หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 836 เธอหายไปแล้ว
ตอนที่ 836 เธอหายไปแล้ว
หลังจากกินข้าวเสร็จ ทั้งสองคนก็กลับ
ถึงแม้ว่าจิดาภาจะไม่ได้ดื่มเยอะ แต่ว่าแก้มของเธอก็แดงเล็กน้อย ขนตาเรียวยาวปกคลุมลงมา ดูมีเสน่ห์มาก แต่ว่าในความมีเสน่ห์ของเธอก็สัมผัสได้ถึงความเศร้า
พันเดชเห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดใจ แต่ว่าความเจ็บปวดใจนั้น ได้แต่กดมันไว้ในก้นบึ้งของหัวใจ
รถจอดลงที่ชั้นล่าง พันเดชก็อุ้มเธอขึ้นชั้นบนไป
วางเธอลงบนเตียงในห้องนอน พันเดชกำลังจะลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูให้เธอ แต่ว่าจิดาภากลับจับเขาเอาไว้
“พันเดช……”
พันเดชหันกลับมามองเธอ ผิวสีขาวเหมือนข้าวสาลีมีสีแดงเลือดฝาด ความจริงแล้ว วันนี้คนที่ดื่มไปไม่น้อยเลยก็คือพันเดชต่างหาก
“อยู่กับฉันอีกหน่อย! ”
“ฉันจะไปเอาผ้าขนหนูให้เธอ! ” พันเดชพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
จิดาภาถึงได้ปล่อยเขา พันเดชเดินไปทางห้องอาบน้ำ ไม่นานก็เดินออกมา ในมือถือผ้าขนหนูสีขาวอยู่
มีเพียงแสงไฟอบอุ่นอยู่ในห้องนอน เป็นสีส้มอ่อน พันเดชถือผ้าขนหนูอุ่นๆ เดินเข้ามา ช่วยเช็ดให้จิดาภา
สายตาของทั้งคู่จ้องมองกัน เหมือนกับว่าไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบปียังไงยังงั้น มองหน้ากันและกันอยู่แบบนั้น
ตอนที่พันเดชเช็ดให้อยู่นั้น จิดาภากลับยื่นมือออกมา จับเขาไว้
“มีอะไรเหรอ? ” พันเดชมองเธอ
วินาทีหลังจากนั้น จู่ๆ จิดาภาก็ยื่นแขนออกไป กอดคอของพันเดชไว้ หลังจากจ้องตาเขาอยู่หลายวินาที จู่ๆ เธอก็พุ่งเข้าไปจูบเขา……
ทุกครั้งที่จิดาภาเป็นคนเริ่ม พันเดชก็จะไม่มีแรงต่อต้านเลย
และในตอนนี้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอมีอะไรจะพูด ทั้งๆ ที่รู้……แต่ว่าตอนนี้เขาไม่สามารถขัดขืนได้เลย
วินาทีที่สามนั้น พันเดชก็ยื่นมือออกมาจับหลังศีรษะของเธอแล้วก็จูบเธอ……
จิดาภาค่อยๆ เปลี่ยนจากผู้กระทำเป็นผู้ถูกกระทำ นอนลงบนเตียง และพันเดชก็จูบเธออย่างอ่อนโยนและหยาบกร้านในเวลาเดียวกัน ระหว่างทั้งสองคน เต็มไปด้วยความเก็บกดและความใจร้อนของพันเดช……
เสื้อผ้าถูกถอดออก ทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากันอย่างตรงไปตรงมา……
แสงไฟสีส้ม ดูแล้วอ่อนโยนมาก แต่ว่าคู่ชายหญิงที่อยู่บนเตียงนั้น กลับกำลังพยายามทำตามใจตัวเองอย่างเต็มที่ เสียงร้องดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ถ่ายทอดความรักอันแข็งแกร่งระหว่างพวกเขา
……
เป็นแบบนั้น จนผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า
พันเดชนอนอยู่บนเตียง กอดจิดาภาไว้ ลมหายใจหนักอึ้ง
จิดาภาก็ดูเหนื่อยเล็กน้อย มีเหงื่อบางๆ ที่หน้าผากของเธอ ดูสวยงามแบบเหนื่อยล้า
ทั้งสองคนต่างไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงแค่เสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอของทั้งสองคนเท่านั้น สุดท้าย ก็เป็นจิดาภาที่เป็นคนทำลายความเงียบนี้ก่อน เธอเงยหน้ามองพันเดช “พันเดช ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับนาย……” ร่างของพันเดชแข็งทื่อไปนิดหน่อย หรี่ตามองจิดาภา มือของจิดาภากอดรอบเอวของพันเดชไว้ เธอครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็พูดว่า “ที่จริง นายก็รู้แล้วว่าฉันอยากจะพูดอะไร! ” จิดาภาพูดอย่างไม่รีบร้อน ในคืนนี้ เธอเอาแต่คร่ำครวญอยู่กับปัญหามาตลอด จะพูดยังไงดี จะพูดตอนไหนดี จนถึงตอนนี้ เธอรู้แล้วว่ามันไม่พูดไม่ได้แล้ว “ฉันรู้ว่าเรื่องนี้พี่ชายฉันเป็นคนทำผิดก่อน แต่ว่า……”จิดาภาเงยหน้าขึ้น สายตามองไปที่พันเดช เต็มไปด้วยความขอร้องวิงวอน “ปล่อยเขาไปได้มั้ย? ” สุดท้าย จิดาภาก็พูดออกมาแล้ว! มองตาของเธอ เจิดจรัสเหมือนกับเพชร พันเดชเงียบ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ถ้าเกิดว่าตอนแรก เปรมศักดิ์ทำแค่เรื่องเครื่องประดับมีรังสี ถ้ายังงั้น เขาก็จะทน เพื่อจิดาภาแล้วเขาสามารถยอมรับความพ่ายแพ้ได้ แต่ว่าต่อมาเขากลับเปิดโปงเรื่องที่พวกเขาหลีกเลี่ยงภาษี แล้วอีกอย่าง ยังแอบซื้อหุ้นของบริษัทเขาไปอีกด้วย……เห็นได้ชัดว่า ความทะเยอทะยานของเปรมศักดิ์ มันใหญ่โตมาก เขาไม่ได้พุ่งเป้าไปที่พันเดชเพียงเท่านั้น สิ่งที่เขาต้องการก็คือทั้งบริษัทCA! พันเดชก็เลยจำเป็นต้องตอบโต้ บริษัทCAคือความทุ่มเทกายใจของเขามาตลอดสองปีนี้ เขาสามารถละทิ้งบริษัทCAได้เพื่อจิดาภา แต่ว่าเขาไม่สามารถทำผิดต่อพนักงานหลายพันคนของบริษัทCAได้ ถ้าเกิดว่าเปรมศักดิ์ทำแบบนั้นได้ จะต้องมีคนหลายคนสูญเสียงานอย่างแน่นอนถ้าเกิดไม่ใช่เพราะว่าเปรมศักดิ์โหดร้ายเกินไป ทะเยอะทะยานเกินไป เรื่องก็จะไม่เป็นแบบนี้หรอก เห็นว่าพันเดชไม่ได้พูดอะไร จิดาภาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเหมือนกัน เพราะว่าเธอรู้ว่า พันเดชได้ยินอย่างชัดเจนแล้ว แล้วก็ชัดเจนมากด้วย ถ้าเกิดว่าเขาอยากจะพูดอะไร ก็จะบอกเธออยู่แล้วแน่นอน แต่ว่าถ้าเกิดว่าเขาไม่อยากพูด แล้วเธอถาม ก็จะมีแต่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขากลายเป็นไร้ค่า…… เวลาเป็นนาทีและวินาทีผ่านไป จิดาภาเอาแต่มองพันเดช หวังว่าเขาจะพูดอะไรบ้าง แต่ว่าสุดท้ายพันเดชก็ได้แต่พูดว่า “ดึกมากแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ! ” “ฉันยังมีเรื่องอีกนิดหน่อยที่ต้องจัดการ ต้องไปห้องอ่านหนังสือ! ” พอพูด พันเดชก็ลงจากเตียง ใส่เสื้อผ้าแล้วก็จะเดินออกไป จิดาภามองเขา ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วก็ไม่ได้ร้องไห้อ้อนวอนพันเดช เพราะว่าเธอรู้ว่า ถ้าเกิดว่าเธอทำแบบนั้น บางที ระหว่างความสัมพันธ์ของเธอกับพันเดชก็คงเป็นเหมือนเรื่องตลกจริงๆ และแล้ว พันเดชก็ออกไป ในห้อง เงียบกว่าเดิมมาก ในความเงียบนั้นมีแต่เสียงลมหายใจของจิดาภา เธอนอนอยู่บนเตียง บนนั้นยังมีกลิ่นอายของพวกเขาหลงเหลืออยู่ นี่ก็เป็นเวลาเช้ามืดแล้ว วันปกติถ้าในเวลานี้ เธอคงจะง่วงจนลืมตาไม่ขึ้นแล้ว แต่ว่าตอนนี้ เธอนอนไม่หลับเลยแม้แต่นิดเดียว มองออกไปนอกหน้าต่าง แสงพระจันทร์สาดส่องเข้ามา ในห้องสว่างขึ้นเล็กน้อย แต่ว่าหัวใจของจิดาภานั้น กลับหนักอึ้งอย่างมาก เธอ ทำผิดงั้นเหรอ? ใช่ ผิด! แต่ว่าทั้งๆ ที่รู้ว่าผิด เธอก็จำเป็นต้องทำแบบนี้ ไม่ว่าตระกูลสวันนีย์จะเป็นผู้ให้กำเนิดเธอหรือไม่ ใช่ เธอควรจะทำแบบนี้ ต่อให้ไม่ใช่ แต่ว่าในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์ต่อกัน เธอก็จำเป็นต้องทำแบบนี้…… แต่ว่าทำไม ทำไมชีวิตคนเราถึงได้ถูกกลั่นแกล้งแบบนี้ เธอนึกว่าชีวิตของเธอกับพันเดชได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้ เห็นได้ชัดว่า เขาเองก็สามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ค่อนข้างจะอึดอัด ไม่ได้มีเสียงหัวเราะและความผ่อนคลายเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้ กลายเป็นความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น…… แต่ว่าเธอไม่ได้สงสัยจิตใจที่แท้จริงที่พันเดชมีให้เธอ ก็เหมือนกับที่พันเดชก็ไม่ได้สงสัยความรู้สึกที่เธอมีให้เขาเหมือนกัน แต่ว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ มันทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าหากันได้เหมือนในเวลาปกติ ตอนนี้ เธอหวังเป็นอย่างมากว่า เรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หรือว่า แม้แต่มีอะไรเล็กน้อยที่ไม่เหมือนกัน เรื่องก็อาจจะไม่เป็นอย่างที่เป็นในตอนนี้ก็ได้ แต่ว่าความจริง ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เรื่องราวมันเกิดขึ้นแล้ว สถานการณ์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าเธอจะคิดยังไง นี่มันก็คือเรื่องจริง ที่เธอจำเป็นต้องเผชิญหน้า……หลังจากวันนั้น พันเดชก็หายไปสองวัน ถ้าให้พูดตามตรง ไม่ได้กลับบ้านตระกูลฐิตานันท์ และก็ไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าจิดาภา และสองวันนั้นสำหรับจิดาภาแล้ว เหมือนกับว่าเวลาผ่านไปนานเหมือนศตวรรษ เธอแค่ลงมากินข้าวที่ชั้นล่าง หลังจากกินข้าวเสร็จก็ขึ้นไปข้างบน และก็ไม่ได้ไปบ้านตระกูลสวันนีย์ และก็ยิ่งไม่ได้ไปถามเรื่องของเปรมศักดิ์ ทั้งหมด เหมือนกับว่าเธอก็เข้าใจสถานการณ์ดี แต่ว่ากลับรู้สึกงุนงง ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี วันนี้ จู่ๆ การันต์ก็โทรมา เขาพูดว่า “จิ อีกไม่กี่วันพี่ชายของลูกก็จะได้ประกันตัวแล้ว แต่ว่ามันจะเป็นยังไงนั้น ก็ยังต้องดูข้อมูลที่สืบได้ในภายหลัง! ” จิดาภาถือโทรศัพท์อยู่ ยิ้ม “เหรอคะ? ดีจริงๆ เลย! ” “ลูก ไม่ไปเยี่ยมพี่ชายหน่อยเหรอ? ” “ไม่ต้องหรอก หลายวันนี้หนูมีเรื่องนิดหน่อย! ” “โอเค! ” แล้วสายก็ถูกตัดไปแบบนี้ ทั้งหมด เหมือนกับว่าไม่เหมือนเดิมแล้ว จิดาภาถือโทรศัพท์อยู่ ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร แต่ว่าก้นบึ้งของหัวใจของเธอกลับหนักอึ้งราวกับหิน ก็เป็นอีกหนึ่งคืน พันเดชก็ยังคงไม่ได้กลับมาเหมือนเดิม จิดาภานั่งอยู่ในห้องอ่านหนังสือของพันเดช นั่งก้มหน้าอยู่ตรงนั้น เขียนอะไรบางอย่าง หลังจากเขียนอยู่สักพัก ก็อ่านตัวอักษรบนนั้น มุมปากของเธอก็ยกขึ้นมา มองนาฬิกาบนข้อมือของตัวเอง สุดท้ายก็ถอดมันออก แล้วก็วางไว้บนนั้น ในห้องนอน คืนนี้ จิดาภาไม่ได้นอน เธอนั่งอยู่บนเตียงให้ห้องนอนตลอด มองไปด้านนอก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังคิดอะไรอยู่ สรุปแล้ว ริมฝีปากเธอก็มีรอยยิ้มจางๆ จนถึงตอนดึกมากๆ แล้ว…… จิดาภาหายไปแล้ว หลังจากผ่านไปสองวัน พันเดชถึงได้รู้ ได้เห็นจดหมายที่เธอทิ้งไว้บนโต๊ะ เขาเป็นบ้าไปแล้ว! ตามหาจิดาภาเหมือนคนบ้า แต่ว่า เหมือนกับว่าเธอหายไปในอากาศ ทำยังไงก็หาไม่เจอ ไม่ว่าเขาจะพยายามทุกวิถีทาง แต่ว่า ยังไงไม่ได้ข่าวจากจิดาภาเลย ในห้อง พันเดชกวาดทุกอย่างจากบนโต๊ะลงพื้นเหมือนกับคนบ้า มันยุ่งเหยิงไปหมด ผมของเขายุ่งเหยิงนิดหน่อย ใบหน้าซีดเซียว เคราเทาๆ ที่คาง ดวงตาแดงก่ำขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าของเขาหมดหวังเหมือนกับว่าทุกอย่างกำลังจะล่มสลาย ลาภิศมองเขา รู้สึกทนไม่ค่อยไหว “พันเดช ใจเย็นหน่อย! ” พันเดชสอดมือเข้าไปในเส้นผมอย่างรำคาญ แล้วส่ายหัวด้วยความเจ็บปวด “เธอหายไปแล้ว เธอหายไปแล้ว ฉันหาเธอไม่เจอ ทำยังไงดี……” “บางที จิดาภาอาจจะไปทำใจให้สบาย อีกไม่นานก็น่าจะกลับมาแล้ว นายอย่าพึ่งกังวลไปเลยนะ! ” จัสตินเองก็ปลอบใจเหมือนกัน พันเดชส่ายหน้า “ไม่ เธอไม่กลับมาอีกแล้ว……”พันเดชพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ฉันจะไม่กังวลได้ยังไง เธอยังท้องอยู่ ตอนที่เธอจากไปนั้น ต้องเสียใจมากแน่ๆ ……”พันเดชพูด มองนาฬิกาข้อมือนั้นในมือของเขา ขอแค่มีของสิ่งนั้นอยู่ เขาก็จะสามารถตามหาเธอเจอ แต่ว่าตอนนี้เธอกลับทิ้งมันไว้ที่นี่ เธอไม่อยากจะให้เขาตามหาเธอเจอ! จิดาภา ทำไมเธอถึงทำแบบนี้ได้!!! พันเดชตะคอกออกมาด้วยความเจ็บปวดเต็มหัวใจ ลาภิศไม่เคยเห็นพันเดชเป็นแบบนี้มาก่อน ได้แต่พูดว่า ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปจนไม่เหมือนตัวเขาเองแล้ว บางเวลา ความรักก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนทรมานจริงๆ “หรือว่าถ้าหาไม่เจอ แกก็จะไม่หาแล้วเหรอ? ฉันไม่เชื่อหรอกว่า จิดาภาอยากจะจากแกไปจริงๆ หรอก! ” ลาภิศพูดด้วยสีหน้าหนักแน่นและจริงจัง ไม่ได้มีท่าทีเพลย์บอยเหมือนในวันปกติเลย “ใช่ ฉันให้คนไปตามหาทั่วทุกทิศแล้ว เชื่อฉัน ยังไงก็ต้องมีข่าวคราวแน่นอน! ” ปาณชัยก็พูดอยู่ทางด้านข้างเหมือนกัน “ผ่านไปสองวันแล้ว ก็ยังไม่มีข่าวอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว……”พันเดชส่ายหน้า ไม่กล้าคิดต่อ เขากลัวจริงๆ ว่าจะตามหาจิดาภาไม่เจออีก