ขณะที่คิดอยู่ ทางท่าเรือก็มีเสียงต่อสู้ดังขึ้นมา
ตีกันแล้วเหรอ?
ลู่จ่านหยวนตีกับใครล่ะ?
แต่ก็ไม่เกี่ยวกับเธอ
ซูชิงเดินไปทางถนนใหญ่ เพราะคิดจะไปเรียกรถตรงนั้น
ทันใดนั้น รถคันหนึ่งก็ขับมาจากทางท่าเรือ และด้านหลังยังมีรถอีกคันตามมาติดๆ รถทั้งสองคันขับมาไวมาก
ซูชิงแค่มองก็อกสั่นขวัญหาย หลังจากที่รถทั้งสองคันขับผ่านไปไม่กี่วินาที เธอก็ได้ยินเสียงชนดังอย่างรุนแรงขึ้นมา
รถชนแล้ว
ซูชิงรีบวิ่งไปดู รถทั้งสองคันนั้นพลิกตะแคงข้างไปแล้ว และชนจนหน้าตารถเปลี่ยนไปหมดเลย
ในใจซูชิงก็ตกใจมาก แต่ตอนนี้ก็มีคนทะลุออกมาจากในรถ
ลู่หรงเยียนยืนนิ่งและจับไม้เท้าเอาไว้ หน้ากากแผลเป็นบนหน้านั้น พออยู่ใต้แสงจันทร์แล้วก็ยิ่งน่ากลัวกว่าเดิม
ลู่หรงเยียนเองก็ไม่ใช่ไม่มีแผลเลย ไหล่ของเขาได้รับบาดเจ็บ เลือดสดซึมไปทั่วเสื้อผ้า แดงเถือกไปหมด
ซูชิงตะลึงงัน: “คุณ คุณชายลู่”
ลู่หรงเยียนมองที่ซูชิง ยังไม่ทันรอให้เขาอ้าปากก็มีรถตามมาอีกแล้ว
“ไป”
ลู่หรงเยียนลากซูชิงวิ่งไปทางป่า
ซูชิง งงงวยไปหมด เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมตัวเองถึงวิ่งตามมาด้วย
รอให้เธอตั้งสติขึ้นมาได้ ก็วิ่งมาจนถึงในป่าลึกแล้ว
แต่คุณชายลู่ที่ขาเป๋ในข่าวลือ ตอนนี้กลับกำลังวิ่งเร็วอย่างกับบินเลย เหมือนคนขาเป๋ที่ไหนกัน
วิ่งเร็วกว่าเธออีก
ซูชิงหายใจหอบ: “ฉันวิ่งไม่ไหวแล้ว”
ตอนนี้ทั้งคู่ถึงได้หยุดลง ด้านหลังเองก็ไม่มีคนตามมา
ซูชิงจับต้นไม้เอาไว้ด้วยความหอบเพื่อผ่อนคลายลง เธอมองไปยังชายที่อยู่ตรงหน้า และหยุดสายตาลงบนขาของลู่หรงเยียน: “คุณชายลู่ ขาคุณ…หายแล้วเหรอคะ?”
ลู่หรงเยียนขยับขานิดหน่อย และเดินกะเผลกอีกสองครั้ง: “เป๋อีกแล้ว”
ซูชิง: “…”
การแกล้งเป๋นี่ชุ่ยเกินไปแล้ว
ทำเหมือนเธอเป็นเด็กสามขวบจริงๆ นะ
ซูชิรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้านี้มีความชั่วร้ายออกมา แฟนของตัวเองอ่อนโยนกว่า
“คุณชายลู่มาอยู่ที่ท่าเรือได้ยังไงคะ?” ซูชิงถาม: “คนที่ตีกับลู่จ่านหยวนขึ้นมาเมื่อกี้คือคุณชายลู่เหรอ?”
ข่าวลือบอกว่าลุงกับหลานคู่นี้ไม่ถูกกัน ดูท่าจะเป็นเรื่องจริง
ดูจากระดับความพังของรถเมื่อกี้แล้วคือต้องการทำให้คนตายเลยนะ
ซูชิงคิดเรื่องข่าวลือว่าผู้คุมอำนาจตระกูลลู่เกิดอุบัติเหตุจนเสียโฉมและขาเป๋ขึ้นมา หรือว่าอุบัติเหตุครั้งนั้น…
“คุณชายลู่ ลู่หรงเยียนยิ้มมุมปากขึ้นมาภายใต้หน้ากาก: “คุณซูฉลาดมาก ขอบคุณคุณซูที่ช่วยชีวิตเมื่อครู่ด้วย ไม่อย่างนั้นผมก็คงตายอยู่ในรถจริงๆ”
“ฉัน? ฉันไม่ได้ทำอะไรนะ” ซูชิงมึนงง
ลู่หรงเยียนพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม: “เมื่อกี้ผมเห็นคุณซูจากในรถ จึงตกตะลึงในความงาม ในวินาทีที่เผลอก็หลบการชนที่เอาชีวิตของรถคันนั้นได้พอดี ดังนั้นก็เลยพูดว่าคุณซูเป็นคนช่วยผมไว้”
ซูชิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เป็นเหตุผลที่ฝืนมากเลยนะ
จากนั้น ประโยคต่อมาก็ทำให้ซูชิงต้องตะลึง
ส่วนเงินทองเพชรพลอยก็เป็นการเหยียดหยามคุณซู คิดไปคิดมา ผมก็มีแค่เอาร่างกายเข้าแลก ขอคุณซูแต่งงานซะ คุณคิดว่ายังไง?”
ซูชิงตกใจจนถลึงตากว้าง: “นี่ไม่ใช่การตอบแทนบุญคุณแต่เป็นการแก้แค้นมั้ง ฉันเป็นแค่คนธรรมดา หรือไม่คุณชายลู่ก็คืนเป็นทรัพย์สินเงินทองเพชรพลอยอะไรให้ฉันแทนเถอะ?”
เธอยอมโดนดูถูกด้วยทรัพย์สินเงินทองดีกว่า
รอยยิ้มของลู่หรงเยียนที่อยู่ใต้หน้ากากยิ่งมากขึ้นกว่าเดิม ยัยเด็กคนนี้แกล้งไม่ได้จริงๆ
“ที่คุณซูไม่ยอมแต่งเข้าตระกูลลู่เป็นเพราะฉู่เทียนอี้เหรอ?” น้ำเสียงของลู่หรงเยียนค่อนข้างเย็นชา: “เมื่อกี้ผมเห็นคุณซูกับฉู่เทียนอี้ดินเนอร์ใต้แสงเทียนกันอยู่บนเรือยอชต์ โรแมนติกมาก ดูท่าคุณซูก็เป็นคนโลเลสิเหมือนกันสินะ ก่อนหน้านี้บอกว่าถ้าไม่ใช่แฟนจะไม่ยอมแต่ง แต่แค่พริบตาก็แอบแฟนไปเดตกับผู้ชายคนอื่นแล้ว”
“ใครเดตกัน ฉันมาพูดกับฉู่เทียนอี้ให้รู้เรื่องต่างหาก” ซูชิงก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องอธิบาย ยังไงในใจเธอก็มีความรู้สึกเหมือนกลัวจะโดนเข้าใจผิดอยู่
ลู่หรงเยียนกระแอมเล็กน้อย เขาเชื่อซูชิงอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นเมื่อกี้ก็คงผ่านไปเลย เมื่อครู่เขาแค่ถามไปอย่างนั้นเอง
ไหล่ของลู่หรงเยียนยังคงเลือดไหลอยู่ เขานั่งพิงต้นไม้ลงและหรี่ตานิดหน่อย: “บ้านตระกูลลู่ก็เหมือนถ้ำเสือรังหมาป่า ที่คุณซูไม่ยอมแต่งเข้ามาก็ไม่ผิด ไม่อย่างนั้นอยู่กับคนอายุสั้นอย่างผม ไม่รู้ว่าวันไหนจะตายแบบงงๆ”
หน้ากากบนหน้าของลู่หรงเยียนเป็นแบบสั่งทำพิเศษ ดูไม่ออกว่าเป็นแผลเป็นปลอมเลย หน้ากากติดลงไปกับหน้า ความดุร้ายน่ากลัวกับแผลเป็นทำให้คนไม่กล้ามองตรงๆ
ก่อนหน้านี้ซูชิงเองก็กลัว ทว่าตอนนี้เธอไม่กลัวแล้ว แต่กลับรู้สึกสงสารขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“ตอนนั้นต้องเจ็บมากเลยใช่ไหม คุณแบกตระกูลลู่เอาไว้ต้องลำบากมากแน่ๆ”
เมื่อซูชิงมองความอ้างว้างและเดียวดายที่แผ่ไปทั้งตัวของลู่หรงเยียน ทรวงอกก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา
หน้าเสียโฉมจนเป็นแบบนี้ แถมอายุสั้น แล้วยังต้องแกล้งเป๋อีก เห็นได้ชัดว่าตระกูลลู่คือถ้ำเสือรังหมาป่าจริงๆ
ตำแหน่งผู้คุมอำนาจตระกูลลู่ช่างนั่งลำบาก
เมื่อได้ยินดังนั้น หัวใจของลู่หรงเยียนก็สั่นสะเทือนอย่างแรง เขาเปิดตาขึ้น และในดวงนี้นั้นมีแต่ซูชิง
ผู้หญิงของเขากำลังสงสารเขา
อุบัติเหตุครั้งก่อน ลู่หรงเยียนเกือบจะเสียชีวิตไปจริงๆ
ซูชิงนั่งยองลงและตรวจดูแผลที่ไฟล่ของลู่หรงเยียน บาดแผลลึกมากเหมือนโดนมีดฟัน
เธอคิดขึ้นมาได้ว่าพวกบอดี้การ์ดที่ลู่จ่านหยวนพกมาด้วยมีตั้งหลายสิบคน แถมในมือยังถือมีดสั้นเอาไว้ด้วย
“พวกเขาเยอะขนาดนั้นคุณไม่รู้จักหลบเหรอ ทำไมต้องสู้ด้วย?”
“ไม่ร้ายแรง แผลเล็ก” ลู่หรงเยียนยิ้มและมีท่าทีสบายๆ ออกมานิดหน่อย: “ในพจนานุกรมของผมลู่หรงเยียนไม่มีคำว่าหลบอยู่”
ลู่หรงเยียนไม่ได้บอกซูชิงว่าเมื่อครู่ตอนอยู่ที่ท่าเรือเขาแบ่งใจไปหาเธออยู่ถึงได้โดนฟัน
ซูชิงมองแผลและรู้สึกแปลบที่หัวใจอย่างแรง: “ฉันพาคุณไปโรงพยาบาล”
“ถ้าไปโรงพยาบาลลู่จ่านหยวนก็จะรู้ว่าเรื่องคืนนี้เป็นฝีมือผม งั้นเรื่องที่แกล้งขาเป๋ก็จะปิดไม่อยู่แล้ว”
“เสียงหวอตำรวจเมื่อกี้เป็นฝีมือคุณ?”
ตั้งแต่ต้นจนจบนั้นไม่มีตำรวจโผล่มาเลย ลู่จ่านหยวนก็มานึกได้หลังจากทำลายของไปหมดแล้ว น่าเสียดายที่สายไปแล้ว
ลู่หรงเยียนพิงต้นไม้อยู่ และจู่ๆ ก็จับมือของซูชิงพร้อมดึงเธอมาที่หน้าอก: “อยู่รอเป็นเพื่อนผมตรงนี้สักพักนะ”
ซูชิงถูกดึงเข้าไปในอ้อมอกโดยไม่ทันตั้งตัว
อ้อมอกนี้ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างไม่มีเหตุผล
ซูชิงถูกกอดอยู่ในอ้อมอกของลู่หรงหยวนและลืมโต้ตอบอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ตรงจมูกนั้นเป็นกลิ่นที่คุ้นเคย อ้อมกอดที่กว้างขวางและอบอุ่นเองก็คุ้นเคยมากเช่นกัน
ซูชิงเงยหน้าขึ้นและจ้องไปยังคางที่เป็นได้สัดส่วนของลู่หรงเยียน ขณะที่ลู่หรงเยียนเองก็มองลงมา
เมื่อตาทั้งสองคู่สบกัน ราวกับเวลานั้นหยุดลง เพียงแค่มองครั้งเดียวก็เป็นเวลาชั่วกาลนาน
ภายใต้แสงจันทร์ที่เยือกเย็นและเงียบเหงา ท่าทางที่ทั้งสองกอดกันนั้นดูมีเลศนัยมาก
ซูชิงพูดอย่างช้าๆ: “คุณชายลู่ กลิ่นสบู่บนตัวคุณคุ้นมาก เหมือนกับของที่บ้านฉันเลย”
เมื่อได้ยินดังนั้น หัวใจของลู่หรงเยียนก็เต้นตึกตักขึ้นมา กลัวว่าซูชิงจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา จึงรีบไออย่างแรงต่อเนื่องหลายครั้งเพื่อดึงความสนใจของซูชิง
ลู่หรงเยียนแกล้งป่วยมานานขนาดนี้แล้ว ฝีมือการไอนี่ก็ฝึกมาจนเซียนเลย
เมื่อซูชิงเห็นว่าลู่หรงเยียนไอจนหายใจไม่ทันจึงเริ่มลนลานขึ้นมาและรีบช่วยลูบหน้าอก: “ดีขึ้นหน่อยไหม? ทำไมถึงไอหนักขนาดนี้”
“ไม่ ไม่เป็นไร” ลู่หรงเยียนไอต่ออีกนิดหน่อย เมื่อเห็นว่าใกล้เคียงแล้วจึงหยุดไอ: “พักหน่อยก็หาย เป็นมานานแล้ว”
เมื่อซูชิงเห็นว่าลู่หรงเยียนไม่ไอแล้วจริงๆ ถึงได้ถอนหายใจออกมาและมองไปยังไหล่ของลู่หรงเยียน: “แล้วแผลคุณไม่เป็นไรจริงเหรอ? เลือดยังไหลอยู่เลย”
ลู่หรงเยียนเหลือบตามองอย่างเรียบเฉย: “เดี๋ยวก็ไม่ไหลแล้ว”
ซูชิง: “…”
MANGA DISCUSSION