หลงไหลในความเสน่หาของเขา - ตอนที่ 36 ว่าที่นายหญิงของตระกูลลู่
“คุณชายลู่ไม่กลัวฉันเอาเรื่องที่คุณแกล้งพิการไปพูดเหรอ?”
ลู่หรงเยียนจ้องด้วยดวงตาที่แผดเผาก่อนจะถามกลับ “เธอจะทำงั้นสิ?”
ซูชิงสะดุ้งและส่ายหัว เรื่องไม่ดีแบบนี้เธอไม่ทำหรอก
ทำไมทั้งสองถึงได้เกือบเป็นสามีภรรยากัน เธอหนีงานแต่งก็ยังไม่ตามล่าเธอ แถมยังมาช่วยเธอจากเรื่องที่ต้องไปแต่งกับคนปัญญาอ่อนตระกูลฟู่อีก เธอไม่สามารถล้างแค้นต่อบุญคุณนี้ได้เลย
ลู่หรงเยียนยิ้มก่อนจะเหยียดขา เอนตัวพิงต้นไม้อย่างเกียจคร้าน “คุณมานั่งนี่ ให้ผมพิงหน่อย ผมเหนื่อย”
“โอ้!” ซูชิงไถลเข้าไปนั่ง แม้แต่ตัวเธอเองยังไม่รู้ตัวว่าจะเชื่อฟังขนาดนี้
ซูชิงนั่งข้างลู่หรงเยียน เขาวางศีรษะลงบนไหล่ของเธอเบาๆก่อนจะหลับตาพักผ่อน
เป็นคืนที่อันตรายจริง
ซูชิงกลัวว่าลู่หรงเยียนผล็อยหลับไปจริงๆ แล้วจะอันตรายมาก ยังไงบาดแผลก็มีเลือดไหลออกมา ไม่รู้ว่าตรงอื่นจะมีบาดแผลอะไรไหม ถ้าหลับไปแล้วไม่ตื่นอีกจะทำยังไง?
“คุณชายลู่ อย่าหลับนะ เรามาคุยกันเถอะ คนของคุณมาถึงแล้วค่อยนอนนอน”
“จะคุยอะไรล่ะ?” เสียงของลู่หรงเยียนทุ้มหนักในลำคอแถมยังเกียจคร้าน
“เรื่องอดีตภรรยาของคุณ พวกเธอตายได้ยังไง?” ซูชิงสงสัยมาก “หรือเป็นอย่าที่ข่าวลือบอก โดนคุณ…แบบนั้นจนตาย?”
ภายใต้หน้ากาก ลู่หรงเยียนก็ยกยิ้ม “แบบไหน?”
“ก็แบบนั้นไง” เมื่อเห็นลู่หรงเยียนไม่เข้าใจก็พูดอย่างตรงไปตรงมา “ข่าวลือที่ว่าโดนคุณทรมานจนตาย มันจริงไหม?”
ลู่หรงเยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “คุณเห็นผมเหมือนเป็นคนโหดร้ายเลือดเย็น?”
ซูชิงแสกนมองลู่หรงเยียน “เหมือน”
ลู่หรงเยียนมองซูชิงอย่างหน่ายใจและไม่พูดอะไร
ซูชิงตอบโต้ “ที่คุณจะสื่อคือพวกเธอไม่ได้ตายเพราะคุณ? งั้นพวกเธอตายได้ยังไง?”
ลู่หรงเยียนพูดติดตลก “คุณก็ลองแต่งซะสิ?”
“ไม่ ไม่ล่ะ” ซูชิงสั่นหัวทั้งเสียงก็สั่น “ฉันยังอยากมีชีวิตยืนยาว”
รอเธอเป็นบ้าก่อนถึงจะไปรนหาที่ตาย
ตำแหน่งภรรยาผู้นำตระกูลลู่มีดีอะไรกัน?
ลู่หรงเยียนหลับตาลงก่อนทั้งคู่จะเงียบไป รอบด้านเป็นเสียงของใบไม้ที่ปลิวไปตามลม
ก่อนหน้านี้ซูชิงไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเธอจะซ่อนตัวอยู่ในป่าเล็กๆและได้พูดคุยกับหัวหน้าตระกูลลู่
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน จนกระทั่งซูชิงคิดว่าลู่หรงเยียนคงไม่พูดอีก แต่จู่ๆกลับได้ยินสียงเขา “ปู่ผมมีลูกชายเก้าคน ลูกสาวห้าคน พ่อของฉันเป็นพี่ใหญ่ของบ้านตระกูลลู่ ผมโตมากับปู่ ฝึกการเป็นผู้สืบทอดกับเขา ทางฝั่งพ่อมีผมเป็นลูกชายเพียงคนเดียว หากผมตามก็ไม่มีผู้สืบทอด ถ้าอย่างนั้นตระกูลลู่ก็ทำได้แค่เลือกจากสายเลือดรอง”
ซูชิงไม่คิดว่าลู่หรงเยียนจะมาอธิบายเรื่องนี้กับเธอ
เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นความลับของตระกูลร่ำรวย
ซูชิงเข้าใจได้ทันที “เพราะอย่างนั้นพวกคุณลุงคุณป้าของคุณเลยไม่ยอมให้คุณมีลูกก็เลยมาทำร้ายภรรยาคุณสินะ”
ข่าวลือว่าลู่หรงเยียนจะอยู่ได้ไม่นาน ตราบใดที่ยังไม่มีผู้สืบทอดก่อนการตายของลู่หรงเยียน เป้าหมายของคนพวกนั้นก็สำเร็จ
ซูชิงกลืนน้ำลายก่อนจะพูดอย่างปิติ “โชคดีที่ฉันหนีงานแต่ง ไม่อย่างงั้นคงตายไปแล้ว”
เมื่อเทียบกับการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของตระกูลลู่ เธอกับซูเซว่ที่กัดกันนั้นเทียบไม่ติดเลย
ลู่หรงเยียนยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม “คุณไม่มีทางตายหรอก”
คนอื่นยังตายแล้วเธอจะไปสู้กับพวกคุณลุงตระกูลลู่ได้ไง?
ไม่ทันที่ลู่หรงเยียนจะได้เปิดปากก็มีเสียงเรียกมาจากที่ไกลๆ
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่”
เป็นเซี่ยตงและเซี่ยชิวที่มา
ซูชิงมองไปตามเสียงก็เห็นทั้งเซี่ยตงและเซี่ยชิว
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอกับเซี่ยชิว เธออึ้งไปสักพักเพราะรู้สึกคุ้นเคย
เซี่ยชิวค่อนข้างคล้ายกับซูเจี๋ย ทั้งเซี่ยตงและเซี่ยชิววิ่งเข้ามา
เห็นอาการบาดเจ็บที่แขนของลู่หรงเยียน เซี่ยตงก็รีบเข้ามา “พี่ใหญ่”
ซูชิงช่วยพยุงลู่หรงเยียน รู้สึกกินแรง “พวกคุณรีบเข้ามาช่วยเร็วสิ”
ทั้งเซี่ยตงและเซี่ยชิวกำลังจะเข้าไป แต่ได้เห็นท่าทางของลู่หรงเยียนที่ส่งถึงพวกเขาเป็นสัญญาณให้เขาออกไป
เซี่ยตงรีบตอบอย่างรวดเร็ว “รบกวนคุณซูช่วยพยุงพี่ใหญ่ก่อนนะครับ ผมจะไปเอารถ”
พูดไปเซี่ยตงก็ดึงเซี่ยชิวออกไป
ซูชิงตะโกน “เฮ้ พวกคุณสองคนช่วยกัน…”
หายไปไม่เหลือแม้แต่เงา
เซี่ยชิวที่เดินตามมานานเกิดสับสนก่อนจะถามขึ้น “เซี่ยตง ผู้หญิงเมื่อกี้เป็นใครน่ะ?”
“ผู้หญิงอะไรกัน นั่นว่าที่นายหญิงตระกูลลู่เลยนะ มีตาหามีแววไม่จริงๆ
เซี่ยชิวพูดอย่างประหลาดใจ “พี่ใหญ่มีแฟนแล้วเหรอ”
“อย่าเอะอะไป” เซี่ยตงกรอกตาใส่เซี่ยชิว “พี่ใหญ่เคยเราขาดผู้หญิงหรือไง?”
เพียงแค่คนที่เข้าตาพี่ใหญ่ได้ จนถึงตอนนี้ก็มีคุณซูคนเดียว
ซูชิงช่วยพยุงลู่หรงเยียนซึ่งเป็นการเดินที่กินแรงจากนั้นก็โต้ตอบ “คุณเจ็บมือ แล้วก็ไม่ได้พิการด้วย ทำไมคุณถึงไม่เดินเองล่ะ?”
ลู่หรงเยียนอย่างเป็นปกติ “ขาชาน่ะสิ รบกวนคุณซูด้วย”
ซูชิง “…”
ลู่หรงเยียนไม่ได้ลงน้ำหนักทั้งหมดใส่ซูชิงจริงๆ ยื่นแขนยาวออกไปโอบไหล่ซูชิงก่อนจะเอนศีรษะไปทางเธอพร้อมเดินกะเผลก
รถจอดอยู่บนทางหลวง หลังจากที่ซูชิงพยุงคนขึ้นรถ ตัวเองก็ขึ้นไปนั่ง
ที่ที่ห่างไกลแบบนี้ หากเธอไม่ขึ้นรถคันนี้ไปแล้วบังเอิญเจอพวกกลุ่มลู่จ่านหยวนขึ้นมาจะทำไง?
เซี่ยที่ขับรถก็ถามขึ้น “พี่ใหญ่ กลับบ้านใหญ่หรือว่า?”
ลู่หรงเยียนหลับตาตั้งสติ “กลับหนานซาน”
เขตวิลล่าหนานซานเป็นพื้นที่วิลล่าที่หรูหราและแพงที่สุดในเมืองหลวง ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็มีแต่คนร่ำรวย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา รถก็ค่อยๆ ขับเข้ามาในวิลล่าที่อยู่กลางของภูเขาซึ่งอยู่ในบริเวณเขตวิลล่าหนานซาน
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูชิงมา วิลล่ามีขนาดใหญ่พอๆกับปราสาท วิลล่าขนาดเล็กของตระกูลซูนั้นเทียบไม่ติด
วิลล่าหลังนี้ครอบคลุมพื้นที่หลายหมื่นตารางเมตร นานทีจะมีรถขับเข้ามา
เมื่อรถเข้ามาจอด คนใช้หลายร้อยคนก็มายืนขนาบสองข้างทั้งพูดพร้อมกัน “คุณชายลู่”
ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงยิ่งนัก
ลู่หรงเยียนเดินเข้าไปอย่างราชา
ซูชิงอ้าปาก เดิมทีจะให้คนไปส่ง แต่ยังไม่ทันได้พูด ลู่หรงเยียนก็เข้าไปแล้ว
เซี่ยตงเดินเข้ามาพร้อมพูดอย่างเคารพ “คุณซูครับ พี่ใหญ่ให้คุณไปทานอาหารที่ห้องอาหารก่อนเลยครับ”
คืนนี้ซูชิงยังไม่ได้กินอะไรเลยและตอนนี้เธอก็หิวมาก
แต่เธอกังวลว่าดึกขนาดนี้แล้วยังไม่กลับไป หากแฟนเธอเป็นห่วงขึ้นมาจะทำยังไง?
หลังจากคิดได้ ซูชิงว่าศึกนี้คงไม่ปล่อยเธอไปเลยทำได้เพียงเข้าไปข้างใน
เซี่ยตงพาซูชิงไปที่ห้องอาหาร ห้องอาหารใหญ่มากจนสามารถรองรับได้หลายร้อยคน โต๊ะยาวเต็มไปด้วยอาหารน่าทาน คงจะมีสักร้อยจานได้
“เยอะขนาดนี้จะไปกินหมดได้ยังไง”
แบบนี้ไม่เสียของเหรอ?
เซี่ยตงพูด “คุณซูแค่ชิมทุกจานก็ได้ครับ พวกเธอจะเอาจานที่คุณซูไม่ชอบออกและครั้งหน้าจะได้ไม่เห็นจานพวกนั้นบนโต๊ะอาหารครับ”
เกรงว่าจะไม่มีครั้งต่อไป
วันนี้ที่มาที่นี่ก็เป็นเพียงอุบัติเหตุ
ซูชิงไม่ชินกับการกินอาหารโดยมีคนรับใช้หลายสิบคนรออยู่
เดิมทีที่หิวมาก แต่พอเห็นคนเหล่านี้ยืนอยู่ข้างๆก็กินไม่ลง
ซูชิงพูดด้วยน้ำเสียงต่อรอง “เซี่ยตง ทำไมคุณไม่ให้คนพวกนี้ไปทำอย่างอื่นก่อนล่ะ ฉันไม่ค้องให้ใครมาคอยบริการหรอก”
ตั้งแต่ยังเด็กจนโต เธอไม่เคยได้รับการรับใช้แบบนี้เลยไม่ชินกับมัน
กินอาหารไปโดยมีสายตาหลายสิบคู่จับจ้องแล้วจะไปอยากอาหารได้ไง
“ออกไปให้หมดเถอะ”
เสียงดังมาจากนอกห้องอาหาร