รอยยิ้มลู่หรงเยียนยิ่งลึกขึ้น
รถเคลื่อนตัวไปอย่างมั่นคง ไม่นานก็มาถึงชุมชนที่ซูชิงอาศัยอยู่
ซูชิงถามอย่างสงสัย "คุณชายลู่ คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันอาศัยอยู่ที่นี่?"
เธอไม่เคยบอกว่าเธออาศัยอยู่ที่ไหน
น้ำเสียงของลู่หรงเยียนเย็นชา "เรื่องที่ฉันอยากรู้ก็ไม่มีอะไรยากหรอก"
ซูชิงไม่สงสัย ด้วยอำนาจตระกูลลู่ อยากรู้ว่าเธอพักที่ไหนมันจะไม่ง่ายได้ยังไงกัน
หลังจากลงจากรถ ซูชิงก็เดินอย่างกับกระต่าย
มองตามหลังซูชิงไป ใบหน้าลู่หรงเยียนที่อยู่ในรถก็เปื้อนด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยตงที่อยู่ด้านหน้าก็ตกใจจนเกือบคิดว่าตัวเองตาฝาดไป
พี่ใหญ่ยิ้ม?
"กลับบ้านตระกูลลู่" ลู่หรงเยียนละสายตาและออกคำสั่งด้วยเสียงเรียบ
"ครับผม"
เซี่ยตงอยู่กับลู่หรงเยียนมาหลายปี ไม่เคยถามอะไรมากความ มีแต่ทำตามคำสั่ง
…
ทันทีที่ซูชิงกลับถึงห้องเช่า ยังไม่ทันได้นั่งก็ได้รับสายจากโรงพยาบาล
ซูชิงรีบไปโรงพยาบาล
ไม่มีใครอยู่ในห้องคนไข้ ซูชิงก็ตื่นตระหนกทันที
เธอถามพยาบาลทันที "เสี่ยวเจี๋ยล่ะคะ?"
"ตอนเช้ายังอยู่ในห้อง แต่พอตอนบ่ายก็ไม่มีใครแล้วก็เลยรีบโทรหาคุณซูค่ะ"
นี่ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว
ซูชิงกังวล ขณะกำลังจะออกไปตามหาก็เห็นเด็กผู้ชายอายุประมาณสิบเจ็ดถึงสิบแปดที่สวมเสื้อยืดหลวมๆเดินเข้ามา
เด็กชายร่างบาง ใบหน้าซีดเผือดแต่ร่างกายกลับเต็มไปด้วยความดื้อรั้น เดินมาอย่างไม่สนใจใคร
"ซูเจี๋ย นี่เธอไปแข่งรถอีกแล้วใช่ไหม? เธอเป็นโรคหัวใจนะ เธอไม่ได้ฟังที่พี่พูดเลยใช่ไหม" ซูชิงเดินไปคว้าหูของเด็กชายทันที
เมื่อเด็กดื้อเห็นซูชิง เขาก็รีบโอดครวญทันที "พี่ เบาหน่อย เจ็บนะ"
ซูชิงที่ไม่ได้ออกแรงอะไรเลย แต่พอได้ยินว่าเจ็บก็ปล่อยมือ "เสี่ยวเจี๋ย เธอเอาชีวิตมาล้อเล่นไม่ได้นะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นตอนแข่งรถ…"
ซูเจี๋ยป่วยเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด การแข่งรถก็เหมือนการคร่าชีวิตตัวเอง
"พี่ ชีวิตผมรอดมาได้แต่ละวันก็นับเป็นบุญแล้ว" ดวงตาของซูเจี๋ยเผยให้เห็นถึงความผันผวนไม่สมกับอายุก่อนจะยักไหล่อย่างเฉยเมย "แทนที่จะรอวันตายในโรงพยาบาล สู้ออกไปใช้ชีวิตให้สนุกดีกว่า"
"เสี่ยวเจี๋ย" ซูชิงเองก็รู้สึกปวดใจ
วัยสิบเจ็ด สิบแปดเป็นวัยกำลังดี คนในวัยเดียวกันมักใช้ชีวิตในโรงเรียน แต่ซูเจี๋ยต่างออกไป เขาเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด โรงพยาบาลก็เหมือนบ้าน บางทีชีวิตของเขาจะหยุดชะงักในนาทีถัดไปก็ได้
ซูเจี๋ยเป็นเด็กที่แม่พาเข้ามา ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับซูชิง แล้วก็ไม่รู้ความเป็นมาเป็นไปของซูเจี๋ยด้วย
แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอก็นับว่าซูเจี๋ยเป็นน้องชายของเธอ
ซูเจี๋ยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทันทีที่เขาก็เห็นใบหน้าของซูชิงบวม ใบหน้าก็หุบยิ้มทันที "ใครเป็นคนทำ? คนตระกูลซูเหรอ?"
"ไม่ใช่" ซูชิงไม่อยากให้ซูเจี๋ยต้องเป็นห่วงเธอ แล้วก็ไม่อยากให้ซูเจี๋ยเสียหน้ากับตระกูลซูเพื่อเธอ
เพราะตอนนี้เธอไม่สามารถจ่ายค่ารักษาที่สูงของซูเจี๋ยได้ และชีวิตของซูเจี๋ยก็ยังต้องพึ่งซูเต๋ออาน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซูชิงทำงานอย่างหนักโดยคิดว่าวันหนึ่งเธอจะพาซูเจี๋ยออกจากตระกูลซู
"พี่ นี่ก็หลายปีแล้วนะที่ทุกคนที่พี่โกหกผมก็จะไม่กล้าสบตา" นัยน์ตาซูเจี๋ยวาววับ "ที่ตระกูลซูทำกับพี่ ไม่ช้าก็เร็วผมต้องเอาคืนให้ได้"
"เอาล่ะ อย่าพูดถึงเรื่องไม่ดีเลย" ซูชิงเปลี่ยนเรื่อง "ช่วงนี้เธอเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นบ้างไหม?"
"อาการเดิมๆ ยังไม่ตายหรอก" ตระกูลซูไม่ใยดีหรือแยแสอะไรอยู่แล้ว
ซูชิงเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก
ซูชิงอยู่ที่โรงพยาบาลจนกระทั่งซูเจี๋ยกินยาและผล็อยหลับไป ถึงได้ออกมา
เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว
บริเวณโรงพยาบาลก็ไม่มีใคร รถที่ผ่านไปมาก็น้อย
ซูชิงรออยู่ตรงทางเข้าโรงพยาบาลครู่หนึ่งก็ยังเรียกแท็กซี่ไม่ได้ ดังนั้นเธอเลยเดินไปอีกสองสามร้อยเมตร
รถตู้สีขาวแล่นผ่านซูชิงก่อนที่จะหยุดกะทันหัน คนสองคนออกจากรถ คนหนึ่งปิดปากเธอจากด้านหลังและอีกคนหนึ่งยกเท้าขึ้นก่อนพาขึ้นรถไป
ซูชิงดิ้นรนสักพักก่อนจะหมดสติไป
มียาสลบอยู่บนผ้าที่ปิดปากของเธอจนทำเธอหมดสติ
ไม่นานรถตู้ก็ขับออกจากตัวเมืองและหายตัวไปในความมืด
ในเวลาเดียวกัน
บ้านตระกูลลู่
ลู่หรงเยียนและว่านหยางกำลังเล่นหมากรุกอยู่ในห้องหนังสือ เมื่อเห็นว่าใกล้แพ้ ว่านหยางก็หันเหความสนใจของลู่หรงเยียน
"พี่ใหญ่ กับคุณซูเป็นยังไงบ้าง?"
ลู่หรงเยียนจับหมากตัวขาวก่อนจะวางบนกระดานหมากรุกอย่างใจเย็น "ก็ดี"
"พี่ใหญ่ คุณซูเป็นคนอารมณ์ร้าย คุณแต่งมาตั้งสามครั้งแล้ว มีแค่คนนี้ที่หนีงานแต่ง หากเธอรู้ตัวตนที่แท้จริงของลูกพี่ อาจจะจบไม่สวยก็ได้" ว่านหยางรู้ว่าตอนนี้ลู่หรงเยียนกำลังซ่อนซูชิง แต่ก็ห่วงว่าซูชิงจะโดนบ้านตระกูลลู่ทำร้ายเข้า
ท้ายที่สุดยังไงผู้ที่มีอำนาจในตระกูลลู่ก็ไม่สามารถถูกคนอื่นจับจุดอ่อนได้
"ฉันจัดการได้" ดวงตาลึกของลู่หรงเยียนหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะวางหมากลง "นายแพ้แล้ว"
ว่านหยางมองไปที่กระดานหมากรุก สุดท้าย เขาก็แพ้ทุกเกม
"พี่ใหญ่ จะไม่ช่วยกรุณาปล่อยผมไปเลยใช่ไหม?" ว่านหยางยิ้มอย่างขมขื่น
"ภาพวาดของหยวนซงเหนียนที่บ้านนายจะถูกจัดส่งวันพรุ่งนี้"
ว่านหยางเสียใจ ทุกครั้งที่เล่นหมากรุกกับพี่ใหญ่ก็มีแต่หาเหาใส่หัว
ภาพวาดของหยวนซงเหนียน เขาใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะได้มันมา ไม่ทันไรก็แพ้อีกแล้ว
"ยอมแล้วครับ" ว่านหยางพูดอย่างสงสัย "พี่ใหญ่ ปกติก็ไม่เห็นลูกพี่จะสนใจภาพทิวทัศน์เลย"
"เอาไปให้ชิงชิง"
คำว่าชิงชิงสองพยางค์นั้นทำให้ว่านหยางเหมือนถูกอัดหน้าหมื่นที
ทำร้ายคนโสดขนาดนี้เลย?
อาหารคนโสดนี่มันช่างหอมเสียจริง
"พี่ใหญ่ อีกสักรอบไหม?" ว่านหยางจัดกระดานหมากรุก ยังคงไม่พอใจเล็กน้อย
ลู่หรงเยียนเหลือบมองเวลาก็จะห้าทุ่มแล้ว นั้น
ไม่รู้ว่าซูชิงขะหลับไปแล้วหรือเปล่า
ลู่หรงเยี่ยนรู้สึกแปลกๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาซูชิง
โทรติดแต่กลับไม่มีคนรับสาย
ลู่หรงเยียนขมวดคิ้ว
"พี่ใหญ่ นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณซูคงจะหลับไปแล้วล่ะ" ว่านหยางกล่าว "บางทีอาจจะไม่ได้ยิน"
ลู่หรงเยียนกดโทรอีกครั้ง แต่คราวนี้โทรศัพท์กลับปิดเครื่อง
ลู่หรงเยียนลุกขึ้นทันที "เกิดเรื่องกับซูชิง"
"พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้น?" ว่านหยางสับสน
"โทรศัพท์ปิดเครื่องไปแล้ว"
ถ้าซูชิงยังไม่หลับก็จะต้องรับโทรศัพท์แน่นอน และถ้าเธอหลับอยู่ทำไมโทรศัพท์ถึงปิดไป?
ลู่หรงเยียนสัมผัสได้ถึงอันตรายจึงกดโทรออกทันที "เซี่ยตง หาที่อยู่ซูชิงมาภายในห้านาที"
ว่านหยางรู้สึกประหลาดใจ
เรียกแม้แต่หน่วยข่าวกรอง
ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะเป็นเรื่องใหญ่
ในเวลาไม่ถึงห้านาที เซี่ยตงก็โทรบอกถึงข่าวซูชิงเข้ามา
ลู่หรงเยียนรู้ว่าซูชิงถูกลักพาตัวไปบริเวณโรงพยาบาล รอบกายก็ดูเลวร้ายขึ้น
ว่านหยางที่ได้ยินเนื้อความจากโทรศัพท์ก็คาดเดา "พี่ใหญ่ หรือจะเป็นพวกคนตระกูลลู่ที่ลักพาตัวคุณซูไปเพื่อใช่ขู่พี่ใหญ่?"
"ใครกล้าแตะแม้แต่ปลายผมเธอล่ะก็ ตายแน่"
ลู่หรงเยียนรีบออกไปทันที
ว่านหยางอึ้งไปครู่หนึ่ง "นี่พี่ใหญ่จริงจังนี่นา"
เขาไม่ได้เห็นพี่ใหญ่โกรธมานานแล้ว
ว่านหยางอธิษฐานในใจว่าอย่าให้เป็นพวกคนตระกูลลู่เลย ไม่อยากนั้นอารมณ์พี่ใหญ่ตอนนี้คงไม่ไว้หน้าใครและความพยายามที่ก่อนหน้านี้ทำมาคงสูญเปล่า
…………
MANGA DISCUSSION