หลงไหลในความเสน่หาของเขา - ตอนที่ 37 คืนนี้ช่างทรมาน
ซูชิงหันไปมองก็เห็นเป็นลู่หรงเยียนที่ได้เปลี่ยนเป็นชุดลำลองดูสูงส่ง ทันใดนั้นก็มีคำพูดผุดขึ้นมาในหัวเธอ: สมน้ำสมเนื้อดั่งกินทองใบหยก
หากไม่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าก็เป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก
คนรับใช้ “ค่ะ คุณชายลู่”
เซี่ยตง “ครับ พี่ใหญ่”
ลู่หรงเยียนเดินไปนั่งข้างซูชิง คนรับใช้ออกไปกันหมดแล้ว ห่องอาหารใหญ่ๆก็เหลือเพียงซูชิงและลู่หรงเยียนสองคน
ลู่หรงเยียนเหลือบมองซูชิง “อาหารไม่ถูกปากเหรอ ฉันจะให้ห้องครัวทำให้ใหม่”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ อาหารพวกนี้อร่อยมาก” ซูชิงเรียกสติคืน “คุณชายลู่ อีกเดี๋ยวคุณให้คนไปส่งฉันได้ไหม? ไม่ก็ส่งตรงตีนเขาก็ได้”
เดิมทีในพื้นที่วิลล่านี้ไม่มีแท็กซี่ขับเข้ามาเลยเรียกรถไม่ได้
“ไม่ได้”
ลู่หรงเยียนปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
ซูชิงตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธเร็วแบบนี้
ไม่ไว้หน้ากันเกินไปแล้ว
“ดึกขนาดนี้ถ้าฉันไม่กลับไป แฟนฉันจะเป็นห่วง คุณชายลู่ ฉันจะพูดยังไงดี เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะช่วยคุณเองนะ”
ลู่หรงเยียนดื่มชาอย่างสบายๆ วันนี้เขาบาดเจ็บกลับไปห้องเช่าไม่ได้ ถ้าซูชิงกลับไป เขาก็คงต้องหาข้อแก้ตัวหลบออกมา
“คุณนอนอย่างสบายใจสักคืน พรุ่งนี้เช้าผมจะให้เซี่ยตงไปส่ง”
ซูชิงเบิกตากว้าง นอนอย่างสบายใจที่นี่หนึ่งคืนต่างหากที่เป็นเรื่องแปลก
แต่ก็กลับไปไม่ได้ ถ้ายังเรื่องมากคงทำให้เขาเคืองแน่
คุณชายลู่คนนี้เจ้าอารมณ์เหมือนข่าวลือจริงๆ
หลังอาหารเย็นก็มีคนรับใช้พาซูชิงไปที่ห้องนอน เสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนก็เตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว
ซูชิงยืนอยู่ในห้องนอนก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ คนรวยนี่ช่างดีจริงๆ
ห้องนอนมีขนาดหลายร้อยตารางเมตร ขนาดห้องน้ำยังใหญ่กว่าห้องเช่าของเธอเสียอีก
ซูชิงมีนิสัยสงบได้อย่างรวดเร็ว ไปไหนไม่ได้งั้นก็ใช้ชีวิตอย่างสบายใจ
ซูชิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความถึงลู่หรงเยียน: คืนนี้มีธุระคงกลับไม่ได้แล้ว
หลังจากส่งข้อความไป ซูชิงรู้สึกแปลกๆ ที่แท้คือการที่มีคนอยู่ในใจแล้วจะมีความกังวลแบบนี้
เธอเคยคบกับฉู่เทียนอี้ แม้ว่าพวกเขาจะแยกกันนาน เธอก็ไม่รู้สึกอะไร และไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่ต้องคอยรายงาน
หลังจากส่งข้อความ ซูชิงก็เข้าไปในห้องน้ำ
ห้องข้างๆ
ลู่หรงเยียนหยิบโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องขึ้นมามอง เป็นข้อความที่ซูชิงส่งมา
ลู่หรงเยียนจ้องข้อความที่ซูชิงส่งมาด้วยสายตารักใคร่
นี่แฟนกำลังรายงานหรือนี่
ลู่หรงเยียนพิมพ์ตอบกลับไป: โอเค!
เซี่ยตงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเห็นลู่หรงเยียนอารมณ์ดีก็พูดขึ้น “พี่ใหญ่ ได้ข่าวจากทางว่านหยางแล้วว่าลู่จ่านหยวนบาดเจ็บสาหัสและเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล คุณท่านลู่ก็เข้าไปดูแล้ว ความวุ่นวายที่ท่าเรือไปเข้าหูตำรวจ ทางตำรวจเลยเข้าแทรกแซงการสอบสวน”
ดวงตาของลู่หรงเยียนหรี่ลง “สองปีที่ผ่านมา ไม่อย่างนั้นตระกูลลู่คงโดนเขาทำลายแน่”
เซี่ยตงพูด “โชคดีที่ได้ข่าวก่อน ไม่อย่านั้นสินค้าเข้าสู่ตลาดไป ผลที่ตามมาคงมีแต่หายนะ”
ตระกูลที่มีมานาน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลุกขึ้นและยากที่จะดำเนินต่อไป แต่การถูกทำลายก็จะเกิดขึ้นได้เพียงชั่วข้ามคืน
ลู่หรงเยียนจุดบุหรี่และมองออกไปนอกหน้าต่าง “คุณปู่ก็ไม่ได้เลอะเลือน คราวนี้ลู่จ่านหยวนกับภรรยาของเขาทำพัง พรุ่งนี้เช้าเตรียมของขวัญไปเยี่ยมลุงสองแทนด้วย”
“ครับพี่ใหญ่”
ห้องด้านข้าง
ซูชิงแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำอย่างสบายใจ นอนลงบนเตียง อาการง่วงก็มาเยือนทันที
เดิมทีซูชิงคิดว่าเธอคงจะนอนแปลกที่ไม่ได้ ไม่คิดว่าจะสบายใจขนาดนี้
ช่วงสะลึมสะลือ เธอก็รู้สึกได้ว่าเตียงทรุดตัว แต่คิดว่าก่อนนอนได้ล็อคประตูแล้วก็เลยไม่สนใจก่อนจะพลิกตัวแล้วนอนต่อ
ลู่หรงเยียนที่นอนอยู่ข้างๆมองซูชิงที่กำลังหลับด้วยใบหน้าอ่อนโยน
“บ๊องจริงๆด้วย”
ลู่หรงเยียนกดจูบหน้าผากซูชิงเบาๆก่อนจะดึงอีกคนเข้าอ้อมกอด
ซูชิงที่นอนไม่สบายก็ดิ้นไปมาในอ้อมแขน สองมือก็ปัดป่ายไปมา
ลู่หรงเยียนถึงได้รู้สึกเศร้า ช่างเป็นคนน่าดึงดูดจริงๆ
ตอนนี้สถานะเขาคือผู้คุมอำนาจตระกูลลู่เลยไม่กล้าทำอะไรซูชิง
จู่ๆเขาก็นึกเสียใจกับมัน รู้งี้เขาให้เธอกลับไปดีกว่า
คืนนี้ ซูชิงนอนหลับสบายมาก แต่ลู่หรงเยียนกลับไม่รู้ว่าต้องอดใจไปตั้งเท่าไร
วันถัดไป
ซูชิงตื่นขึ้นก่อนจะยืดเส้นยืดสาย
แดดที่ส่องเข้ามาช่างอบอุ่นจนทำให้รู้สึกดีมาก
ซูชิงสวมเสื้อผ้าของเธอ และเมื่อเธอลงไปข้างล่างก็เห็นว่าลู่หรงเยียนกำลังทานอาหารเช้าอยู่
“อรุณสวัสดิ์คุณชายลู่”
ซูชิงทักทายด้วยรอยยิ้ม
“อืม” ลู่หรงเยียนไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้น เขานอนไม่หลับทั้งคืน เขาเอาแต่คิดจะทำเรื่องอย่างว่าทั้งคืน
ใช้แรงอย่างมากในการยับยั้งตัวเองและลู่หรงเยียนก็ทนไม่ไหว
ซูชิงยิ้มและเดินไปนั่งเพื่อทานอาหารเช้า
ทันทีที่เธอนั่งลง คนรับใช้ก็ยกอาหารเช้าร้อนๆมาทันที
ซูชิงเหลือบมองลู่หรงเยียน ถึงเขาจะเย็นชาและเจ้าอารมณ์ แต่ก็ถือว่าเป็นสุภาพบุรุษที่ทำให้เธอหลับฝันดีทั้งคืน
ซูชิงจะไปรู้ได้ไงว่าเธอทำอย่างกับอีกคนเป็นหมอนข้างและกอดไว้ทั้งคืน
ท่าทางที่ลู่หรงเยียนทานอาหารเผยให้เห็นถึงความสง่างามและสบายตา
เดิมซูชิงที่คิดจะยกซดแต่พอเห็นท่าทางสง่างามของลู่หรงเยียน เธอก็ไม่กล้าทำเลยต้องกินอย่างสง่างามไปด้วย
ทั้งสองทานอาหารเช้ากันอย่างเงียบๆ ซูชิงมีความรู้สึกเหมือนว่าได้ทานอาหารเช้ากับแฟนหนุ่มในห้องเช่าแต่ก็รู้สึกไม่เหมือนกันเล็กน้อย
ต่อหน้าเธอ ลู่หรงเยียนเย็นชามากแต่ลู่หรงเยียนของเธอนั้นเป็นชายที่อ่อนโยนมาก
ชื่อเหมือนกันแต่นิสัยช่างต่างกันลิบลับ
หลังจากทานอาหารเช้า ซูชิงก็พูดขึ้น “คุณชายลู่ ตอนนี้ก็ได้เวลาที่ฉันต้องกลับแล้วล่ะค่ะ”
“ตกลง ผมจะให้เซี่ยตงไปส่ง”
ซูชิงคิดว่าลู่หรงเยียนจะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆเลยเตรียมคำพูดไว้แล้ว จะไปรู้ได้ไงว่าลู่หรงเยียนจะตกลงง่ายดายขนาดนี้
ซูชิงตกตะลึงครู่หนึ่งก่อนจะเรียกสติคืน “ขอบคุณค่ะ”
เซี่ยตงเดินเข้ามา “ทางนี้ครับคุณซู”
“ค่ะ”
ซูชิงพยักหน้า เดิมจะหันไปพูดกับลู่หรงเยียนเล็กน้อยแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร สุดท้ายก็ไปได้พูดอะไรและจากไปทั้งอย่างนั้น
ระหว่างทาง ซูชิงนึกถึงที่ตัวเองออกจากบริษัทอย่างรีบเร่งแล้วก็มีของอีกมากมายที่ยังไม่ได้เก็บ
“เซี่ยตงคะ ส่งฉันที่บริษัททีนะคะ”
“ได้ครับ”
รถมาถึงชั้นล่างของบริษัทก็เป็นเวลาเกือบสิบโมงเช้า
ซูกชิงนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานที่ไปทำเจิ้งเจียอิงเคืองเข้า เธอต้องทำงานต่อไม่ได้แล้วแน่ๆ
ซูชิงตั้งใจมาลาออก ทันทีที่มาถึงบริษัท ไช่จิ้งเหมยก็รีบเข้ามา “ซูชิง ทำไมเธอถึงเพิ่งมาล่ะ นี่มันสายแล้วนะ รีบไปเตรียมตัวเร็ว บอสใหญ่กำลังจะถึงแล้ว”
“ฉันมาลาออกน่ะ” ซูชิงยิ้มอย่างขมขื่น “ไปทำบอสใหญ่เคืองแล้วฉันจะกล้าอยู่ได้ยังไง”
“เธอจะลาออกทำไม? บริษัทถูกตระกูลลู่กรุ๊ปซื้อกิจการไปแล้ว ตอนนี้บริษัทไม่ได้เป็นของสกุลเจิ้งแต่เป็นของสกุลลู่แล้ว” ไช่จิ้งเหมยถาม “เธอไม่รู้เหรอ? เธอไม่ได้อ่านข่าวในกรุ๊ปสินะ ตระกูลลู่กรุ๊ปส่งคนมาดูแล พนักงานทุกคนเลยต้องมาต้อนรับ”
ซูชิงตกใจมาก “บริษัทเปลี่ยนเจ้าของ?”
เพียงชั่วข้ามคืน
ตระกูลเจิ้งกรุ๊ปล้มละลาย?
ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินเรื่องที่ตระกูลลู่กรุ๊ปจะซื้อกินการไปเลย
นี่มันกะทันหันเกินไปแล้ว