เล่นเอาข้าเสียความมั่นใจไปเลย”สิ้นสุดการทดสอบ หลี่ซานจงเดินกลับเข้าที่พักร่วมกับศิษย์น้องอย่างหว่านจือด้วยท่าทีห่อเหี่ยวไม่น้อย หลี่ซานจงแม้ไม่ใช่ยอดฝีมือแห่งยุค แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์ที่เก่งกาจหาตัวจับยากในสำนักเพลิงบัญญัติ ด้วยวัยเพียงยี่สิบกว่าๆก็ฝึกฝนวิชาควบคุมเพลิงได้ถึงระดับ 6 ทั้งๆที่ปกติแล้วจะเข้าถึงระดับนี้ได้ต้องใช้เวลา 40 – 50 ปีเสียด้วยซ้ำ
แต่ครั้งนี้เขากลับเจอเด็กที่อายุน้อยกว่าเกือบสิบปีไล่ต้อนจนเผลอใช้ท่าไม้ตายออกไป แถมท่าไม้ตายของตนยังทำอะไรเด็กคนนั้นไม่ได้ด้วย เล่นเอารู้เลยว่าตนเองก็แค่คนธรรมดาเท่านั้น
“ไม่หรอกศิษย์พี่ ต้องเป็นเพราะค้อนของเด็กคนนั้นแน่ๆ มันต้องไม่ใช่เหล็กธรรมดาอยู่แล้ว ค้อนปกติโดนไฟของศิษย์พี่เข้าไปมันจะต้องละลายแล้วสิ”หว่านจือได้ยินศิษย์พี่ของตัวเองบ่นออกมาก็เข้าไปปลอบใจทันทีพร้อมหาสาเหตุที่เขาเสียเปรียบออกมาอีกต่างหาก
“ไม่เกี่ยวกันหรอก ข้าเลือกใช้วิชามือเปล่าก็ต้องเตรียมตัวรับมือกับอาวุธอยู่แล้ว เจ้าจะบอกว่าคนอื่นขี้โกงเพราะใช้อาวุธไม่ได้หรอกนะ”หลี่ซานจงตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ แต่ยามปกติเขาไม่เคยกลัวอาวุธอะไรเลย เพราะความร้อนจากฝ่ามือโลกันตร์นั้นร้อนแรงขนาดหลอมโลหะละลายได้ทันทีเลยทีเดียว หากเป็นกระบี่เหล็กธรรมดาขอเพียงหลี่ซานจงปัดป้องก็ทำใบกระบี่งอหรือหักไปเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงท่าไม้ตายอย่างฝ่ามือตราประทับเพลิงที่ใช้พลังไฟมากกว่าปกติหลายสิบเท่า โดนท่านั้นเข้าไปแม้แต่เกราะเหล็กยังทะลุเป็นรูเลย เพราะงั้นฝ่ามือของหลี่ซานจงก็เหมือนอาวุธเช่นกัน จะไปลดค่าของหนิงหลงเพราะเขาใช้ค้อนเป็นอาวุธไม่ได้
“ค้อนของข้าทำไมหรือขอรับ”ระหว่างกำลังถอนหายใจอยู่นั้น อยู่ๆเสียงของหนิงหลงก็ดังมาจากด้านหลังเสียก่อนทำเอาหว่านจือสะดุ้งโหยง
“อะ เอ่อ ข้ากำลังคุยกับศิษย์พี่ซานอยู่พอดีว่าค้อนของเจ้าน่าสนใจดี”หว่านจือว่าพลางหัวเราะเจื่อนๆออกมาด้วยท่าทีลุกลน
“งั้นหรือขอรับ มันก็แค่ค้อนที่ใช้เหล็กคุกสมุทรผสมกับเหล็กกระดองเต่าเท่านั้นเองขอรับ มันเลยทนไฟแล้วก็หนักมากด้วยขอรับ”หนิงหลงตอบพลางนำค้อนออกมาให้ทั้งสองดู ค้อนอันนี้ไม่ใช่อาวุธแต่เป็นค้อนตีเหล็กที่อาวุโสหมิงซานสร้างให้หนิงหลงเอาไว้ใช้ฝึกซ้อมเท่านั้น เพราะไฟของช่างตีเหล็กที่ฝึกฝนพลังวิญญาณด้วยนั้นรุนแรงมาก ยิ่งกับหนิงหลงที่พัฒนาทักษะควบคุมไฟขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วยิ่งไม่สามารถใช้ค้อนธรรมดาได้ อย่างที่บอกฝ่ามือของหลี่ซานจงสามารถละลายเหล็กได้ ไฟของหนิงหลงก็เช่นกัน หากไม่ใช้โลหะที่ทนไฟละก็หนิงหลงคงละลายค้อนตัวเองก่อนจะสร้างผลงานเสร็จเป็นแน่
“เหล็กอะไรนะ…..”หว่านจือขมวดคิ้วด้วยท่าทีประหลาดใจ เขาไม่เคยได้ยินชื่อเหล็กพวกนั้นมาก่อนเลย
“น้องหนิงหลง เจ้าตามพวกเรามามีอะไรงั้นหรือ”ไม่ปล่อยให้หว่านจือถามต่อ หลี่ซานจงถามไปทางหนิงหลงด้วยตัวเองว่าหนิงหลงนั้นตามพวกตนมาทำไม ทางนี้เป็นทางไปยังสถานที่พักของศิษย์ทั่วไป ซึ่งทางเข้าส่วนที่พักของเจ้าสำนักมันอยู่คนละทางไม่ใช่หรือไง
“คือ ค้อนอันนี้มันหนักมากเลยขอรับ ข้าเห็นศิษย์พี่ใช้มือเปล่ารับมันก็เลยกลัวว่าแขนท่านจะเจ็บหรือเปล่า ข้าก็เลยขอยาจากท่านลุงมาให้ท่าน”หนิงหลงว่าพลางนำขวดยาสำหรับทาภายนอกออกมาให้หลี่ซานจง
“งะ งั้นหรือ”หลี่ซานจงพยักหน้าช้าๆก่อนจะรับยามาแต่โดยดี ยาพวกนี้มีใช้ในสำนักอยู่แล้วไม่เห็นต้องไปเอามาให้เลย แต่เพราะแบบนั้นหลี่ซานจงก็เลยได้เห็นว่าหนิงหลงเป็นคนดีเหมือนกัน เป็นถึงหลานท่านเจ้าสำนัก มีวิชาเก่งกล้าเหนือคนรุ่นเดียวกันจะทำตัวหยิ่งผยองมากกว่านี้ก็ได้แท้ๆ แต่ก็ยังเป็นห่วงเขาแถมตลอดมาก็ไม่เคยทำท่าวางตัวใหญ่โตอะไรด้วย อย่างน้อยศิษย์น้องคนใหม่คนนี้ก็ท่าทางจะนิสัยใช้ได้ล่ะนะ
“ขอบใจเจ้ามาก จริงสิวิชาค้อนของเจ้ายังไม่เฉียบคมเท่าไหร่ ข้าใช้วิชามือเปล่าเลยไม่ทราบจะแนะนำเจ้าอย่างไร เอาอย่างนี้สิวันหน้าเจ้ามาที่ลานฝึกในช่วงบ่าย ข้าจะให้หว่านจือสอนเจ้า”หลี่ซานจงยิ้มพลางโยนงานไปให้หว่านจือเสียอย่างนั้น
“เอ๊ะ สอนหรือขอรับ…..ศิษย์พี่ข้าจะไปสอนอะไรน้องหนิงหลงได้ อีกอย่างข้าใช้ดาบนะขอรับไม่ใช่ค้อน”หว่านจือสะดุ้งไปทั้งตัวก่อนจะรีบปฏิเสธพัลวัน ฝีมือหนิงหลงสูงขนาดนั้นขืนให้เขาเป็นคนสอนละก็โดนน้องหนิงหลงหวดตายแน่ๆ
“เอาน่า เจ้าใช้ดาบใหญ่น้ำหนักพอๆกัน เจ้าน่าจะแนะนำวิชาได้ดีกว่าข้านะ”หลี่ซานจงยิ้มออกมาด้วยท่าทีแปลกๆเสียอย่างนั้นทำเอาหว่านจือเหมือนจะรู้ตัวขึ้นมา
“เดี๋ยวสิขอรับ ก่อนหน้านี้ท่านเองก็ใช้ดาบมาก่อนไม่ใช่หรือไง ท่านเองก็น่าจะสอนได้นี่ขอรับ นี่ท่านจะใช้ข้าฝึกกับน้องหนิงหลงแล้วให้โดนน้องหนิงหลงฟาดเอาสินะขอรับ”หว่านจือพอรู้ทันก็โวยวายออกมาทันที นี่มันแผนการร้ายชัดๆ
“พูดอะไรของเจ้า หน้าที่ช่วยเหลือรุ่นน้องก็คือหน้าที่ของศิษย์พี่อย่างพวกเรานะ ข้าก็แค่แนะนำคนที่เหมาะสมให้เท่านั้นเอง จริงสิน้องหนิงหลงเพื่อการเรียนรู้เจ้าต้องฟาดเต็มแรงเลยนะอย่าให้เจ้านี่ดูถูกได้”หลี่ซานจงพูดออกมาด้วยท่าทีจริงจัง แต่ในใจกลับแอบนยิ้มเสียอย่างนั้นทำเอาหนิงหลงที่ยืนฟังอยู่หัวเราะออกมากับท่าทีลนลานของหว่านจือ
“พี่หนิงหลง ท่านอยู่นี่เอง”ระหว่างกำลังขำกับท่าทีของหว่านจือ อยู่ๆเด็กสาวตัวน้อยก็วิ่งเข้ามาหาหนิงหลงแถมยังเกาะแขนของหนิงหลงแน่นอีกต่างหาก
“น้อง….อี้เฟย”เห็นหยางอี้เฟยเข้ามาเกาะแขนหนิงหลง พวกหว่านจือก็มีท่าทีตกใจเป็นอย่างมาก ปกติอี้เฟยไม่ค่อยสนิทสนมกับใครเท่าไหร่ แม้แต่กับพวกตนยังแค่พูดคุยไม่กี่คำ แต่หนิงหลงเพิ่งจะมาไม่กี่วันก็สนิทสนมกับน้องอี้เฟยขนาดนี้แล้วงั้นหรือ
“สวัสดีเจ้าค่ะพี่หว่านจือ พี่ซานจง”อี้เฟยเห็นทั้งสองคนก็ทักทายออกไปด้วยท่าทีอายๆเหมือนเช่นเคย แม้จะเป็นตอนนี้อี้เฟยก็ยังไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ผู้อื่นเท่าไหร่ แม้จะเป็นศิษย์เอกอย่างหลี่ซานจงก็ยังไม่แน่ว่าจะรับมือกับไฟของอี้เฟยได้
“จริงสิ พี่หนิงหลงท่านพ่ออยากจะให้พี่ไปพบที่ห้องเจ้าค่ะ ท่านบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วย”อี้เฟยว่าพลางเขย่าชายเสื้อหนิงหลงเบาๆเหมือนจะบอกให้หันมาสนใจตัวเองหน่อยไม่มีผิด
“งั้นหรือ เข้าใจแล้ว”หนิงหลงพยักหน้าช้าๆก่อนจะเก็บเอาค้อนของตนกลับเข้าไปในกำไลมิติ
.
.
.
“ฮ้าๆ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะใช้ค้อนได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้”หยางเยี่ยนเหว่ยหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกล่าวชมหนิงหลงไม่หยุดปาก คนที่กังวลกับหนิงหลงที่สุดก็คือหยางเยี่ยนเหว่ยนี่เอง เห็นหนิงหลงสามารถตอบโต้หลี่ซานจงได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นนี้ทำให้หยางเยี่ยนเหว่ยดีใจอย่างมาก
“เอ้ากินสิหลานหนิงหลง วันนี้ถือเป็นงานต้อนรับเจ้าเข้าสำนักเลยไงล่ะ”หยางเยี่ยนเหว่ยยิ้มไม่ยอมหุบโอ๋หลานตนเองอย่างออกหน้าออกตาเล่นเอาหยางเซียงเซียนถอนหายใจอยู่ด้านหลัง สามีนางดีใจเกินหน้าเกินตาไปแล้ว แต่นางเองก็ไม่คิดว่าผลจะออกมาเป็นอย่างนี้ แบบนี้หลี่ซานจงคงเสียความมั่นใจไม่น้อยหลังจากนี้คงต้องช่วยไปปลอบใจเขาหน่อย ในฐานะภรรยาของเจ้าสำนักนางต้องใส่ใจความรู้สึกของเหล่าศิษย์ในสำนักให้ดี
“ว่าแต่ค้อนของเจ้าเป็นอาวุธวิเศษงั้นหรือ ข้านึกว่าท่านหมิงซานเลิกทำอาวุธไปแล้วซะอีก”หยางเยี่ยนเหว่ยเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย จากสายตาผู้ที่สามารถแยกระหว่างอาวุธทั่วไปกับอาวุธวิเศษได้ย่อมมองออกได้ทันที ค้อนที่หนิงหลงใช้เป็นค้อนวิเศษระดับกลางแน่ๆ
“เปล่าหรอกขอรับ สิ่งนี้เป็นเพียงค้อนที่ทำขึ้นมาใช้ชั่วคราวเท่านั้นขอรับ เพราะข้ายังยกค้อนสดับทศทิศไม่ขึ้นอาจารย์เลยให้ใช้ค้อนอันนี้ฝึกกำลังไปก่อน”หนิงหลงตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ค้อนอันนี้ไม่มีชื่อเสียด้วยซ้ำ แถมยังเป็นค้อนตีเหล็กไม่ใช่ค้อนสำหรับต่อสู้เสียด้วยซ้ำ ถึงมันจะเป็นค้อนระดับกลาง แต่ก็มีดีแค่หนักและทนทานเท่านั้น
“ค้อนสำหรับใช้ชั่วคราว ฮ้าๆ เจ้าทำข้าขำจริงนะ”หยางเยี่ยนเหว่ยหัวเราะลั่นออกมาด้วยท่าทีสุดจะกลั้น หากมีคนบอกว่าเอาค้อนวิเศษระดับกลางมาใช้ชั่วคราวละก็คงต้องมีคนหมั่นไส้แน่ๆ แม้จะเป็นระดับต่ำ แต่อาวุธวิเศษนั้นเป็นของมีราคาไม่ได้หากันง่ายๆหรอก ต่อให้เป็นสำนักเพลิงอันดับ 1 อย่างสำนักเพลิงบัญญัติก็ยังมีใช้กันไม่แพร่หลายเท่าไหร่ แม้ระดับผู้อาวุโสจะมีอาวุธประจำตัวกันทุกคน แต่ระดับศิษย์อย่างหลี่ซานจงหรือหว่านจือนั้นยังไม่สามารถหามาให้ใช้ได้จริงๆ
“เอ๋ มีอะไรน่าขำหรือขอรับ”หนิงหลงขมวดคิ้วด้วยท่าทีงุนงงเพราะตัวหนิงหลงใช้ข้าวของเครื่องใช้ระดับนี้เป็นเรื่องปกติ อย่างมีดทำครัวที่หลินฟานเคยใช้หั่นโต๊ะทิ้งนั่นก็เป็นมีดระดับสูงเลยนะ
“ฮะๆ ไม่มีอะไรหรอก คงเอาเจ้าที่เป็นศิษย์ของท่านหมิงซานมาเทียบกับมาตรฐานปกติไม่ได้”หยางเยี่ยนเหว่ยตอบพลางเช็ดน้ำตาที่เกิดจากการหัวเราะออก
“จริงสิ หลานหนิงหลงได้ยินว่าเจ้าฝึกให้อี้เฟยอยู่ เจ้าได้อะไรบ้าง…..”
โครม
เซียงเซียนกำลังจะออกปากถามเรื่องอี้เฟยกับหนิงหลง อยู่ๆที่หน้าสำนักก็มีเสียงดังเหมือนอะไรบางอย่างล้มกระแทกพื้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น แม้เจ้าสำนักและภรรยาจะไม่มีท่าทีตกใจ แต่ท่าทีก็เปลี่ยนไปทันที
“ใครมันช่างกล้ามาก่อความวุ่นวายที่สำนักเรากัน”หยางเซียงเซียนเปลี่ยนท่าทีเป็นดุดันตรงกันข้ามกับท่าทีใจดียามอยู่ต่อหน้าบุตรสาวราวกับคนละคน แม้ยามอยู่ต่อหน้าศิษย์นางจะวางตัวเป็นภรรยาเจ้าสำนักที่น่าเคารพ แต่ยามนี้มันต่างกัน เพราะนอกจากแรงกดดันแล้วยังมีจิตสังหารแผ่กระจายออกไปรอบๆด้วย….
.
.
.
“มาแล้วสินะหยางเยี่ยนเหว่ย”ทันทีที่หยางเยี่ยนเหว่ยและคนอื่นๆเดินออกมาถึงหน้าสำนัก สิ่งที่ได้พบก็คือประตูสำนักที่ทำจากเหล็กล้มลงมากองกับพื้นพร้อมร่างของกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่มายืนกันหน้าสำนักเหมือนต้องการจะหาเรื่อง และคนที่เดินออกมาทักทายก็เป็นชายร่างผอมที่ดูเหมือนคนขี้โรคนั่นเอง
“เจ้าสำนักเทพอัคคี มีอะไรถึงได้ทักทายกันรุนแรงเช่นนี้หรือ”หยางเยี่ยนเหว่ยถามพลางมองไปทางผู้บุกรุกด้วยท่าทีนิ่งสงบ พอต้องทำตัวเป็นเจ้าสำนักท่านลุงหยางก็นิ่งได้ยอดเยี่ยมเช่นกันสินะ
“ข้าเกิดสงสัยขึ้นมานะสิหยางเยี่ยนเหว่ย ข้าเริ่มสงสัยว่าทำไมสำนักเทพอัคคีของข้าถึงถูกเรียกว่าสำนักธาตุไฟอันดับสามกันนะ”เจ้าสำนักเทพอัคคีพูดพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
“ทำไมนะหรือ……อยากให้ข้าทำให้เจ้าได้รู้หรือไม่ล่ะ”หยางเซียงเซียนได้ยินเช่นนั้นก็เดินออกไปข้างหน้าด้วยท่าทีสง่าผ่าเผยก่อนจะกล่าวท้าทายเจ้าสำนักเทพอัคคีด้วยท่าทีเฉยชาไม่ได้หวาดกลัวเลยสักนิด แต่รอบๆตัวของเซียงเซียนยามนี้กลับมีเปลวเพลิงลอยออกมาราวกับร่างกายกำลังลุกไหม้ไม่มีผิด