หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 818 คลายปมในใจ
ตอนที่ 718 คลายปมในใจ
ชั่ววินาทีนั้น โลกทั้งโลกราวกับเงียบงันไป….
กชกรมองไปที่เปรมศักดิ์ ก่อนจะมองไปตรงบริเวณท้องที่ถูกมีดปัก วินาทีนั้นดวงตาของเธอเบิกกว้าง สมองขาวโพลนไปหมด
เธอไม่รู้เลยว่าตัวเธอเองควรที่จะทำยังไง
ดูเหมือนว่าร่างทั้งร่างจะไร้เรี่ยวแรงไปเสียหมด
กชกรมองไปที่นักข่าวคนนั้น อดกลั้นความเจ็บปวดอย่างมาก ตอนนี้ของอยู่ที่มือแล้วแต่ทำอย่างไรถึงจะให้อีกฝ่ายปล่อยมือออกมา เขาจึงปาอะไรบางอย่างไปทางเปรมศักดิ์ เมื่อกชกรเห็นภาพนั้นก็ลุกขึ้นเข้าไปหาทันที
ไม่เพียงเท่านั้นเขายังปาของมาโดนศีรษะของกชกรอีกด้วย
“กชกร…”เปรมศักดิ์ร้องออกมาด้วยความตกใจในขณะที่ตัวของกชกรฟุบไปกับพื้น
เมื่อนักข่าวเห็นคนทั้งสองล้มลงไปกับพื้นทั้งคู่แล้ว ก็ไม่ได้คิดอะไรให้มากความ เขาก็หยิบของและเตรียมจะวิ่งจากไป
“แหวน….”กชกรร้องออกมา ในขณะที่ศีรษะมีเลือดรินไหล
ข้างในกระเป๋านั้น มีแหวนหมั้นของเขาทั้งคู่อยู่ด้วย
“ไม่ต้องตามไปแล้วล่ะ! ” เปรมศักดิ์พูดออกมา เขารู้อย่างสุดซึ้งว่าไม่ว่าจะสูญเสียเงินไปมากมายแค่ไหน ความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
กชกรมองไปยังเปรมศักดิ์ ความตกใจแวบเข้ามาทันทีทันใด “นายเป็นยังไงบ้าง? เป็นยังไงบ้าง? ”
เธอยืดตัวขึ้นมาทันที
เปรมศักดิ์พยายามข่มความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นที่หน้าท้อง ใบหน้าของเขาขาวซีด มองดูแสนเจ็บปวด แต่เขาก็ยังส่ายหน้ากลับมา “ ฉันไม่เป็นไร! ”
กชกรกะพริบตามองไปตรงที่เขาโดนมีดแทง บริเวณนั้นถูกปกคลุมไปด้วยเลือดหมดแล้ว เมื่อเธอเอามือไปสัมผัส มือของเธอก็ชุ่มไปด้วยเลือด
“นี่นาย…”
กชกรสับสนไปหมด เธอไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงดี
“เปรมศักดิ์ นายอย่าทำให้ฉันกลัวนะ อย่าทำให้ฉันกลัวสิ….”กชกรนั่งลงไปกับพื้น เปรมศักดิ์ทับอยู่กับร่างของเธอ เลือดไหลรินออกมาทีละน้อยด้วยความเข้มของสีนั้นทำให้คนที่เห็นหวาดหวั่นขึ้นไปอีก
เปรมศักดิ์มองไปเธอ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงนึกไปถึงตอนที่เธอบอกว่าเขาเป็นเหมือนดวงตะวันที่เฉิดฉาย
“หัวเธอเลือดไหล…..”เปรมศักดิ์มองไปที่เธอ
เมื่อเห็นเขายื่นมือมา น้ำตาของเธอก็เอ่อล้นออกมา
“ฉันไม่เป็นอะไร ฉันไม่เป็นไรเลย…..”เธอพูดอยู่แบบนั้นซ้ำๆ พลางสั่นศีรษะ
เมื่อมองไปรอบกายไม่เห็นใครสักคน เธอจึงพลันคิดอะไรขึ้นมาได้ “โทรศัพท์ โทรศัพท์ โทรศัพท์ของนายหล่ะ….”
เธอราวกับควานพลิกหายไปทั้งร่างเขา
“เปรมศักดิ์ นายตายไม่ได้นะ หนี้ของนายก็ยังไม่คืนฉันเลย ฉันไม่ให้นายตาย….”กชกรร้องไห้ออกมา
กลับกันในด้านของเปรมศักดิ์นั้นดวงตาของเขาค่อยๆ ปิดลงช้าๆ
กชกรกังวลสับสนไปหมด รอบด้านไม่มีเสียงผู้คนเลยสักเสียง เธอมองไปที่เปรมศักดิ์อย่างลังเลใจ น้ำตาไหลไม่หยุด……
ภายในโรงพยาบาล
จันทนีกับการันต์เมื่อได้ยินข่าวก็รีบผลุนผลันตัวไปหาทันที
ปีนี้นี่มันยังไงนะ เมื่อพวกเขาตั้งต้นเป็นศัตรูกับใคร คนในบ้านก็จะต้องเข้าโรงพยาบาล ก่อนหน้านี้ก็จิดาภา แล้วนี่ยังเปรมศักดิ์อีก
จันทนีนั้นรู้ได้กับตัวเองทันทีว่าอีกนิดเดียว ใจของเขาก็จะรับมันไม่ไหวแล้ว
ไม่ใช่ว่าเมื่อสายฝนกระหน่ำแล้วปลายทางจะได้พบกับสายรุ้งหรอกหรือ?
ทำไมต้องมาเกิดเรื่องอะไรแบบนี้ขึ้นอีกด้วย!
“คุณหมอ ลูกของฉันเป็นยังไงบ้าง? ” จันทนีถามหมออย่างร้อนใจ
“คนไข้ถูกแทงที่บริเวณท้อง เสียเลือดมาก ส่วนเรื่องบาดแผลเป็นยังไงนั้นเมื่อผ่าตัดเสร็จเราก็จะได้รู้กัน! ”
จันทนีรีบพยักหน้ารับทันที “คุณหมอ คุณต้องช่วยลูกชายฉันให้ได้เลยนะ! ”
“วางใจได้ครับ เราจะทำอย่างเต็มที่! ”
“สำหรับผู้ป่วยอีกท่าน บาดเจ็บเพียงแค่บริเวณศีรษะ รอตรวจเช็กสมองเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกคุณก็สามารถเข้าไปหาไปนะครับ”
อีกคนอย่างนั้นเหรอ?
จันทนีกับการันต์หันหน้ามามองกัน หรือว่าจะเป็น กชกร?
เมื่อจิดาภากับพันเดชได้ยินข่าว ทั้งคู่ก็รีบตรงมาที่โรงพยาบาลเช่นเดียวกัน
จันทนีนั่งอยู่ที่เก้าอี้ริมทางเดิน ท่าทางดูอิดโรย
“พ่อคะ แม่คะ….”จิดาภาเดินเข้าไปหา
“จิ มาแล้วเหรอลูก”
จิดาภาพยักหน้า นั่งลงข้างๆ จันทนี “พี่ใหญ่เป็นยังไงบ้างคะ? ”
“หมอบอกว่าถูกแทงที่บริเวณท้อง ส่วนจะเป็นยังไงนั้นผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยก็จะรู้กัน” ในขณะที่พูดจันทนีก็ซบลงไปที่ไหล่ของจิดาภา “แม่ไปทำเวรทำกรรมอะไรเอาไว้นะ ไม่ใช่ลูกเข้าโรงพยาบาลก็เปรมศักดิ์….”พูดพลางน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาจิดาภาเห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ เธอรู้ว่าจันทนีนั้นเป็นห่วงเธอกับพี่ “แม่คะ แม่ไม่ต้องห่วงนะ พี่ใหญ่จะต้องไม่เป็นอะไร” จิดาภาไม่รู้ว่าจะปลอบยังไง ทำได้เพียงแค่พูดประโยคนี้ออกมาจันทนีนั้นเพียงแต่พิงเธอและร้องไห้ออกมาในตอนนั้นเอง พันเดชที่อยู่ข้างๆ ก็มองไปทางการันต์ “พ่อครับ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ”การันต์เองก็ทุกข์ใจไม่แพ้กัน “พ่อเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เราก็ได้รับสายจากทางโรงพยาบาลให้มาที่นี่เหมือนกัน”พันเดชยกมือขึ้นแตะบ่าของอีกฝ่ายเพื่อเป็นการปลอบใจ “เดี๋ยวผมไปดูก่อน” เมื่อพูดเสร็จเขาก็เดินตรงไปอีกทางการันต์ จันทนี และจิดาภาก็ยังคงรออยู่ด้านหน้า ไม่นานนักพ่อและแม่ของกชกรก็เดินเข้ามาอย่างรีบร้อนเมื่อได้ยินข่าว ทั้งสองก็ตกใจลมแทบจับ เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลไปก็ต้องมาอีกแล้ว แบบนี้จะไม่ทำให้ต้องเป็นห่วงได้ยังไง? “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ” เมื่อเดินเข้ามาถึงดัมพ์รงค์ก็ถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นดัมพ์รงค์ การันต์ก็เลิกคิ้วขึ้น “กชกรไม่ได้เป็นอะไรมาก รออีกสักครู่ก็เข้าไปเยี่ยมได้ แต่เปรมศักดิ์น่ะกำลังผ่าตัดช่วงท้องอยู่! ”เมื่อได้ยินประโยคที่ว่านี่ ดัมพ์รงค์ก็แทบร้องออกมา เขาไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดีด้วยเพราะคนที่เจ็บหนักเป็นเปรมชัย เขาจะพูดอะไรได้ทำได้เพียงรอต่อไปเงียบๆ ในค่ำคืนนี้จึงไม่อาจที่จะทำใจให้สงบเงียบได้กชกรฟื้นตื่นขึ้นมากลางดึก เมื่อลืมตาขึ้นมาได้แล้วเธอยันตัวขึ้นนั่งทันที“เปรม…..” เธอร้องออกมชนัณที่อยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงก็ตกใจตื่นขึ้นมา มองไปที่เธอก่อนจะพูด “กชกร ฟื้นแล้วเหรอลูก? ”เมื่อเห็นชนัณ กชกรก็โผเข้าหาทันที “แม่คะ เปรมล่ะ? ” เธอถามอย่างร้อนใจ บริเวณหน้าผากของเธอถูกพันเอาไว้ ไม่ได้เป็นอะไรมานัก เพียงแต่ทำให้มองดูซีดเซียวแล้วน่าอึดอัดเท่านั้น “เขา….เขาพักฟื้นอยู่อีกห้องหนึ่งจ่ะ”กชกรไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรอีก เธอพลิกตัวลงจากเตียง ก่อนจะเดินตรงออกไปด้านนอกทันที“กชกร แผลลูกยังไม่หายดี ลูกจะไปไหน? ” ชนัณตามมาโดยความกังวลใจกชกรตรงออกไปด้านนอกแล้ว ก็ไม่รู้ว่าห้องไหนเป็นห้องของเปรมศักดิ์ จึงทำได้เพียงแต่หาไปสุ่มๆ เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนั้น ชนัณก็ร้องบอก “ห้องเขาอยู่ตรงนั้น”กชกรจึงเดินไปตามทางที่เธอชี้ไปเธอเปิดประตูเข้าไปทั้งจิดาภาและ จันทนีก็อยู่รวมกันด้านในห้อง กชกรนั้นไม่ได้สนใจใครอื่นอยู่ก่อนแล้ว สายตาของเธอมองตรงไปที่คนบนเตียงเป็นเปรมศักดิ์ที่นอนอยู่บนนั้น ใบหน้าของเขาซีดเซียว ตาทั้งคู่ปิดสนิท“เปรม….”กชกรร้องเรียก ขาทั้งสองข้างค่อยๆ ก้าวไปทางเขาช้าๆ เมื่อเห็นกชกรเองก็ได้รับบาดเจ็บแบบนั้น ทั้งจันทนีและจิดาภาก็ไม่รู้จะต้องพูดอะไรกชกรเดินเข้าไปหาเปรมศักดิ์ ก่อนจะนั่งลงที่ข้างเตียงของเขา และจับมือของเขาขึ้นมาไว้ “เปรมศักดิ์ นายเป็นยังไงบ้าง นายลืมตาขึ้นมาสิ ลืมตาขึ้นมามองฉัน….”“ทำไมถึงได้ทำอะไรโง่ๆ แบบนั้น ทำไมต้องมาบังตัวฉัน นายโง่ไปแล้วหรือยังไง? ”เมื่อได้ยินแบบนั้น คนทั้งหมดก็ตกตะลึงที่แท้เรื่องมันก็เป็นแบบนี้นี่เองจันทนีกับจิดาภาไม่ได้พูดอะไร พวกเธอต่างก็รู้และเข้าใจ การที่เปรมศักดิ์ทำแบบนี้นั้นมันสมควรแล้ว“เปรมศักดิ์ นายฟื้นขึ้นมานะ ฟื้นขึ้นมาทีเถอะ….” กชกรเขย่าตัวเปรมศักดิ์ไปมา น้ำตารินไหลจิดาภาที่มองอยู่ด้านข้างก็พูดออกมา “กชกร พี่ใหญ่ไม่ได้เป็นอะไรมากนัก เพียงแต่เขาเสียเลือดไปมาก ก็เลยหมดสติไปเท่านั้นเอง”เมื่อได้ยินในสิ่งที่จิดาภาพูดแล้ว กชกรก็เงยหน้าขึ้นน้ำตาไหลปรกหน้า “จริงเหรอ? ”จิดาภาพยักหน้า “อืม ดังนั้นเธอสบายใจได้ พี่ใหญ่ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิตหรอก! ”หัวใจที่แหลกสลายบีบแน่นก็โล่งขึ้นมา เธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกชนัณเดินตามเข้ามามองไปที่กชกร “แผลที่หัวลูกยังไม่หายเลย ไม่ต้องไปห่วงอะไรนักหรอก! ”กชกรเงยหน้าขึ้นมองชนัณ น้ำตาคลอเต็มเบ้าตาไปหมด“วันนี้หนูอยากอยู่เป็นเพื่อนกับเขาที่นี่ได้มั้ย? ” กชกรถามขึ้น ชั่วเวลานั้นเธอไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย“แต่อาการบาดเจ็บของลูก…..”“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ ตอนนี้หนูอยากอยู่ที่นี่! ” กชกรยืนหยัดกับสิ่งที่พูด ดูเหมือนว่าแม้ใครๆ จะไม่เห็นด้วย เธอก็จะอยู่ที่นี่อยู่ดีเมื่อเห็นว่าเธอยืนหยัดแบบนั้น ชนัณกำลังจะพูดอะไรออกมา แต่ในเวลานั้นจิดาภาก็ชิงเอ่ยปากออกมาก่อน “ให้พี่สะใภ้อยู่ที่นี่นั่นแหละค่ะ ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่สบายใจเอา! ”กชกรพยักหน้าจิดาภาเองก็พูดขนาดนี้แล้ว แล้วเธอจะพูดอะไรได้อีกล่ะ ชนัณจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าตอบ“แม่คะ เราออกไปรอข้างนอกกันเถอะค่ะ” จิดาภาว่าจันทนีมองไปยังร่างของเปรมศักดิ์ที่นอนอยู่บนเตียง ท้ายสุดก็พยักหน้าลงและเดินออกไปชนัณเองก็มองไปที่กชกร ถึงแม้ว่าจะไม่สบายใจนัก แต่คุณหมอก็บอกว่าไม่ได้กระทบอะไรมากมาย เธอจึงเดินออกตามอีกสองคนไปภายในห้องพักผู้ป่วยจึงเหลือเพียงแค่กชกรกับเปรมศักดิ์เพียงสองคนถึงแม้ว่าจะรู้ ว่าเปรมศักดิ์ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่น้ำตาของเธอก็ยังคงไหลไม่หยุดเธอมองไปที่เขา สายตาของเธอนั้นไม่ได้เสียดแทงเหมือนเก่าก่อน ทั้งยังเต็มไปด้วยความอ่อนโยนลึกล้ำเธอยอมรับว่าเธอรักผู้ชายคนนี้ รักจนสูญเสียความเป็นตัวเองรัก จนแยกไม่ถูกว่าอะไรดีอะไรไม่ดีแต่ ณ ตอนนี้ จู่ๆ เธอก็รับรู้ขึ้นมาได้เธอมองไปที่เปรมศักดิ์ ยิ้มออกมาทั้งที่ยังร้องไห้ “เปรมขอโทษนะ…..ขอบคุณนายมากนะ”“ขอบคุณ….”ในคืนนี้กชกรเอาแต่นั่งมองเขาไม่วางตาดูเหมือนกับว่าเมื่อผ่านคืนนี้ไปแล้ว เธอจะไม่ได้เห็นเขาแล้วอย่างไรอย่างนั้นวันต่อมาในตอนเช้า กชกรเดินออกมาจากในห้อง เมื่อกลับไปนั้นทั้งจิดาภา จันทนีและชนัณต่างก็อยู่ที่ห้องของเธอเมื่อมองเห็นเธอ ทั้งหมดก็พลันลุกขึ้นมา“พี่สะใภ้…..” เมื่อเห็นจิดาภาจึงร้องทักกชกรกลับมองไปที่จันทนีและชนัณก่อนจะพูด “หนูขอคุยกับจิตามลำพังได้มั้ยคะ? ”ชนัณกับจันทนีหันมามองหน้ากับ “ฉันออกไปซื้ออาหารเช้าดีกว่า” จันทนีเอ่ยขึ้นชนัณเองก็เดินออกไปเช่นเดียวกันภายในห้องจึงเหลือเพียงแค่กชกรกับจิดาภาสองคนเมื่อได้ยินกชกรเรียกตัวเธอเองว่าจิ จิดาภาเองก็พอจะเดาได้ว่ากชกรนั้นไม่ได้โกรธอะไรเธอขนาดนั้นแล้ว“เธออยากจะคุยอะไรกับฉันอย่างนั้นเหรอ? ” จิดาภาถามขึ้นกชกรมองไปที่เธอ นัยน์ตายังมีน้ำตาเอ่อ “จิ นี่เธอไม่ได้โกรธไม่ได้เกลียดฉันแล้วอย่างนั้นเหรอ? ”จิดาภามีน้ำเอ่อที่ตาสว่างไสว เธอหัวเราะออกมา “ทำไมฉันจะต้องเกลียดเธอด้วยเล่า? ”“เธอน่าจะรู้นี่ ว่าคนที่ปล่อยข่าวให้ร้ายเป็นฉันเอง คนที่ทำร้าย บริษัทธีร์อธิศ จนเกิดอันตรายก็คือฉันเอง จริงๆ แล้วฉันก็ไปหาพันเดชด้วย…เธอไม่เกลียดฉันอย่างนั้นเหรอ? ”ถึงแม้ว่า จิดาภาจะพอเดาได้ว่าเรื่องเหล่านี้จะต้องเกี่ยวพันกับกชกร แต่เธอก็ไม่ได้เกลียดอะไรกชกรเลยจริงๆ หรือว่าบางทีเธอยังมีความรู้สึกผิดอะไรลึกๆ ในใจก็ได้ถ้าหากไม่ใช่เธอ บางทีตอนนี้กชกรอาจจะไม่ต้องมาเจ็บช้ำเศร้าใจแบบนี้ก็เป็นได้เวลานี้เองจิดาภาก็ดึงมือของกชกรเข้ามาจับ “เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายฉันนี่นา แล้วฉันจะไปเกลียดเธอทำไม อีกอย่าง ตอนที่เธอรู้ว่าฉันเข้าโรงพยาบาล เธอเองก็ไปเยี่ยมฉันไม่ใช่เหรอ? ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายฉัน เธอเพียงแค่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงเท่านั้นเอง”กชกรตะลึงงันไป สองตามองไปยังเธอเนิ่นนาน เธอจึงพูดออกไปเพียงไม่กี่คำ “ขอโทษ…จิ ฉันไม่ควรทำให้เธอต้องเจ็บตัวเลยเมื่อได้ยินคำว่าขอโทษ จิดาภาก็รู้ในทันทีว่ากชกรนั้นไม่ได้โกรธเคืองแล้ว อีกทั้งเรื่องมันก็ผ่านไปแล้วจิดาภากุมมือเธอเอาไว้ อีกทั้งยังยิ้มก่อนจะพูด “พี่สะใภ้ ไม่ต้องขอโทษอะไรฉันหรอกนะ ฉันไม่ได้โทษเธอเลย”“จิ….” กชกรเพียงแค่มองเธอ ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรออกไปถึงจะถูกจิดาภากลับมาเธอยิ้มๆ “เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องขอโทษหรอก ในความติดของฉันน่ะ ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นพี่สะใภ้ของฉัน” จิดาภาพูดอย่างเน้นคำ เมื่อพูดมาถึงตอนนี้ ดวงตาของกชกรก็ชุ่มไปหมดเธอยิ้มหัวเราะออกมา “จิ เธอดีอะไรถึงขนาดนี้ ทั้งยังเข้มแข็งอีกต่างหาก เธอจะต้องได้มีความสุขแน่ๆ ” กชกรพูดออกมาจากใจจิดาภายิ้ม “เธอเองก็เหมือนกันเธอจะต้องมีความสุขแน่ๆ แต่มันอาจจะมาช้าหน่อย แต่ยังไงจะต้องมาถึงแน่ๆ ”“นั่นสิ….”กชกรสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อที่จะฮึดเก็บน้ำตา “ฉันจะต้องมีความสุข แน่หล่ะ…..เพียงแต่ มันอาจจะช้าหน่อยเท่านั้นเอง….”จิดาภาไม่ได้พูดโดยมีนัยอะไร เพียงพูดไปเท่านั้น เธอไม่ได้คิดอะไรมากมายแต่เมื่อได้ยินที่กชกรพูดนั้น ก็เหมือนได้ยกหินออกจากอกไป รู้สึกโล่งสบายขึ้นมามากทีเดียวผ่านการพูดคุยกันในวันนี้ไป ทั้งสองก็เหมือนได้ปลดล็อกเกลียวในใจกันไปได้ทั้งคู่แต่ในวันเดียวกันนั้น กชกรก็ออกจากโรงพยาบาล“กชกร…..”เปรมศักดิ์ร้องเรียกขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ เขาตื่นขึ้นมาด้วยอาการตกใจเหมือนกับกชกรในห้องนั้นยังมีจิดาภา จันทนีอีกทั้งยังมีการันต์ร่วมอยู่ด้วย เมื่อเห็นว่าเขาฟื้น ทั้งสามก็โล่งใจขึ้นมา“พี่ใหญ่ ฟื้นแล้วเหรอ”“เปรม….” จันทนีมองไปที่เขาใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “เป็นยังไงบ้างลูก? เจ็บปวดอะไรตรงไหนมั้ย? ”เมื่อเห็นคนที่อยู่ตรงหน้า เปรมศักดิ์ก็ขมวดคิ้วถาม “แม่เหรอครับ? กชกรล่ะ….? เธอเป็นยังไงบ้าง? ” เปรมศักดิ์ถามด้วยความเป็นห่วง“เธอไม่ได้เป็นอะไรแล้ว เพียงมีบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ไม่ต้องเป็นห่วงนะลูกนะ” จันทนีบอก“ผมจะไปดูเธอ” พูดจบ เปรมศักดิ์ก็ถลันตัวจะลงจากเตียง“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว” ในตอนที่เปรมศักดิ์กำลังจะลงจากเตียงนั้นเอง จิดาภาก็รีบพูดขึ้นมาออกจากโรงพยาบาล? เมื่อได้ยินเท่านั้น คิ้วของเปรมศักดิ์ก็ยิ่งขมวดปมไปอีกด้วยความสงสัยจิดาภาพยักหน้าหงึกๆ “อืม”เปรมศักดิ์คิ้วยังคงขมวด สายตาเต็มไปด้วยความสับสนแต่ท้ายสุดเขาก็พยักหน้า “ดูท่า เธอจะไม่ได้เป็นอะไรมากนัก” สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ก็คงจะไม่ได้เป็นอะไรร่องรอยของความสูญเสียปรากฏชัดขึ้นมาในดวงตาของชายหนุ่ม โดยที่แม้แต่เขาก็ไม่ได้สัมผัสถึงมันเปรมศักดิ์นั่งอยู่ตรงนั้น ด้วยเพราะการออกแรงเมื่อครู่นี้ ทำให้กระทบกับบาดแผลบริเวณหน้าท้อง เขายกมือขึ้นมากุมเอาไว้ เพื่ออดกลั้นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมาจันทนีเห็นแบบนั้นก็พูดขึ้น “รีบนิ่งๆ ลูก อย่าขยับตัวไปเรื่อยไม่อย่างนั้นแผลจะเปิดขึ้นมาอีกนะ”เปรมศักดิ์เองก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรแล้ว เขาจึงได้แต่นั่งอยู่เฉยๆ เห็นแบบนั้นแม้แต่จิดาภาเองก็รู้สึกแปลกใจตั้งแต่พูดคุยกันเรียบร้อย เดิมทีเธอเองก็รู้สึกว่ากชกรคิดอย่างดีแล้ว แต่เธอไม่คิดเลยว่าหญิงสาวจะออกจากโรงพยาบาลไปนี่ไม่ใช่ลักษณะนิสัยของเธอเลยเมื่อวานนี้ เธอยังเป็นห่วงนั่งเฝ้าเปรมศักดิ์ทั้งคืน แต่ตอนนี้ไม่แม้แต่รอให้เปรมศักดิ์ฟื้นก็ออกจากโรงพยาบาลไปเสียแล้วอย่างนั้นเหรอ? ยิ่งคิด เธอก็รู้สึกถึงความไม่ปกติ“เมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ล่ะลูก? ” จันทนีกรวดถามลูกชายเปรมศักดิ์จึงเล่าให้ฟังอย่างรวบรัด เมื่อจันทนีฟังจบ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “เดี๋ยวนี้คนมันกล้าขึ้นมากขึ้นทุกวัน นี่ขนาดบนถนนดีๆ ยังจะมาดักจี้กันได้! ”เปรมศักดิ์ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น ใบหน้างามซีดเผือด“ลูกเองก็จริงๆ เลย ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนั้นแล้วก็เอาของไปให้มันไปก็จบแล้ว ของอะไรกันมันถึงได้มีค่ามากกว่าชีวิตล่ะ? ” จันทนีว่า แม้จะดูเป็นคำกล่าวโทษ แต่นั่นมันยิ่งทำให้เธอเป็นห่วงในขณะนั้นเอง เปรมศักดิ์ก็นึกภาพที่กชกรพยายามที่จะกุมกระเป๋าของเธอเอาไว้แน่นเพื่อที่จะให้คนๆนั้นคืนมาให้เธอ…..ด้วยนิสัยของกชกรไม่ใช่ว่าจะหวงของจนไม่รักษาชีวิตนี่นา หรือว่าของนั้นมันสำคัญกับเธอมากนะ? เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อเห็นเปรมศักดิ์ไม่ได้พูดอะไร จันทนีก็ถอนหายใจออกมา เธอไม่อยากจะไปกล่าวโทษอะไรลูกอีก “เอาล่ะ ลูกไม่ได้ทานอะไรมาวันหนึ่งแล้ว เดี๋ยวร่างกายจะไม่มีแรงเอา กินข้าวสักหน่อยเถอะ” จันทนีกล่าเปรมศักดิ์ไม่ได้พูดมากความอะไร กินข้าวตามที่แม่ของเขาบอกในบางครั้งการที่เปรมศักดิ์เชื่อฟังนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะเขากลัว แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากที่จะให้จันทนีกับการันต์ต้องเป็นห่วงเขาไปมากกว่านี้แล้วเมื่อเห็นเปรมศักดิ์กินข้าว จันทนีก็โล่งใจ สายตามองไปที่จิดาภา “จิ ลูกเองก็กินอะไรหน่อยนะ เมื่อคืนไม่ได้นอนเลย กินข้างเสร็จแล้วก็กลับไปพักสักหน่อยเถอะ ลูกท้องอยู่ด้วย อยู่หักโหมนักนะ”จิดาภาพยักหน้า “อืม เดี๋ยวพันเดชก็จะมารับหนูละค่ะ”เมื่อได้ยินว่าจิดาภาไม่ได้นอนทั้งคืน เปรมศักดิ์ก็หันไปมองด้วยสายตาที่อ่อนลง ก่อนจะกลับมากินต่อภาพนั้น ไม่มีใครสังเกตเห็นไม่นานนัก พันเดชก็มารับจิดาภากลับไปนั่งอยู่ในรถ จิดาภาตาแข็งไม่ง่วงเลยสักนิด “เกิดอะไรขึ้น? ”“ไม่มีอะไรเลยสักนิด! ” จิดาภาถอนหายใจออกมา เพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่กลับมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ท้ายสุดก็สามารถที่จะโล่งใจได้พันเดชขับรถต่อไป ผ่านไปพักใหญ่จึงถามขึ้นมา “ฉันว่าที่ไปรยาพูดนั้นก็มีเหตุผลนะ”“อะไรเหรอ? “ก็ที่ว่าฉันควรที่จะพาเธอไปไหว้พระอะไรอย่างเนี้ย! ”จิดาภาหัวเราะออกมา “นี่นายเชื่อด้วยเหรอ? ” “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่สิ ฉันไม่อยากเห็นเธอเข้าโรงพยาบาลแล้วนะ! ”เดาดูซิว่ากชกรกำลังคิดที่จะทำอะไรกันแน่นะ…..