“ฉันกำลังขู่คุณนี่แหละ” ซูชิงจ้องหลิวตง: “ทุกคนออกมาเพื่อทำงาน ใช้ชีวิตไม่ง่ายเลย ฉันก็ทนยอมคุณมาหลายรอบแล้ว ถ้าผู้จัดการหลิวยังได้คืบเอาศอกอีก ฉันซูชิงก็ไม่ได้รังแกง่ายๆ นะ”
การเคลื่อนไหวทางนี้ดึงดูดสายตาไม่น้อยเลย ใกล้จะถึงเวลาพักกลางวันแล้ว พนักงานจึงทยอยมากินข้าวกัน เมื่อเห็นซูชิงกับหลิวตงกำลังทะเลาะกันอยู่ จึงหยุดฝีเท้าลงเพื่อดูกันทั้งนั้น
เรื่องที่หลิวตงมุ่งเป้าไปยังซูชิงนั้นได้แพร่ไปทั่วบริษัทตั้งนานแล้ว
ทุกคนล้วนพากันเดาว่าซูชิงจะถูกไล่ออกไปจากบริษัทเมื่อไหร่ ดูท่าคงใกล้แล่ว
ไช่จิ้งเหมยเองก็ตั้งใจจะออกไปกินข้าวข้างนอก แต่เมื่อเห็นซูชิงงัดกับหลิวตงจึงรีบเข้ามาพูดโน้มน้าว: “ผู้จัดการหลิว คุณอย่าโมโหเลย ช่วงนี้ซูชิงกดดันมากถึงได้พูดเพ้อเจ้อออกมา คุณอย่าไปเถียงกับเธอเลย”
ขณะพูด ไช่จิ้งเหมยก็โน้มน้าวซูชิงด้วย: “ซูชิง เธอไม่เอาจานข้าวแล้วเหรอ รีบขอโทษผู้จัดการหลิวเร็ว มีเรื่องกับใครก็ได้ แต่อย่ามีเรื่องกับเงินสิ”
หลิวตงยิ้มเยาะ: “ผู้ช่วยไช่ คุณไม่ต้องโน้มน้าวแล้ว ซูชิงเธอเกาะคนรวยได้แล้ว พูดจาก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว มีศักดิ์ศรีไง ไม่สนใครทั้งนั้น บริษัทของพวกเรามันเล็กนิดเดียว วางพระพุทธรูปองค์นี้ไม่ลงหรอก”
นี่คือการบีบให้ซูชิงลาออกอย่างชัดเจนเลย
เมื่อเฉินซิ่วเฟินเห็นซูชิงถูกรังแกและดูถูกจนทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอจึงดึงซูชิงไว้ พร้อมพูด: “ซูซู บริษัทกากๆ นี่ พวกเราไม่อยู่แล้ว”
หลิวตงหัวเราะเยาะ: “โอ้ ซุชิง มีผู้ช่วยมาด้วยแฮะ ใช่ รีบลาออกซะ ไม่ต้องอยู่แล้ว บริษัทเล็กๆ ปรนนิบัติคุณหญิงคุณนายแบบเธอไม่ไหว”
“อยากจะไล่ฉันไปแต่คุณ หลิวตงยังไม่มีอำนาจเลย” สายตาของซูชิงค่อยๆ เย็นชาขึ้นเรื่อยๆ เธอเองก็โกรธจริงแล้ว เธอเดินขึ้นมาสองก้าว มาเผชิญหน้ากับท่าทางเลวทรามของหลิวตง: “ฉันซูชิงไม่ได้ทำอะไรผิด บริษัทไม่มีสิทธิ์ไล่ฉันออก คุณเหรอ? มีสิทธิ์นั้นไหม? คุณคิดว่าบริษัทนี้เป็นของบ้านคุณเองจริงเหรอ? สร้างภาพว่าเป็นลูกเขยของเถ้าแก่เลย?”
“ซูชิง” หลิวตงโมโหจนกระทืบเท้าและหน้าเขียวแล้ว: “เธอขาดงานโดยไม่มีสาเหตุ ทำให้สูญเสียลูกค้าที่สำคัญมาก บริษัทเสียหายไปสิบล้าน ให้เธอลาออกเองคือไว้หน้าเธอนะ ไม่อย่างนั้นจะเลิกจ้างแล้วให้ไสหัวไปเลย”
“คนที่ควรจะไสหัวไปคือคุณ” ซูชิงยิ้มอย่างเย็นชา: “ผู้จัดการหลิว คุณคิดว่าเอาของปีนี้ไปเติมบัญชีเก่าของปีก่อนแล้วจะไม่มีคนรู้ว่าคุณเอาค่าคอมเหรอ? ถ้าเถ้าแก่รู้เรื่องนี้ขึ้นมา ลองเดาดูสิว่าคุณจะมีจุดจบยังไง?”
ส่วนของคำพูดด้านหลังเสียงของซูชิงเบามาก คนรอบๆ ก็ไม่ได้ยิน ขอแค่หลิวตงได้ยินก็พอแล้ว
เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าของหลิวตงก็ซีดทันที: “เธอพูดมั่ว”
“มามุงอยู่ตรงนี้ทำไมกัน”
เสียงที่น่าเกรงขามลอยมา กลุ่มคนก็หลีกทางออกให้ และชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกลุ่มผู้บริหาร เจิ้งหมิงจูเองก็อยู่ข้างๆ
หลิวตงรีบเปลี่ยนท่าทางในทันที พร้อมปัดความผิดให้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อม: “คุณเจิ้งครับ ซูชิงขาดงานโดยไม่มีสาเหตุ ทำให้คุณหวังจากซิงกวงกรุปไม่ร่วมทำงานกับเราแล้ว แต่ซูชิงกลับไม่รับผิดและปัดความรับผิดชอบ”
คนนี้ก็คือเจิ้งเจียอิง เถ้าแก่ใหญ่ของบริษัท
เฉินซิ่วเฟินเคยเจอเขาในงานเลี้ยง บางทีคนอื่นอาจจะไม่รู้จักเฉินซิ่วเฟิน แต่เจิ้งเจียอิงต้องรู้จักแน่นอน
เพื่อไม่ให้ตนเองถูกเปิดโปงและสร้างปัญหาให้กับลู่หรงเยียน เฉินซิ่วเฟินจึงแอบออกมาจากกลุ่มคน พร้อมรีบโทรหาลูกชายตนเอง: “ลูก ซูซูถูกคนรังแก ลูกรีบมาเร็ว!”
เพราะคำพูดของหลิวตง เจิ้งเจียอิงจึงมองไปยังซูชิงด้วยสายตาเฉียบคม: “คุณอยู่แผนกไหน?”
“คุณเจิ้ง ฉันอยู่ฝ่ายเลขาค่ะ” ซูชิงยืนต่อหน้าเจิ้งเจียอิงอย่างไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งแต่ก็ไม่ถ่อมตัวเกินจนดูต้อยต่ำ พร้อมอธิบาย: “คำพูดของผู้จัดการหลิวเมื่อครู่ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ฉันลางานกับฝ่ายบุคคลไปครึ่งวันค่ะ ไม่ใช่ขาดงานโดยไม่มีสาเหตุ”
หลิวตงยื่นพูดใส่ไฟอยู่ด้านข้าง: “ฉันถามฝ่ายบุคคลมาแล้ว ไม่มีบันทึกการลางานของเธอเลยแม้แต่น้อย แถมเมื่อวานฉันบอกเธอแล้วว่าวันนี้คุณหวังจะมา แล้วความสูญเสียของบริษัท ใครจะเป็นคนรับผิดชอบล่ะ?”
เจิ้งหมิงจูคล้องแขนเจิ้งเจียอิงเอาไว้ พร้อมราดน้ำมันลงไปในกองไฟ: “พ่อคะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซูชิงบกพร่องนะ หนูว่าพนักงานที่ไม่รับผิดชอบต่อบริษัทแบบนี้อย่าเอาไว้เลย”
นี่คือการแก้แค้นโดยส่วนตัว
“ฉันจัดการเอกสารเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” ซูชิงมองไปทางไช่จิ้งเหมย เพราะเมื่อวานเธอได้เอาเอกสารให้ไช่จิ้งเหมยไปหมดแล้ว
ไช่จิ้งเหมยรีบพูด: “ใช่ ซูชิงจัดการเอกสารเสร็จแล้วจริงๆ เธอให้ฉันส่งให้ผู้จัดการหลิวต่อ ฉันก็ส่งไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
“ไม่เห็นได้รับ”
“เปล่าค่ะ” ไช่จิ้งเหมยส่ายหน้า พร้อมพูด: “ตอนนั้นฉันเห็นว่าผู้จัดการหลิวไม่อยู่ ก็เลยวางไว้บนโต๊ะและส่งข้อความให้คุณ…”
“ผมไม่ได้รับข้อความอะไรทั้งนั้น” หลิวตงตะคอก: “ซูชิง เพื่อผลักความรับผิดชอบ เธอก็แถจริงๆนะ”
ซูชิงจ้องท่าทางที่ต่ำทรามของหลิวตง และเข้าใจทุกอย่างแล้ว
หลิวตงแน่วแน่ว่าจะทำให้เธอลำบาก ตอนนี้เธอพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น
แถมเรื่องอย่างการเอาค่าคอม เธอก็ไม่สามารถพูดออกมาต่อหน้าทุกคนได้ เพราะนี่คือข้อห้ามในสายงาน ถ้าเธอฉีกหน้าหลิวตงขึ้นมา หลังจากนี้ในสายงานนี้ก็คงไม่ม่ีบริษัทไหนกล้ารับเขาอีก
ท่าทางไม่เกรงกลัวของหลิวตงนี่ไม่ใช่ว่าอาศัยเจิ้งหมิงจูหนุนหลังหรือ?
ถึงจะมีข่าวลือว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่มีปัญหา แต่ตอนนี้ก็ต้องร่วมมือกันจัดการคนอื่น
ใครสั่งให้ครั้งก่อนซูชิงผิดใจกับเจิ้งหมิงจูล่ะ?
ในใจของซูชิงนั้นราวกับขุนนางที่ซื่อสัตย์ เธอมองไปยังเจิ้งเจียอิง พร้อมพูดอย่างใจกว้าง: “คุณเจิ้ง ฉันไม่ได้ผลักความรับผิดชอบ คุณไปตรวจสอบที่ฝ่ายบุคคลได้เลยค่ะ”
ไช่จิ้งเหมยเองก็ช่วยพูดแทนซูชิง: “คุณเจิ้งคะ ซูชิงอยู่ที่บริษัทมาสองปี เธอทุ่มเทแรงกายแรงใจมาตลอด ต่อให้ไม่มีคุณงามความดีแต่ก็มีความยากลำบาก”
สีหน้าของเจิ้งเจียอิงเคร่งขรึมขึ้น: “สิ่งที่บริษัทต้องการไม่ใช่ความยากลำบาก เลี้ยงคนไม่มีประโยชน์จะมีประโยชน์อะไร ซูชิงใช่ไหม คุณไปรับเงินเดือนที่ฝ่ายบุคคลแล้วออกไปเถอะ”
พนักงานที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องคนหนึ่ง จะเทียบกับลูกสาวของตนเองได้อย่างไร?
เมื่อเจิ้งเจียอิงโผล่ ซูชิงก็รู้จุดจบของตัวเองแล้ว
ครั้งก่อนผิดใจกับเจิ้งหมิงจูแล้วยังอยู่ในบริษัทมาได้นานขนาดนี้ ก็ถือว่าค่อนข้างประหลาดใจแล้ว
ช่วงเวลาที่ผ่านมา ซูชิงเองก็อยู่ในบริษัทอย่างเกรงกลัว ราวกับเดินบนแผ่นน้ำแข็งบางๆ
แต่จะไล่เธอออกโดยไม่มีเหตุผล? ก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
เมื่อได้ยินคำพูดที่เจิ้งเจียอิงไล่ซูชิงออก หลิวตงกับเจิ้งหมิงจูก็ยิ้มอย่างได้ใจขึ้นมา ส่วนพนักงานคนอื่นที่ดูอยู่ก็กำลังซุบซิบกัน
มีคนที่เสียดายซูชิง แล้วก็มีคนที่คิดว่าซูชิงไม่รู้จักประมาณตน
ในตอนที่เจิ้งเจียอิงพูดจบและกำลังจะเดินออกไป ซูชิงก็พูดขึ้นมา: “คุณเจิ้ง ฉันเซ็นสัญญาจ้างกับบริษัทไปห้าปี สัญญายังไม่ถึงวันสิ้นสุดเลย ถ้าคุณไล่ฉันออกโดยไม่มีเหตุผล ตามข้อกำหนดของสัญญาแล้ว คุณก็ต้องจ่ายให้ฉันสามเท่า แล้วก็ชดเชยเงินเดือนอย่างน้อยครึ่งปีให้ฉัน”
เมื่อซูชิงพูดออกไป ทุกคนก็เงียบลงทั้งหมด เงียบจนได้ยินเสียงเข็มหล่นได้เลย
ซูชิงบ้าไปแล้วเหรอ?
หาเรื่องเถ้าแก่?
ขู่เอาเงินชดเชย?
บ้าไปแล้ว ไม่รู้จักประมาณตัวเองเลย
เจิ้งหมิงจูเองก็แปลกใจมาก เธอตะคอกเสียงแหลม: “ซูชิง เธอบ้าไปแล้วเหรอ เธอมีสิทธิ์อะไรมาเอาเงินเดือนสามเท่า บริษัทพ่อฉันเป็นคนเปิด ถ้าเขาอยากให้เธอไสหัวไป เธอก็ต้องไปหัวไป เธอมันเป็นอะไร”
หลิวตงสบโอกาสพูด: “ซูชิง ถ้าเธอยังอยากอยู่ในวงการนี้อยู่ก็ไสหัวไปดีๆ”
ซูชิงยกมุมปากขึ้น เธอมองข้ามหลิวตงกับเจิ้งหมิงจู และมองที่เจิ้งเจียอิง: “คุณว่าไงล่ะ คุณเจิ้ง?”
เจิ้งเจียอิงโมโหมากแต่ยิ้มออกมา: “นี่คือบริษัทของผม ทำไม? แค่ไล่คนคนหนึ่งออกยังทำไม่ได้เหรอ?”
“แน่นอน ถ้าคุณเจิ้งไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยให้แฟนผม งั้นก็เอาอย่างอื่นมาชดเชยซะ”
เสียงนี้มัน?
MANGA DISCUSSION