ซูชิงกับอันรั่วนัดกันที่ร้านกาแฟ
เมื่อเจอกัน อันรั่วก็พูดอย่างเป็นห่วง: "ซูชิง เมื่อคืนทำไมเธอถึงกลับไปล่ะ ฉันโทรหาก็ไม่รับ ฉันร้อนใจแทบบ้า"
"รั่วรั่ว ขอโทษนะ เมื่อคืนเมาน่ะ" ซูชิงรู้สึกผิดมาก: "ฉันเรียกรถกลับไปเอง เธอใจเย็นๆ อยากดื่มอะไรฉันเลี้ยงเอง"
ซูชิงไม่กล้าพูดว่าตนเองไปกับผู้ชายคนหนึ่งแล้ว
"เธอไม่เป็นไรก็พอ เงินเดือนแค่นั้นของเธอ เธอเก็บไว้เองเถอะ" อันรั่วถอนหายใจพร้อมถาม: "เธอยังจะกลับไปบ้านตระกูลซูไหม?"
"ไม่แล้ว ที่นั่นไม่ใช่บ้านของฉันมาตั้งนานแล้ว" ซูชิงยิ้มเจื่อน เธอย้ายออกมาจากบ้านตระกูลซูและเช่าบ้านอยู่ข้างนอกนานแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะงานแต่งครั้งนี้เธอก็จะไม่กลับไปที่บ้านตระกูลซูเหมือนกัน
คำพูดของอันรั่วเตือนสติซูชิง หลานวันนี้ราวกับฝันฉากหนึ่งเลย ไม่ว่าจะเป็นแผนการของแม่เลี้ยงหรือการที่ฉู่เทียนอี้เปลี่ยนใจ แต่ชีวิตของเธอก็ต้องเดินหน้าต่อ
เธอลาพักร้อนมาครึ่งเดือน พรุ่งนี้วันลาก็หมดแล้ว ถ้าเธอยังอยากอยู่ในเมืองนี้ก็ต้องทำงาน
เธอไม่ใช่คุณหนูที่ร่ำรวย นอกว่าแซ่ซูแล้ว ทุกอย่างของตระกูลซูก็ไม่เกี่ยวกับเธอเลย
ซูชิงกลับบริษัทมาทำงาน
ทั้งบริษัทไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลซูเลย แล้วก็ยิ่งไม่มีคนรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับฉู่เทียนอี้
นิสัยของซูชิงค่อนข้างเงียบ เธอไม่เคยพูดกับใครว่าเธอกำลังคบกับฉู่เทียนอี้อยู่ หรือกระทั้งเรื่องที่เกือบจะแต่งเข้าไปในตระกูลฉู่ด้วย
ทั้งบริษัทล้วนนึกว่าซูชิงโสด แล้วก็เป็นแค่คนธรรมดา
เมื่อกลับมาถึงบริษัท ซูชิงก็รีบเข้าสู่โหมดใช้งานกดตัวเองเอาไว้ด้วยความรวดเร็ว ทำให้ตัวเองไม่ไปคิดถึงเรื่องฉู่เทียนอี้อีก
หลังจากแยกกับลู่หรงเยียน ทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันเลยเป็นเวลาครึ่งเดือนกว่า เพียงแต่ติดต่อกันทางวีแชตเท่านั้น
ซูชิงทำงานแปลภาษา ทำงานจนถึงดึกแทบจะทุกวัน
วันนี้
ซูชิงทำงานถึงห้าทุ่มอีกแล้ว เธอเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากบริษัท
รถเมล์เที่ยวสุดท้ายกำลังจะหมดแล้ว
ซูชิงรีบร้อนไปขึ้นรถ แต่ก็ช้าไปหน่อย จึงทำได้แค่มองรถเที่ยวสุดท้ายทิ้งห่างเธอออกไป
"ดูท่าวันนี้ต้องเรียกรถอีกแล้ว"
ซูชิงพึมพำเบาๆ เธอรู้สึกสงสารกระเป๋าเงินนิดหน่อย
ในตอนนี้ มีรถที่ดูคุ้นตาค่อยๆ มาจอดลงตรงหน้าของซูชิง
เมื่อกระจกรถลดลง ลู่หรงเยียนก็ยื่นหัวออกมา พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน: "ชิงชิง ขึ้นรถ"
ในตอนที่ซูชิงเห็นลู่หรงเยียน เธอก็มีความมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง
ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันครึ่งเดือนกว่า ลู่หรงเยียนไม่ได้พูดว่าจะเจอ ส่วนเธอเองก็ไม่ได้เรียกร้อง บวกกับความยุ่ง ในวีแชททั้งสองก็คุยกันน้อยมากด้วย
ซูชิงแทบจะลืมแล้วว่าตัวเองเป็นคนที่มีแฟน
เมื่อเห็นซูชิงอึ้งไป ลู่หรงเยียนก็ลงรถ พร้อมเปิดประตูให้เธออย่างสุภาพบุรุษและมองเธอด้วยสายตาลุ่มหลง: "ทำไม? ไม่เจอกันครึ่งเดือนก็ไม่รู้จักแฟนตัวเองแล้วเหรอ? ดูท่าคืนนี้ต้องย้ำความทรงจำให้หน่อย"
"คุณ คุณมาได้ยังไง" ซูชิงตั้งสติได้ เธอรู้สึกแปลกใจมาก
"วันนี้เลิกเร็วหน่อยมาอยู่กับคุณ" บนใบหน้าของลู่หรงเยียนมีรอยยิ้มที่อบอุ่นอยู่ตลอดเวลา: "ช่วงนี้ยุ่งนิดหน่อย ก็เลยละเลยคุณไป ไม่โกรธใช่ไหม!"
"ไม่เลย ช่วงนี้ฉันก็ยุ่งเหมือนกัน" ซูชิงเข้าไปนั่งในรถ เธอไม่โกรธจริงๆ แถมยังค่อนข้างรู้สึกผิดด้วย เพราะเธอเกือบจะลืมว่าตัวเองมีแฟนไปแล้ว
"ยังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่ไหม ไปกินด้วยกันสักหน่อยเถอะ" ลู่หรงเยียนขับรถ: "หลังจากนี้ผมมารับ-ส่งคุณทำงานนะ มันดึกเกินไป ผู้หญิงคนเดียวอันตราย"
"ไม่…" ต้องวุ่นวายหรอก
ซูชิงยังไม่ทันพูดจบ ลู่หรงเยียนก็พูด: "ตอนนี้คุณเป็นแฟนของผม รับ-ส่งแฟนไปทำงานเป็นหน้าที่ของผู้ชาย"
ตอนนี้ดึกมากแล้ว ร้านอาหารส่วนใหญ่ก็ปิดหมดแล้ว
ลู่หรงเยียนขับรถเข้าไปในวิลล่าร้านอาหารไฮโซแห่งหนึ่ง ครัวเปี๋ยย่วน
ซูชิงเคยมากับอันรั่วครั้งหนึ่ง ร้านอาหารที่นี่ไม่ใช่แค่มีเงินก็มาได้ แต่ต้องมีฐานะทางสังคมประมาณหนึ่งด้วย
แถมร้านอาหารที่นี่รับแขกแค่ห้าสิบคนต่อวัน
ซูชิงประหลาดใจมาก: "พวกเรากินข้าวกันที่นี่เหรอ? ที่นี่แพงมากนะ แถมร้านนี้ยังใช้ระบบสมาชิกด้วย เงื่อนไขเข้มงวดมากนะ"
อย่างระดับตระกูลซูนั้น แม้แต่คุณสมบัติเข้าประตูของร้านนี้ก็ยังไม่พอเลย
ค่าอาหารมื้อหนึ่งของที่นี่ อาจจะเป็นเงินที่หลายๆ คนหาทั้งชีวิตยังไม่ได้
"อืม อาหารของที่นี่ถือว่ารสชาติไม่เลว" น้ำเสียงของลู่หรงเยียนเรียบมาก ในสายตาเขา เหมือนว่าร้านอาหารที่คนแย่งกันอยากเข้าให้ได้นี้ก็แค่งั้นๆ เพิ่งถึงระดับเข้าตาเท่านั้นเอง
ถ้าไม่ใช่เพราะดึกเกินไปแล้วกลัวซูชิงต้องหิว ลู่หรงเยียนก็จะไม่พาซูชิงมาที่นี่
ซูชิงดึงลู่หรงเยียนเอาไว้: "พวกเรากลับเถอะ ไม่ต้องเปลืองเงินขนาดนี้ ฉันก็ไม่ได้หิวมาก"
ซูชิงรู้สึกว่าลู่หรงเยียนดันทุรังพาเธอมาเพราะเห็นแก่หน้าตา บางทีลู่หรงเยียนอาจจะไม่รู้ว่าอาหารมื้อหนึ่งของที่นี่อาจจะต้องเสียเงินหลายแสนถึงล้านเลย
"ไหนๆ ก็มาแล้ว ชิงชิง คุณไม่ต้องประหยัดเงินแทนผม" ลู่หรงเยียนจูงมือซูชิง พร้อมยิ้มและพูด: "พาแฟนมากินข้าวเป็นเรื่องปกติ"
"แต่ที่นี่มันแพงเกินไป แล้วอีกอย่าง พวกเราก็เข้าไปไม่ได้ด้วย…"
หลังจากพูดจบ ด้านหลังก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา
"นี่ไม่ใช่พี่เหรอ? พี่มากินข้าวเหมือนกันเหรอ? บังเอิญฉันกับเทียนอี้ก็มากินข้าวที่นี่เหมือนกัน มากินด้วยกันสิ"
ซูชองไม่ต้องหันหน้าไปมองก็ได้กลิ่นดอกบัวขาวบนตัวของซูเซว่แล้ว
ซูชิงมองซูเซว่ด้วยหางตาอย่างเยือกเย็น
เธอเองก็นับถือซูเซว่จริงๆ ครั้งก่อนถูกเธอซัดไปจนเละขนาดนั้นแล้วยังจะกล้าเข้ามายุ่งอีก
ซูเซว่คล้องแขนของฉู่เทียนอี้เอาไว้อย่างสนิทสนม พร้อมพูดโม้ยั่วยุ: "บังเอิญจริงๆ เลย คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอพี่ คนนี้คือ?"
ซูเซว่สังเกตเห็นลู่หรงเยียนที่อยู่ข้างตัวซูชิงแล้ว ในตอนที่เห็นใบหน้าของลู่หรงเยียนชัดๆ เธอก็ตกใจมาก เขาหล่อมากจริงๆ
ทำไมซูชิงโชคดีขนาดนี้ถึงไปอ่อยผู้ชายที่หล่อขนาดนี้มาได้?
ซูเซว่จงใจพูด: "พี่ นี่แฟนพี่เหรอ? ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเลย"
"ใช่ แฟนฉันเอง" ซูชิงยอมรับอย่างเปิดเผย ทำไมเธอจะไม่รู้เจตนาของซูเซว่ ไม่ใช่แค่อยากจะเสี้ยมเธอกับฉู่เทียนอี้เหรอ?
เธอแยกกับฉู่เทียนอี้ตั้งนานแล้ว และเธอก็ไม่กลัวว่าฉู่เทียนอี้จะรู้ด้วย
ซูชิงคล้องแขนลู่หรงเยียนเอาไว้ พร้อมตอบโต้กลับไปอย่างเย็นชา: "ฉันมีแฟน ไม่จำเป็นต้องบอกเธอ"
เมื่อฉู่เทียนอี้เห็นทั้งสองคล้องแขนกันอย่างสนิทชิดเชื้อ นัยน์ตาก็มีความโกรธขึ้นมา: "ซูชิง อย่าก่อกวน"
ในสายตาของฉู่เทียนอี้ นี่คือผู้ชายที่ซูชิงจงใจหามาแล้วไปสอบถามการเดินทางของเขา เพื่อจงใจมายั่วให้เขาโมโห
ในเมื่อคนที่เคยเห็นหน้าตาที่แท้จริงของผู้คุมอำนาจตระกูลลู่มีไม่เยอะ
ซูชิงเองก็มองความไม่เชื่อของฉู่เทียนอี้ออก เธอจึงหันไปพูดกับลู่หรงเยียน: "ย่อตัวลงหน่อย"
ลู่หรงเยียนไม่รู้ว่าซูชิงจะทำอะไร แต่ก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจ และโค้งตัวลงนิดหน่อย
ทันใดนั้น ซูชิงก็โอบคอของลู่หรงเหยียนเอาไว้และจูบเขาทันที
ลู่หรงเยียนรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย แต่ก็พึงพอใจมาก
สีหน้าของฉู่เทียนอี้กลายเป็นสีเขียวทันที ส่วนซูเซว่เองก็มองทั้งคู่กอดจูบกันอย่างประหลาดใจ เธอคิดไม่ถึงว่าซูชิงจะจูบเลย
จูบที่ราวกับแมลงปอเดินบนน้ำ
พอจูบแล้วก็แยกออกทันที
ซูชิงมองไปทางฉู่เทียนอี้ และพิงอยู่ในอ้อมอกของลู่หรงเยียน พร้อมยิ้มราวกับดอกไม้: "พวกเรารักกันจากใจจริง"
MANGA DISCUSSION