หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร - ตอนที่ 13 ติดปาก
ตอนที่ 13
ติดปาก
“อย่างที่เห็นนั่นล่ะหลานหนิงหลง บุตรสาวของข้าไม่สามารถควบคุมไฟที่เรียกออกมาด้วยตนเองได้”เจ้าสำนักหยางว่าพลางมองมาทางหนิงหลงที่ใช้วิชาของตนดับไฟอย่างง่ายดายราวกับว่ารู้อยู่แล้วว่าหนิงหลงต้องสามารถป้องกันตัวเองได้
“ขะ ขอรับ….”หนิงหลงพยักหน้าน้อยๆด้วยท่าทีเข้าใจ ยิ่งไฟแรงเท่าไหร่ก็ยิ่งควบคุมยาก ทักษะควบคุมของอี้เฟยยังไม่ถึงขั้น แต่พลังกลับก้าวหน้าความสามารถไปมาก ผลลัพธ์เลยออกมาเป็นเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“ท่านพ่อ ข้าขอโทษ ข้าทำไม่ได้อีกแล้ว”เห็นพลังของตนระเบิดออก อี้เฟยก็หันหน้าไปหาบิดาเหมือนเด็กเพิ่งทำเรื่องผิดเสียอย่างนั้น ทั้งๆที่เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของนางเลยแม้แต่น้อย
“ข้าได้ยินมาว่าทักษะควบคุมไฟของอาจารย์เจ้าเน้นไปที่ความละเอียดอ่อนในการควบคุมความร้อน ตัวข้าด้อยกว่าอาจารย์เจ้าในเรื่องนี้ก็เลยอยากให้เจ้าช่วยชี้แนะให้อี้เฟยหน่อย ได้หรือไม่”หยางเยี่ยนเหว่ยออกปากถามมาทางหนิงหลงด้วยท่าทีขอร้อง หนิงหลงทักษะควบคุมเพลิงอยู่ระดับ 6 เท่านั้น แต่ที่ยังค้างอยู่ระดับนี้เป็นเพราะความร้อนของเปลวเพลิงที่หนิงหลงสร้างได้ยังไม่ร้อนพอเท่านั้น แต่เรื่องทักษะควบคุมหนิงหลงอาจจะเหนือล้ำไปกว่าเหล่าอาวุโสของสำนักเพลิงบัญญัติไปแล้วก็ได้ เพราะงั้นหยางเยี่ยนเหว่ยจึงต้อนรับหนิงหลงอย่างยินดีและขอร้องให้หนิงหลงช่วยเหลือในเรื่องนี้
“แน่นอนว่าเรื่องพลังไฟของเจ้าไม่เพียงพอ ข้าจะหาทางช่วยเหลือเจ้าเช่นกัน”หยางเยี่ยนเหว่ยบอกความในใจออกไปตามตรง เพื่อบุตรสาวที่ไม่สามารถควบคุมพลังของตนได้แล้วต่อให้ต้องก้มหัวให้เด็กอายุรุ่นลูกก็ไม่มีปัญหา
“ท่านลุงเกรงใจเกินไปแล้วขอรับ ข้าได้รับการสั่งสอนจากท่านลุงนับว่ามีวาสนาแล้ว การช่วยเหลือน้องอี้เฟยถือว่าเป็นการตอบแทนที่ไม่มากเกินไปหรอกขอรับ”หนิงหลงยิ้มกว้างออกมาด้วยท่าทียินดี มันก็เหมือนกับตอนที่หลินฟานยื่นข้อเสนอให้กับอาวุโสหมิงซานนั่นล่ะ สอนกันและกันไม่เป็นการเอาเปรียบกันตรงไหนนี่นา
“งั้นหรือ ขอบใจมาก อี้เฟย พี่หนิงหลงเขาควบคุมไฟเก่งมาก เจ้าไม่ต้องกลัวว่าพี่เขาจะได้รับบาดเจ็บหรอก เข้าไปหาพี่หนิงหลงเถอะ”หยางเยี่ยนเหว่ยได้ยินคำตอบของหนิงหลงก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจก่อนจะหันไปบอกบุตรสาวให้เข้าไปหาหนิงหลงได้
แต่เดิมอี้เฟยไม่ได้กลัวผู้คนแต่อย่างไร แม้จะขี้อายตามประสาเด็ก แต่ก็เข้าหาคนอื่นได้ปกติ แต่เพราะวันหนึ่งอี้เฟยเกิดใช้พลังไฟทำร้ายศิษย์ในสำนักโดยไม่ตั้งใจ ทำให้อี้เฟยกลัวว่าตนเองจะทำร้ายผู้อื่นระหว่างฝึกฝน เลยไม่กล้าฝึกฝนร่วมกับผู้อื่นอีกเลย ยิ่งพักหลังอี้เฟยก็ยิ่งพลังเพิ่มพูน เผลอนิดหน่อยก็อาจจะใช้พลังไฟออกมาโดยไม่ตั้งใจบ่อยๆและผลลัพธ์ของมันก็ทำให้อี้เฟยเลือกที่จะอยู่ห่างๆผู้อื่นและเลือกเข้าใกล้เพียงคนระดับสูงของสำนักเพราะคนเหล่านั้นสามารถควบคุมไฟของนางได้ ต่อให้นางเผลอระเบิดออกมาพวกเขาก็ไม่บาดเจ็บอะไร
“เจ้าค่ะ”อี้เฟยพยักหน้าช้าๆก่อนจะเดินเข้าไปหาหนิงหลงด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ ถึงจะบอกว่าหนิงหลงไม่เป็นไรก็เถอะ แต่หนิงหลงก็ยังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับอี้เฟยอยู่ดี จะให้เข้าไปหาเลยก็คงไม่ได้
“พี่หนิงหลง ข้าอยากจะควบคุมไฟของตัวเองได้ ท่านช่วยสอนข้าได้หรือเปล่าเจ้าคะ”อี้เฟยมองไปทางหนิงหลงด้วยใบหน้าน่ารักและไร้เดียงสา ไม่ว่าผู้ใหญ่ที่ไหนมาเห็นก็ต้องเอ็นดูกันทั้งนั้น แล้วหนิงหลงจะไปทนได้อย่างไร หนิงหลงไม่เคยมีพี่น้อง ได้รู้จักหลินฟานก็เหมือนมีพี่ชายคนหนึ่ง หากหนิงหลงมีน้องสาวก็คงมีความรู้สึกเช่นนี้กระมัง
“แน่นอน ข้าจะช่วยเจ้าเอง”หนิงหลงตอบพลางมองอี้เฟยด้วยความเอ็นดู แต่ทว่า….จะทำอย่างไรกับพลังของนางดีล่ะ…
“น้องอี้เฟยเจ้าลองใช้พลังของเจ้าออกมาทั้งหมดได้หรือไม่ ข้าอยากรู้ว่าเจ้าสร้างไฟได้ระดับไหน”หนิงหลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ลองสอบถามความสามารถของอี้เฟยดูก่อน เมื่อครู่อี้เฟยใช้พลังออกมาเหมือนพยายามใช้ให้น้อยที่สุด แสดงว่าพลังที่แท้จริงของนางน่าจะมากกว่านั้น
“แต่ว่า มันจะ….คุมไม่อยู่นะเจ้าคะ”อี้เฟยมีท่าทีลังเลออกมาทันทีเพราะนางไม่กล้าใช้พลังทั้งหมดออกมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว
“ไม่เป็นไรข้าเก่งเรื่องรับมือกับไฟนะ แถมท่านลุงก็อยู่ที่นี่ด้วย”หนิงหลงว่าพลางยืดอกอย่างมั่นใจ แม้พลังของนางจะมาก แต่ก็ไม่มากเหมือนระดับยอดฝีมืออย่างท่านเจ้าสำนักหรอก ต่อให้นางระเบิดออกมาทั้งหมดอย่างน้อยท่านเจ้าสำนักก็คงสามารถควบคุมได้
“เอ่อ หลานหนิงหลงข้าไม่…..”หยางเยี่ยนเหว่ยได้ยินว่าหนิงหลงจะทำอะไรก็เหงื่อตกออกมาเล็กน้อย ไฟของอี้เฟยต่างไปจากคนอื่นๆนิดหน่อย การควบคุมมันตอนระเบิดออกมาเต็มที่ไม่ใช่เรื่องง่ายดายขนาดนั้น ต่อให้เป็นเจ้าสำนักเองก็ไม่ใช่ว่าจะคุมได้เต็มร้อย แน่นอนว่าหยางเยี่ยนเหว่ยไม่ห่วงตนเองอยู่แล้วเพราะพลังคุ้มกันของตนมีมากพอ หยางเยี่ยนเหว่ยเพียงเป็นห่วงหนิงหลงว่าจะเป็นอะไรไปหรือไม่เท่านั้น
“งั้น….ข้าจะลองดูเจ้าค่ะ”หยางเยี่ยนเหว่ยยังไม่ทันได้ออกปากห้าม บุตรสาวของตนเองก็รับคำหนิงหลงซะแล้ว ทำเอาหยางเยี่ยนเหว่ยได้แต่เข้าไปยืนอยู่ข้างๆหนิงหลงเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น
“งั้นก็เอาเลย”หนิงหลงว่าพลางปล่อยพลังวิญญาณของตนออกมาเพื่อเตรียมรับมือ ซึ่งฝ่ายหยางเยี่ยนเหว่ยเองก็ทำเช่นกัน
“ตายซะ….”เห็นทั้งหนิงหลงทั้งบิดาตั้งท่าเตรียมพร้อม หยางอี้เฟยก็ปล่อยพลังวิญญาณของตนออกมาเต็มที่พร้อมเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเปลวเพลิงทันที พริบตานั้นรอบด้านก็ปกคุลมไปด้วยเปลวเพลิงราวกับจะลุกไหม้ไปทั่วห้อง กระแสเพลิงไหลเวียนไปรอบๆราวกับมีมังกรเพลิงกำลังบินไปมาไม่มีผิด ระดับพลังของเด็กตัวเล็กเช่นนี้กลับระเบิดเปลวเพลิงออกมาได้มากมายมหาศาลราวกับจะสามารถระเบิดทั้งเมืองให้หายไปได้เช่นนี้เป็นเรื่องน่าตกใจจริงๆ
“เอ่อ…น้องอี้เฟย ไอ้คำว่าตายซะนี่ หมายความว่ายังไงเหรอ”หนิงหลงได้ยินอี้เฟยตะโกนคำนี้ออกมาเป็นครั้งที่สองแล้ว ไม่ทราบนางจะตะโกนทุกครั้งที่ใช้พลังหรือไม่แต่เด็กสาวตัวน้อยเช่นนี้ตะโกน ตายซะ ออกมามันออกจะแปลกๆไปเสียหน่อย
“ไม่รู้เจ้าค่ะ ข้าเห็นท่านแม่ตะโกนคำนี้ออกมาเวลาต่อสู้ตลอด ข้าก็เลยติดปาก”หยางอี้เฟยว่าพลางหันมามองหนิงหลงด้วยท่าทีไร้เดียงสา มารดาของนางเป็นคนเช่นไรกันถึงได้ตะโกนคำแบบนั้นออกมาระหว่างต่อสู้?
“คำนี้เป็นคำไม่ดีหรือเจ้าคะ ข้าเห็นท่านแม่พูดตลอดก็เลยพูดตาม แต่ท่านแม่พูดหลายคำมากเลยนะเจ้าคะ อย่างไปลงนรกซะ หรือ ไหม้เป็นเถ้าถ่านไปซะ อะไรแบบนี้เจ้าค่ะ”อี้เฟยใช้ดวงตาใสซื่อมองมาทางหนิงหลงด้วยท่าทีงุนงงราวกับไม่เข้าใจว่านางทำอะไรผิด
“อย่างนั้นเหรอ….ท่านแม่เจ้าเป็นคนที่ไม่เหมือนใครดีนะ”หนิงหลงยิ้มเจื่อนๆออกมาไม่ทราบจะต่อว่าเรื่องนี้ดีหรือไม่ อย่างไรมันก็เป็นคำที่ได้ยินไม่ยากในการต่อสู้ ก็แค่แปลกไปหน่อยสำหรับเด็กสาวเท่านั้น และยิ่งทำให้หนิงหลงรู้สึกประหลาดใจและคิดสงสัยเข้าไปอีกว่ามารดาของนางเป็นคนแบบไหนกันแน่
“ใช่เจ้าค่ะ ท่านแม่เป็นที่เก่งมากเลยเจ้าค่ะ เวลามีคู่ต่อสู้มาท้าประลองที่สำนัก ท่านแม่จัดการได้ในพริบตาเลยนะเจ้าคะ”พอเข้าเรื่องของมารดา อี้เฟยก็พูดชมออกมาไม่หยุดเล่นเอาหนิงหลงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆออกมา แต่เห็นอี้เฟยยิ้มแย้มแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ถึงตอนนี้นางจะยิ้มอยู่ท่ามกลางกองเพลิงที่กำลังลุกโชนอย่างดุเดือดก็เถอะ
“ดูเหมือนไฟของเจ้าจะไม่ทำร้ายเจ้านะ เจ้ากลัวมันหรือเปล่า”หนิงหลงถามพลางเดินเข้าไปในกองไฟราวกับเป็นเรื่องปกติ ยามนี้ไฟที่ปกคลุมร่างของอี้เฟยไม่ได้เผาร่างกายของนาง แม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่เป็นอะไรเลย
“ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่เคยโดนไฟของตัวเองเผาเลย ข้าแค่กลัวว่ามันจะทำร้ายคนอื่นเท่านั้นเอง”อี้เฟยตอบพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย เพราะนางเคยเผาศิษย์ในสำนักจนบาดเจ็บ ก็เลยเป็นแผลใจจนถึงทุกวันนี้นานา
“งั้นก็มาเล่นกับมันเถอะ”หนิงหลงพูดจบก็ยื่นมือออกไปด้านข้างก่อนจะปล่อยพลังวิญญาณของตนหอบเอาเปลวเพลิงของอี้เฟยที่ลุกไหม้อยู่ภายในห้องให้เข้ามารวมตัวกันจนเป็นลูกบอลเพลิงทรงกลมอยู่เบื้องหน้าอี้เฟย
พรึบ….
เปลวเพลิงทรงกลมที่หนิงหลงบังคับค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างไปช้าๆราวกับกำลังปั้นแต่งรูปร่างของมันไม่มีผิด พริบตาต่อมาเปลวเพลิงที่ก่อนหน้านี้กำลังอาละวาดอย่างบ้าคลั่งของอี้เฟยกลับเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเปลวเพลิงรูปร่างเหมือนเสือตัวหนึ่งเสียอย่างนั้น
“เจ้านี่มีชีวิตหรือเจ้าคะ”อี้เฟยเห็นเปลวเพลิงเปลี่ยนเป็นเสือกำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าตนเองก็เบิกตากว้างด้วยท่าทีตกใจ อยู่ๆไฟก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิต เรื่องนี้ทำเอานางตกใจมากทีเดียว
“ไม่ใช่หรอก ข้าเพียงควบคุมให้มันเคลื่อนไหวเท่านั้น ดูนะ”หนิงหลงว่าพลางบังคับเปลวเพลิงรูปเสือให้วิ่งไปรอบๆห้องราวกับเสื้อตัวจริงกำลังวิ่งเล่นไม่มีผิด ทักษะควบคุมเพลิงที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้เจ้าสำนักเพลิงบัญญัติอย่างหยางเยี่ยนเหว่ยก็ไม่อาจทำได้ ต้องเป็นผู้ที่สามารถควบคุมการไหลเวียนของเปลวเพลิงและควบคุมความร้อนได้อย่างแม่นยำเท่านั้นถึงจะทำได้ สมแล้วที่เป็นศิษย์ที่ช่างตีเหล็กในตำนานยอมรับ
“ยอดเลย พี่หนิงหลงท่านสอนข้าทำแบบนั้นได้หรือเปล่าเจ้าคะ”ทันทีที่เห็นการเคลื่อนไหวของเปลวเพลิงที่หนิงหลงบังคับ ดวงตาของอี้เฟยก็ทอประกายตื่นเต้นออกมา ทั้งท่านพ่อท่านแม่ต่างสอนเพียงวิชาควบคุม ไม่เคยสอนอะไรที่น่าสนุกแบบนี้เลย
“ได้สิ ขอแค่เจ้าพยายามต้องทำได้แน่ๆ”หนิงหลงยิ้มออกมาก่อนจะบังคับเปลวเพลิงรูปเสือกระโดดขึ้นไปด้านบนแล้วแตกกระจายออกเป็นประกายสวยงามราวกับดอกไม้เพลิงที่กระจายไปทั่วห้อง ภาพเช่นนี้ทำให้อี้เฟยตื่นเต้นอย่างมากแต่คนที่กำลังยิ้มออกมาอย่างมีความสุขที่สุดกลับเป็นหยางเยี่ยนเหว่ยที่กำลังมองอยู่จากทางด้านหลัง นานแล้วที่ไม่ได้เห็นอี้เฟยยิ้มแย้มเช่นนี้ อย่างน้อยการได้หนิงหลงมาช่วยฝึกให้อี้เฟยก็อาจจะทำให้นางควบคุมพลังได้ดีขึ้น แค่นั้นหยางเยี่ยนเหว่ยก็พอใจแล้ว เช่นนั้นตนเองก็ต้องจัดการธุระของตนให้เรียบร้อย เรื่องพลังไฟที่ไม่สามารถเลื่อนขึ้นได้ของหนิงหลง เขาจะเป็นคนช่วยเหลือเอง