หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 790 เจมน่าจากไป
ตอนที่ 790 เจมน่าจากไป
วันถัดมา
ที่ร้านน้ำชา
เปศลนั่งตรงข้ามการันต์ ทั้งสองคนอายุไม่ได้ห่างกันมาก แต่ว่านิสัยใจคอค่อนข้างจะไม่เหมือนกัน
เปศลมาจากทางสายมืด ดูมีพลังอำนาจ ความรู้สึกกดดันคนอื่นเยอะมาก ส่วนการันต์เป็นคนที่สร้างทุกอย่างมาด้วยมือเปล่า ถึงแม้ว่าความรู้สึกที่ทำให้คนอื่นกดดันจะไม่มีมากทเท่าเปศล แต่ว่าก็สงบนิ่งและเยือกเย็นเหมือนกัน
“ไม่รู้ว่าคุณการันต์นัดผมออกมาเนี่ย มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ? ”เปศลยกชาขึ้นดื่มแล้วก็ถาม
“ครั้งนี้ที่นัดคุณเปศลออกมาก็เพราะว่าอยากจะแสดงความขอบคุณหน่อย ถ้าเกิดว่าวันนั้นไม่มีคุณ ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ชีวิตของจิจะเป็นยังไง! ” การันต์จตอบ
พอได้ยินประโยคนี้ เปศลก็เหมือนจะสัมผัสได้แล้ว เขายิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็แค่เรื่องเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้น ตอนแรกคุณจิดาภาก็เคยช่วยผมเหมือนกัน ก็ถือว่าผลัดกันช่วยกันไปมา! ”
สำหรับเรื่องที่จิดาภาเคยช่วยเปศล การันต์ก็เคยได้ยินมาบ้างเล็กน้อย แต่ว่าเนื้อเรื่องเป็นยังไงนั้น เขาก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน
“ต่อให้เป็นแบบนั้น ผมก็ควรจะแสดงความขอบคุณอยู่ดี! ”
“คุณการันต์เกรงใจมากเกินไปแล้วครับ! ”
การันต์เองก็ดื่มชาเหมือนกัน คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดออกมา “ทำไมวันนั้นคุณเปศลบังเอิญไปที่โรงพยาบาลได้ล่ะครับ? ”
“ผมไปตรวจร่างกายเป็นประจำอยู่แล้ว วันนั้นตอนกลางวันไม่ได้นัด ก็เลยไปนัดตรวจตอนเย็น ใครจะไปรู้ว่าจะเจอโดยบังเอิญได้! ”
คำตอบแบบนี้ เหมือนกับว่าเขาได้เตรียมมาเรียบร้อยแล้ว พูดออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก
ปวีร์ก็มองอยู่จากทางด้านหลัง ก็รู้สึกทนไม่ค่อยได้
ทั้งๆ ที่เป็นลูกสาวของตัวเองแท้ๆ ยังทำเหมือนไม่มีอะไรอีก
การันต์ยิ้ม “มันช่างบังเอิญจริงๆ เลยนะครับ! ”
“ผมเคยบอกแล้ว ว่าผมกับคุณจิดาภามีโชคชะตาร่วมกันมากเลยนะครับ! ”เปศลหัวเราะและพูดออกมา
ใบหน้าของการันต์ดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ใช่สิ งานแต่งงานของลูกชายฉันวันนั้น คุณเปศลก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน วันนั้น ผมเห็นว่าคุณทำแหวนวงหนึ่งหาย แหวนวงนั้นคือ……?”
“มันเป็นของที่สำคัญกับผมมาก! ” เปศลตอบ
วันนั้น เขาลองหยั่งเชิงพวกเขา
แต่ว่าตอนนี้ เขากลับมาลองเชิงเขาแทน
“แหวนนั้น ดูมหัศจรรย์มาก ทำให้ผมรู้สึกประทับใจมากเลย! ”การันต์พูด
เปศลก็หัวเราะออกมา “มันไม่ได้มหัศจรรย์อะไรหรอกครับ ของในสมัยก่อน ก็เก็บไว้เป็นสมบัติน่ะ! ” นอกจากนี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไร จิดาภาเป็นลูกสาวของเขา เขารู้อยู่ล้ว แต่ว่าฉัตรชัยล่ะ? จิดาภาถูกเลี้ยงมาโดยตระกูลสวันนีย์ แล้วฉัตรชัยอยู่ที่ไหนกัน? แม้ว่าเขาจะอยากรู้เรื่องนี้มากแค่ไหนก็ตาม แต่ว่าเขาเคยให้คนไปสืบมาแล้ว ตระกูลสวันนีย์ไม่รู้จักฉัตรชัย แต่ว่ากลับมาคนนึง ที่ทำให้เขาประหลาดใจ นั่นก็คือ——วรชิต! ตอนแรกก็ยังมีความสงสัย แต่ว่าการที่การันต์มาหยั่งเชิงเขาแบบนี้ ก็ทำให้เขามั่นใจเรื่องหนึ่ง ก็คือเขาก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน พอได้ยินดังนั้น การันต์ก็พยักหน้า “ไม่ว่าจะยังไง ผมก็ต้องขอบคุณคุณเปศลที่ช่วยชีวิตมากๆ เรื่องนี้ผมจะจดจำไว้ในใจ ถ้าเกิดว่าต่อไปต้องการอะไร ก็ขอให้บอกมาได้เลยนะครับ! ” “ครับ! ” เปศลเองก็ไม่ได้เกรงใจอะไร อยู่ในทางสายมืดมานาน เขาชอบรับน้ำใจของคนมากที่สุดแล้ว พวกเขาทั้งสองคนดื่มชาแทนเหล้า ตอนนี้เอง โทรศัพท์ของปวีร์ที่อยู่ข้างๆ ก็ดังขึ้น หลังจากปวีร์รับสาย ก็เดินเข้ามาหาเปศล “ฌัลล์ โทรศัพท์! ” เปศลมอง แล้วก็รับโทรศัพท์ ผ่านไปไม่กี่วินาที เขาก็พูดออกมา “ฉันเข้าใจแล้ว จะไปเดี๋ยวนี้! ” หลังจากพูดจบ ก็วางสาย แล้วก็ส่งโทรศัพท์คืนให้ปวีร์อีกครั้ง “คุณการันต์ เกรงว่าจะดื่มชาเป็นเพื่อนคุณไม่ได้แล้ว ผมยังมีเรื่องให้ต้องจัดการ ต้องรีบไปก่อน เดี๋ยววันหน้าผมเลี้ยงคุณอีกนะ! ” การันต์มองหน้าเขา “คุณเปศลมีธุระก็ไปจัดการก่อนเถอะครับ เดี๋ยววันหน้าพวกเราค่อยคุยกันใหม่! ” “ครับ! ” เปศลพยักหน้า ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป การันต์ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม หลังจากเห็นเขาเดินลงไปแล้ว ก็เก็บรอยยิ้มทั้งหมดบนใบหน้าเขาเมื่อกี้ เปศลป้องกันอย่างหนาแน่นไม่รั่วไหล สืบไม่เจออะไรเลย แถมยังช่วยพูดให้จิดาภาอีก ดูเหมือนกับว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ว่าในใจกลับมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่…… ในโรงพยาบาล พันเดชคอยปกป้องจิดาภาอยู่ตลอด กลัวว่าเธอจะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดอะไร เพราะฉะนั้นก็เลยวางเรื่องที่บริษัททั้งหมดแล้วมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ หลังจากจิดาภาหลับไปแล้ว พันเดชก็นั่งอยู่ตรงนั้น หลังจากเงียบลงซักพัก พักนี้มีเรื่องหลายสิ่งหลายอย่างท่วมท้นในหัวเขามากเหลือเกิน เปศลมีเลือดRH- มันบังเอิญขนาดนั้นเลยหรอ? มันบังเอิญได้ขนาดนั้นจริงๆ หรอ? หรือว่า……ระหว่างพวกเขามีความสัมพันธ์อะไรกันแน่? ตอนกลางคืน แสงไฟในห้องไม่ได้สว่างเท่าไหร่ แต่ว่าสายตาของพันเดชนั้นสว่างอย่างน่าอัศจรรย์ส สายตาของเขามองไปที่จิดาภาที่นอนอยู่บนเตียง พยายามผูกเรื่องทั้งหมดเข้าด้วยกัน…… แล้วอีกอย่าง แม้แต่ตอนที่วรชิตเห็นเปศลนั้นก็ต่างกันมาก ท่ามกลางเรื่องนี้ ต้องยังมีเรื่องอะไรที่พวกเขายังไม่รู้แน่นอน นิ้วที่เรียวยาวแตะที่หน้าผากของตัวเอง เหมือนกับว่ากำลังวิเคราะห์เรื่องอะไรอยู่ ไม่ว่าจะเป็นยังไง เขาก็จัดการเรื่องนี้ให้กระจ่างให้ได้ แล้วในตอนนี้เอง เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้า คิ้วก็ขมวดเข้าหากัน เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างนอก เจมย่ายืนอยู่ตรงหน้าเก้าอี้ยาวด้านนอก ใส่ชุดผู้ป่วย ห้องของเธออยู่ข้างๆ นี่เอง แต่ว่าพันเดชไม่เคยเข้าไปเลย ตอนนี้เอง เห็นร่างกายที่ผอมบางของเธอนั่งอยู่ตรงนั้น แล้วอีกอย่างตอนนี้จิดาภาก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ความโกรธของเขาก็หายไปเยอะ ตอนนี้เอง เจมน่าก็เงยหน้าขึ้นมา ตอนที่เห็นเขานั้น ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที “พันเดช……” พันเดชยืนอยู่ตรงประตู พอได้ยินเสียงของเธอ ก็เปิดประตู แล้วก็เดินออกไปเบาๆ “ทำไมยังไม่พักผ่อนอีก? ” “ฉันนอนไม่หลับ……”ระหว่างที่พูดอยู่นั้น เจมน่าก็ก้มหน้าลง ใบหน้าเล็กๆ สีขาวไม่ได้ผ่านการเสริมสวยมาแม้แต่น้อย ดูแล้วน่าสงสาร “มันดึกมากแล้ว! ” “พันเดช ขอโทษนะ ครั้งนี้ฉันทำให้พวกเธอเดือดร้อน แถมยังเกือบทำให้พี่จิเกิดเรื่องขึ้นอีก! ” เจมน่าพูด ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ เธอจะขอโทษเขา แถมยังมีท่าทีปกติอีก พันเดชรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไหร่ “รู้ว่าผิดก็ดีแล้ว! ” เจมน่าพยักหน้า ไม่ได้ก้าวร้าวเหมือนแต่ก่อน เจมน่ามองหน้าพันเดช แล้วก็พูดอย่างจริงใจ “ตอนนั้นฉันเหมือนว่าจะเข้าใจแล้ว ว่าทำไมนายถึงชอบพี่จิ! ” “พันเดช ฉันอวยพรให้พวกเธอมีความสุขนะ! ” พันเดชมองหน้าเธอ เขารู้สึกว่าไม่เหมือนกับเจมน่าคนก่อน แต่ว่าตอนนี้ เขารู้สึกได้ถึงความจริงใจของเธอ เขายิ้ม “ขอบคุณนะ พวกเราจะเป็นแบบนั้น! ” เจมน่ามองหน้าเขา สีหน้าเหมือนพูดอะไรไม่ออก “ที่จริง นายรู้มั้ยว่าฉันชอบนาย? ” พันเดชไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่มองหน้าเธอ เจมน่าพูดออกมาเอง “ที่จริงแล้ว ครั้งแรกที่ฉันเห็นนายตอนเด็ก ฉันก็ชอบนายเลย เป้าหมายของฉันก็คือการได้แต่งงานกับนาย เป็นเจ้าสาวของนาย! ” พันเดชได้แต่เงียบ แต่ว่าเจมน่ากลับยิ้มแล้วพูดออกมา “จนถึง ตอนที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนั้น ฉันนึกว่าฉันจะตายแล้ว แต่ไม่คิดว่าฉันจะดีขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์แบบนั้น ฉันนึกว่า เพราะว่าฟ้าให้โอกาสฉัน! ” “เจมน่า……” “หลังจากนั้นนายก็จากไป ฉันก็นึกว่าพวกเราจะเป็นแบบนั้น แต่ไม่คิดว่า ลาภิศจะกลับโทรหาฉัน ฉันก็เลยหานายอีกครั้ง ตอนนั้นเอง ฉันถึงได้รู้ว่านายมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ฉันนึกว่า นายจะเหมือนกับเมื่อก่อน คนพวกนั้นสำหรับนายแล้ว ก็เหมือนเป็นแค่หมอกที่ผ่านสายตาไป แต่ไม่คิดว่า นายจะจริงจังกับคนนี้! ” พันเดชขมวดคิ้ว เม้มปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร “ตอนแรกฉันอยากจะดึงนายกลับมาหาฉัน แม้แต่เสแสร้งว่าคบกับนิสนธิ์ ก็เพราะว่าอยากจะดึงความสนใจจากนาย แต่ว่าตอนนี้เอง ฉันถึงได้รู้ว่า ใจของนายไม่ได้อยู่กับฉันตั้งแต่แรกแล้ว! ” “พันเดช นายเคยชอบฉันมั้ย? แม้ว่ามันจะเป็นแค่ นิดเดียว! ” เจมน่ามองหน้าเขาอย่างมีความหวัง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามของเธอ พันเดชก็ตอบ “เจมน่า……” “ที่จริง ต่อให้นายไม่พูด ฉันเองก็รู้เหมือนกัน! ” เจมน่าหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “แต่ว่าตอนนี้ ฉันคิดดีแล้ว สิ่งที่ฉันคาดหวัง มันหายไปตามกาลเวลาแล้ว และมันก็จะไม่กลับมาอีกแล้ว! ” เธอพูด ถึงแม้ว่าจะสะอื้นนิดหน่อย แต่ว่าใบหน้าของเธอยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เจมน่า สุดท้ายเธอจะเจอความสุขของเธอ! ” พันเดชพูด เจมน่ายิ้มพร้อมกับพยักหน้า “ฉันเองก็หวังแบบนั้นเหมือนกัน! ” พันเดชมองหน้าเธอ และคลี่ยิ้มออกมา “แน่นอน! ” เจมน่าหัวเราะ “พอแล้ว ดึกมาแล้ว ฉันจะกลับไปพักผ่อน! ” พันเดชพยักหน้า “อืม รีบไปพักผ่อนเถอะ! ” “นายเองก็เหมือนกัน! ” หลังจากพูดจบ เจมน่าก็ลุกขึ้นและกลับห้องตัวเองไป เห็นว่าเธอเดินเข้าไป พันเดชก็ไม่ได้รีบจากไป นั่งอยู่ตรงนั้นอีกซักพักถึงลุกขึ้นแล้วก็เดินกลับไป แต่ว่าเขาไม่รู้เลยว่า เจมน่าที่อยู่อีกห้องนึงนั้น หลังจากเข้าไปในห้อง ก็พิงประตู และน้ำตาก็พรั่งพรูออกมา เพราะว่ากลัวว่าพันเดชที่อยู่นอกห้องจะได้ยิน เพราะฉะนั้นก็เลยพยายามอดกลั้นไว้ กัดริมฝีปากแน่น เหมือนกับว่าต้องการจะปล่อยความทุกข์และความไม่สบายใจทั้งหมดร้องไห้ออกมา…… วันถัดมา