หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 782 คำแนะนำของลาภิศ
ตอนที่ 782 คำแนะนำของลาภิศ
คืนนี้ น่าจะนอนไม่หลับ
เจมน่านอนอยู่บนเตียงอยู่นาน ได้แต่พลิกตัวไปมานอนไม่หลับ ในหัววุ่นวายไปหมด เป็นแบบนี้จนถึงตอนตีสี่ เธอถึงจะนอนหลับไป
ตอนเช้า เธอก็ได้ยินเสียงออดที่ประตู เธอที่ยังง่วงอยู่เล็กน้อย พยายามดิ้นรนบนเตียงอยู่นานถึงจะลุกขึ้นมาได้
“ใครกัน! ” หลังจากเปิดประตู ก็เห็นนิสนธิ์ยืนอยู่หน้าประตู เจมน่าอึ้งไปเล็กน้อย “นิสนธิ์? นายมาได้ยังไงกัน? ”
“แน่นอนว่าเอาอาหารเช้ามาให้เธอน่ะสิ เป็นยังไงบ้าง เมื่อคืนหลับสบายมั้ย? ”นิสนธิ์พูดพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วก็เดินเข้าบ้านมาด้วยตัวเอง
“อื้อ……”เจมน่าตอบนิ่งๆ ก่อนจะปิดประตูแล้วก็เดินกลับเข้ามาในบ้านเหมือนกัน
นิสนธิ์วางอาหารบนโต๊ะอาหาร “รีบมากินข้าวเช้าเถอะ! ”
เจมน่าเดินเข้ามา นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขา มองอาหารเช้าที่เขาเอามาให้ แต่ว่าเธอกลับไม่ได้รู้สึกซึ้งใจเลยซักนิด ได้แต่รู้สึกผิดมากกว่า “ที่จริงนายไม่ต้องเอาอาหารเช้ามาให้ฉันตั้งแต่เช้าขนาดนี้ก็ได้นะ! ” เธอพูดออกมา
“จะได้ยังไงกันล่ะ เธอพึ่งจะย้ายเข้ามา ถ้ายังไม่ชินจะทำยังไงล่ะ ฉันเคยบอกแล้วว่าจะดูแลเธอเอง เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้น ฉันจะมากินข้าวเช้ากับเธอทุกวัน! ” นิสนธิ์พูด
การที่เขาเป็นแบบนี้ ทำให้เจมน่าได้แต่ตำหนิตัวเองและรู้สึกผิด
เธอไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่ก้มหน้า แล้วก็กินอาหารเช้าตรงหน้าลงไป
นิสนธิ์มองเธอ แล้วก็เริ่มกินอาหารเช้าเหมือนกัน “วันนี้อยากทำอะไรหรอ? ”
เจมน่าที่กำลังกินข้าวอยู่นั้น พอได้ยินก็ชะงักไปนิดหน่อย “วันนี้ฉันอยากจะพักผ่อนอยู่ที่บ้าน! ”
“เมื่อวานพักผ่อนไม่เพียงพอหรอ? ”
“อืม พึ่งนอนตอนตีห้านี่เอง เปลี่ยนที่ ก็เลยไม่ค่อยชินเท่าไหร่! ”เจมน่าพูดตามความจริง
นิสนธิ์พยักหน้า “ถ้ายังงั้นก็ได้ งั้นวันนี้เธอพักผ่อนให้ดีก่อน เดี๋ยววันอื่นฉันพาเธอออกไปข้างนอกเอง! ”
“อืม! ”เจมน่าพยักหน้า
ในเวลาเดียวกัน โทรศัพท์ของนิสนธิ์ก็ดังขึ้น พอเห็นเบอร์ เขาก็หยิบโทรศัพท์ไปรับที่อื่น
“ฮัลโหล……”เขากดเสียงให้เบา
“เดี๋ยวฉันจะหาทางแก้ไขเอง จะไปเดี๋ยวนี้! ” หลังจากพูดจบ ก็ตัดสายทันที
เดินกลับมา นิสนธิ์นั่งลง เจมน่าก็มองหน้าเขา “ทำไมหรอ? ”
นิสนธิ์ทำเป็นยิ้มเหมือนกับว่าไม่มีอะไร “ไม่มีอะไรหรอก ที่บริษัทเจอปัญหานิดหน่อยน่ะ”
“แล้วนายต้องรีบกลับไปมั้ย? ”
“รอกินข้าวเป็นเพื่อนเธอเสร็จแล้วฉันค่อยกลับไป! ” นิสนธิ์ตอบ
“ไม่ต้องหรอก ฉันว่านายรีบกลับไปที่บริษัทก่อนเถอะ จัดการเรื่องอื่นๆ สำคัญกว่านะ! ” เจมน่าตอบ
นิสนธิ์คิดซักครู่ แล้วก็พยักหน้า “ได้ ถ้ายังงั้นเธอกินเสร็จแล้วก็พักผ่อนหน่อยนะ เดี๋ยวตอนเย็นฉันมาหาเธออีก! ” “อืม! ”เจมน่าพยักหน้า นิสนธิ์ถึงจะหยิบกุญแจรถแล้วเดินออกไป มองดูแผ่นหลังของเขาที่เดินจากไป ทันใดนั้นเจมน่าก็กลับรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย เธอรู้สึกว่า การที่นิสนธิ์ดีกับเธอ มันดูเหมือนเป็นเรื่องเพ้อฝัน และเหมือนไม่ใช่ความจริง เพราะฉะนั้น ก็เลยทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ…… และก็ไม่ได้คิดอะไรให้มากมาย ในเมื่อมาแล้ว ก็ต้องอยู่อย่างมีความสุข ก็ทำได้แค่นี้เท่านั้น ยังไงก็ไม่สามารถถือกระเป๋ากลับไปที่ตระกูลฐิตานันท์ได้อีกแล้ว พอคิดถึงตรงนี้ หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เธอก็กลับไปนอนที่เตียงอีกครั้ง พอรู้ว่านิสนธิ์จะมาอีกทีก็ตอนเย็น เพราะฉะนั้นเธอก็เลยหลับอย่างสบายใจมาก หลับจนถึงตอนบ่าย เจมน่าก็ตื่นขึ้นมา เธอรู้สึกหิวเล็กน้อย อยากจะออกไปหาอะไรกัน แต่ว่าไปคนเดียวก็น่าเบื่อมากเกินไป หลังจากคิดไปคิดมา เธอก็เลยโทรหาลาภิศ ทั้งสองคนนัดกันข้างนอก เจมน่าก็กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับลาภิศจะไม่ได้ถือว่าดีอะไรมากมาย แต่ถึงยังไงก็ถือว่ารู้จักกัน เขาก็สนิทกับพันเดช เพราะฉะนั้นเธอก็เลยวางใจ “ทำไมอยู่ๆ ถึงนึกจะนัดฉันออกมากินข้าวล่ะ? ” ลาภิศมองหน้าเธอแล้วถาม อาหารที่อยู่ตรงหน้า แต่เขากลับไม่ได้มีความรู้สึกอยากกินอะไร ส่วนมากได้แต่นั่งมองเจมน่ากิน “อยู่ที่นี่ นอกจากเขาฉันก็รู้จักแค่นาย ถ้าไม่ให้เรียกนายแล้วจะให้เรียกใครล่ะ! ” “นั่นไง ฉันก็เป็นแค่ตัวสำรองสินะ! ” เจมน่ายิ้มเล็กน้อย “ไม่ต้องหึงหรอก ฉันไม่ได้เห็นนายเป็นตัวสำรองหรอก! ” ลาภิศยิ้มมุมปาก หยิบแก้วไวน์ตรงหน้า เขย่าเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ดื่มลงไปอย่างสง่างาม “ฉันได้ยินว่า เธอย้ายออกมาจากบ้านตระกูลฐิตานันท์แล้วหรอ? ” เจมน่าที่กำลังกินข้าวอยู่นั้น ก็อึ้งไปนิดหน่อย แม้แต่หน้าก็ไม่เงยขึ้นมา “ทำไมได้ยินเร็วจัง! ” “ท่าทางจะเป็นเรื่องจริงสินะ! ” “อืม เรื่อง……” เจมน่ากินต่อ การกินเท่านั้นที่จะสามารถซ่อนเร้นความหดหู่และความไม่สบายใจของเธอได้ ลาภิศวางแก้วไวน์ แต่ว่ามือของเขาก็ยังคงเล่นอยู่ที่ขอบแก้ว การกระทำดูสบายๆ แล้วก็พูดอย่างขี้เกียจ “ย้ายไปอยู่กับนิสนธิ์งั้นหรอ? ” “ดูท่าทาง นายน่าจะรู้ทุกอย่างเลยนะเนี่ย! ” เธอเคี้ยวอาหารแล้วก็พูดออกมาอย่างสบายๆ “เจมน่า เธอจริงจังหรอ? ” ลาภิศขมวดคิ้ว ดวงตาสีเข้มของเขาเหมือนจะมองทะลุทุกสิ่ง มองหน้าเธออย่างสงบและใจเย็น เจมน่าไม่รู้ว่าควรจะตอบว่าอะไร ได้แต่ตอบส่งๆ ไป “ฉันไม่รู้……”ความรู้สึกที่เธอมีให้กับพันเดช ถึงแม้ว่าลาภิศจะไม่ได้พูด แต่ว่าเขามองออก เขาคิดว่า เธอไม่น่าจะยอมแพ้เร็วขนาดนี้”“เธอจงใจทำให้พันเดชโกรธงั้นหรอ? ” เขาถาม แต่ว่าน้ำเสียงไม่ใช่น้ำเสียงขอคำถาม แต่เป็นความมั่นใจ เธอแสดงออกให้เห็นชัดเจนขนาดนั้นเลยหรอ? ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ แล้วทำไมแม้แต่ลาภิศยังมองออก แต่ว่าพันเดชมองไม่ออกกันล่ะ? เจมน่าไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าการเงียบก็เท่ากับการยอมรับไม่ใช่หรอ? ลาภิศยิ้มมุมปาก มองหน้าเธอด้วยสายตาเฉื่อยชา “เจมน่า เธอรู้ผลลัพธ์ของการที่เธอทำแบบนี้มั้ย? ” พอได้ยินดังนั้น เจมน่าก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ผลอะไร? ” “เธอรู้สึกว่าที่เธอทำแบบนี้ จะทำให้พันเดชเสียใจยังงั้นหรอ? ที่เธอทำแบบนี้ มันเป็นการทำลายตัวเองซะเปล่าๆ! ” ลาภิศพูดข้อเท็จจริงข้อนี้ออกมาอย่างเป็นกลาง ทันใดนั้นเจมน่าก็ใจสั่นทันที มองหน้าลาภิศ “ทำไม? ” “ข้อที่หนึ่ง เธอย้ายออกมาจากตระกูลฐิตานันท์ ก็เท่ากับว่าแบ่งระยะห่างกับเขา และก็ไม่ใช่การแบ่งระยะห่างที่ทำให้อะไรดีขึ้นด้วย ข้อที่สอง เธอย้ายออกมา ในสายตาของพันเดชนั้น ก็คือเธออยู่กับคนนั้น เธอคิดว่าเขาจะสามารถรับผู้หญิงที่อยู่กับผู้ชายคนอื่นได้ยังงั้นหรอ? ” ลาภิศถามทันใดนั้นก็เหมือนกับเจมน่าเข้าใจอะไรบางอย่าง ตอนนั้น เธอแค่คิดว่าอยากจะเรียกร้องความสนใจจากพันเดช หรือว่าทำให้เขาโกรธ แต่กลับไม่ได้คิดแบบนี้เลยซักนิด ถ้าดูจากตอนนี้แล้ว เหมือนกับว่าจะเป็นแบบนี้จริงๆ เธอนั่งอยู่ตรงนี้ หน้าซีดลงเล็กน้อย ลาภิศไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่จ้องหน้าเจมน่า สายตาที่ลึกลับทำให้คนที่มองเข้าไปรู้สึกสับสน “ฉัน……ไม่ได้อยู่ที่เดียวกับเขา ก็แค่อยู่ในอพาร์ทเมนต์อีกที่นึงของเขาเท่านั้นเอง! ” ผ่านไปซักพัก เจมน่าถึงได้พูดประโยคนี้ออกมา ลาภิศกลับเลิกคิ้วอย่างไม่ใส่ใจ และยกไวน์ขึ้นจิบอย่างสง่างาม “เรื่องราวที่แท้จริงมันเป็นยังไงกันแน่ ฉันรู้ไปก็ไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญก็คือให้พันเดชรู้มากกว่า แล้วอีกอย่าง เขาอยู่ในสังคมนี้มานาน ก็เป็นไปได้ว่าจะไม่เจอ! ” มือที่จับกุญแจอยู่นั้น ออกแรงมากขึ้น เจมน่าเงียบลง เหมือนกับว่าพึ่งจะนึกถึงความสำคัญของเรื่องราวนี้ได้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่ลาภิศพูดนั้นมีเหตุผลมาก เจมน่าเงยหน้าขึ้น มองหน้าลาภิศ สายตาเต็มไปด้วยความขอร้อง “ฉันรู้ แต่ว่าตอนนี้ทำอะไรได้บ้าง! ” “กลับไปเถอะ! ” “ไม่! ” เจมน่าปฏิเสธ “ทำไม? ” “ไม่ทำไม่หรอก! ” เจมน่าตอบ เธอเป็นคนย้ายออกมาเอง แล้วตอนนี้จะกลับไปเอง เธอควรจะพูดว่าอะไร ยังไงก็พูดไม่ออกหรอกเห็นเธอหนักแน่นแบบนี้ ลาภิศก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาพยักหน้า “ถ้ายังงั้นก็ได้ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว ถ้ายังงั้นฉันก็จะไม่พูดอะไรแล้ว! ” หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบอุปการณ์การกินตรงหน้าขึ้นมา แล้วก็หั่นสเต๊กกินเข้าไปอย่างสง่า เจมน่าก็เงียบลงอีกครั้งหนึ่ง มนุษย์นั้นเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ตอนที่คนอื่นโน้มน้าวนั้น ก็มั่นคงเด็ดเดี่ยวเป็นพิเศษ แต่ว่าตอนที่เขาไม่โน้มน้าวแล้วนั้น ก็รู้สึกผิดหวังมาก รู้สึกเหมือนว่าโดนละทิ้ง เจมน่าเองก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ทั้งสองคนก็กินข้าวกันต่อ “ใช่สิ แล้วเธอกับคนนั้นเป็นยังไงบ้าง? ” สำหรับชื่อของนิสนธิ์นั้น ลาภิศจำไม่ได้“ก็แบบนั้นแหละ! ” เจมน่าตอบเสียงอ่อนๆ ดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ “เขาชื่ออะไรนะ? ” “นิสนธิ์!”“อ้อ ใช่ เขานั่นเอง เธอรู้จักเขาดีงั้นหรอ? ” “ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ? ” “ฉันได้ยินมาว่า การหมุนเวียนเงินทุนของบริษัทเขามีปัญหา แล้วอีกอย่าง ยังติดหนี้อยู่อีกสี่ล้านหยวนแหนะ! ” ลาภิศพูดออกมาแบบเรียบง่าย เหมือนกับว่ากำลังพูดถึงเรื่องกินๆ นอนๆ อยู่ยังไงยังงั้น เจมน่าอึ้งไป ขมวดคิ้วแน่น ทันใดนั้นก็นึกถึงเรื่องที่เขาได้รับโทรศัพท์เมื่อเช้า ที่แท้ก็เรื่องนี้งั้นหรอ? “ได้ยินมาจากใครหรอ? ” “เรื่องนี้ แค่สืบหานิดหน่อย ก็หาเจอแล้ว ทำไม? เธอไม่รู้งั้นหรอ? ” ลาภิสถาม เจมน่า “……ฉันไม่เคยถามเลย! ” “ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็ขอแนะนำเธอหนึ่งเรื่อง ในสถานการณ์อะไรที่เธอยังไงไม่เข้าใจดี ก็อย่าทุ่มเงินออกไป! ”เขามองหน้าเธอและเตือน “ต่อให้เป็นแบบนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาอยู่กับฉันเพราะเงินนะ! ” เจมน่าตอบ ลาภิศพยักหน้าอย่างเห็นด้วยมากๆ “แต่ว่าในขณะที่บริษัทขาดทุนขนาดนี้ ยังสามารถพาเธอไปเที่ยวเล่น ก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผลไปหน่อยนะ ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็แค่เตือนเท่านั้น แล้วเธอจะทำยังไง เธอก็แค่ต้องระวังตัวเองก็พอแล้ว! ” ลาภิศพูดแค่นี้แล้วก็หยุด และไม่พูดอะไรมากกว่านี้ เจมน่าเองก็ไม่ได้ไปถามอะไรลาภิศต่อ หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็กลับ พอมาถึงชั้นล่าง ลาภิศก็เลิกคิ้วมอง “เธออยู่ที่นี่งั้นหรอ? ” เจมน่าพยักหน้า แล้วก็ลงจากรถ “ชั้นไหน? ” “12! ” ลาภิศพยักหน้า “โอเค ขึ้นไปเถอะ! ” “อืม นายก็กลับดีๆ นะ! ” ไม่ได้พูดอะไรมากมาย ลาภิศขับรถออกไป เจมน่าก็ขึ้นไปชั้นบน พอมาถึงชั้นบนนั้น เจมน่าก็นั่งลงดูทีวี ถึงแม้ว่าจะพึ่งย้ายออกมาได้แค่หนึ่งวัน แต่ว่าก็เห็นได้ชัดเจนว่า อยู่ที่นี่โดดเดี่ยวและน่าเบื่อมาก ห้องที่ว่างเปล่า มีเพียงแต่เสียงทีวีเท่านั้น จนถึงตอนเย็น เสียงออดก็ดังขึ้น เจมน่าก็รู้ดีว่า นิสนธิ์มาแล้ว เธอเดินไปเปิดประตู พึ่งจะเปิดประตู นิสนธิ์ก็เดินเซเข้ามา