หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 774 ความรู้สึกของเจมน่า
ตอนที่ 774 ความรู้สึกของเจมน่า
เช้าวันต่อมา
ขณะที่พันเดชกำลังนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ โทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น เขายื่นมือไปรับสาย
“ประธานพันเดช คุณนิสนธิ์รอคุณอยู่ด้านนอกค่ะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พันเดชตะลึงไปทันที รีบมองโทรศัพท์ “ให้เขาเข้ามา!”
“รับทราบ!”
หลังจากวางสาย พันเดชวางปากกาในมือลง ปิดแฟ้มเอกสาร ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก จากนั้นนิสนธิ์เดินเข้ามา
“ประธานพันเดช!”
พันเดชมองไปที่เขา ขมวดคิ้วขึ้น “มาหาผมมีธุระอะไรงั้นเหรอ?”
“ผมอยากคุยกับคุณ!”
พันเดชพยักหน้าลง “นั่งสิ!” จากนั้นยกหูโทรศัพท์ภายใน “เอากาแฟมาเสิร์ฟสองแก้ว!” เมื่อพูดจบก็วางสายลงทันที จากนั้นเขาลุกขึ้นไปนั่งที่โซฟา
ขณะที่นิสนธิ์กำลังจะนั่งลง เขามองดูรูปแบบของโซฟา ขนเป็ดสีขาว ไม่มีความเข้ากันกับการตกแต่งของห้องทำงานที่ดูจริงจังขึงขัง เขาคงไม่มีทางรู้ได้ ว่านี่เป็นของที่เขาจัดเตรียมไว้ให้จิดาภาโดยเฉพาะ อยากให้หล่อนมานั่งผ่อนคลายอย่างสบายใจที่นี่
พันเดชดูแลเอาใจใส่จิดาภาเป็นอย่างมาก มีเพียงคนที่เข้าใจเท่านั้นที่จะมองออก
พันเดชไม่สนใจว่าเขาจะคิดยังไง เดินไปนั่งลงทันที ขาเรียวยาวทั้งสองไขว้เข้าหากัน ความนิ่งขรึมและความมีเกียรติสูงส่งของเขาเปล่งประกายออร่าออกมา “มาหาผมมีธุระอะไร?”
นิสนธิ์มองเขา “ผมมาหาคุณ เพราะอยากคุยเรื่องเจมน่า!”
เขาเพิ่งจะเอ่ยปากพูดขึ้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เลขาผลักประตูเข้ามา พร้อมแก้วกาแฟสองใบในมือ “ท่านประธานคะ กาแฟค่ะ!” หลังจากวางแก้วลง หล่อนก็ออกไปทันที
จากนั้น พันเดชยกกาแฟตรงหน้าขึ้นมาดื่ม มองตรงไปที่เขา “เจมน่าทำไมงั้นเหรอ?”
“ประธานพันเดช วันนั้นที่คุณคุยกับผม ผมอยากจะบอกคุณว่า ผมไม่ได้หวังผลอะไรจากเจมน่าทั้งนั้น และไม่ได้คบกับหล่อนเพียงเพราะหวังผลประโยชน์อะไร!” นิสนธิ์กล่าว
พันเดชวางแก้วกาแฟลง เงยหน้ามองเขา “แล้วไงต่อ?”
“ผมจริงจังกับหล่อน!” นิสนธิ์ตอบกลับ
พันเดชยิ้มด้วยท่าทีมีเลศนัย พูดด้วยท่าทางเฉยเมย “ตั้งใจ? คุณนิสนธิ์ คุณเข้าใจเรื่องของหล่อนดีรึเปล่า?”
“ผมยังไม่เข้าใจดี แต่ผมจะพยายามทำความเข้าใจ!”
“ผมรู้ดี ผมรู้จักหล่อนที่ผับ รู้จักกันในสถานที่เช่นนั้น โดยปกติก็คือพวกที่ออกมาเที่ยวสนุก แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นเช่นนั้น!”
“สิ่งที่คุณอยากบอกผมก็คือ คุณปิ๊งรักจิดาภาตั้งแต่แรกพบ?” พันเดชขมวดคิ้วถามขึ้น
“ใช่ครับ!” นิสนธิ์ไม่อาจปฏิเสธได้
พันเดชยิ้มเล็กน้อย สายตานิ่งขรึมไม่แสดงท่าทีอะไร“ผมพอดูออก เจมน่าปฎิบัติกับคุณต่างจากคนอื่นมาก แต่ในเมื่อคุณไม่สามารถให้สิ่งที่หล่อนอยากได้ได้สำเร็จ ทำไมจึงไม่ให้โอกาสหล่อน ให้โอกาสผมสักครั้ง!?” นิสนธิ์ถาม เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา สายตาของพันเดชเปลี่ยนไปทันที เขามองนิสนธิ์ด้วยสายตาเฉียบคม “นายอยากพูดอะไร?”“ประธานพันเดชจะแต่งงานแล้วใช่ไหม? ผมขอแสดงความยินดีล่วงหน้านะครับ!” นิสนธิ์กล่าวพันเดชยิ้ม เขามองออกทันทีว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าไม่ธรรมดาแน่นอน “คุณนิสนธิ์ คำพูดพวกนี้ คุณไม่ต้องบอกผมหรอก รอให้คุณพ่อของเจมน่ามาก่อน แล้วคุณค่อยบอกเขาเอง!”นิสนธิ์ขมวดคิ้วขึ้น “คุณพ่อของเจมน่าจะมางั้นเหรอ?”“ใช่ มารับหล่อนกลับไป!”นิสนธิ์ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก “ดังนั้นสิ่งที่คุณพูดกับผมในวันนี้ สามารถรอให้พ่อของเจมน่ามาถึงก่อน แล้วพูดกับเขาเองแล้วกัน!” พันเดชพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำด้วยน้ำเสียงนิ่งขรึมและดึงดูด ราวกับมั่นใจว่าจะเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นนิสนธิ์เหลือบมองเขา ไม่พูดอะไร พยักหน้าลง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ!” จากนั้นเขาลุกขึ้นและเดินออกไป“คุณนิสนธิ์!” จู่ๆเสียงของพันเดชขึ้นมาด้านหลังเขานิสนธิ์หันหลังไป พันเดชยังนั่งอยู่ที่เดิม แต่กลับจ้องมองเขาด้วยสายตาโหดเหี้ยม “ก่อนที่พ่อของเจมน่าจะมา คุณรีบแก้ไขเรื่องเงินที่บริษัทก่อนเสียยังดีกว่า!”คำพูดนั้นทำให้นิสนธิ์ถอดสีหน้าทันที ไม่เกินความคาดหมาย เขาได้ตรวจสอบนิสนธิ์ไว้แล้ว“คุณสบายใจได้ ผมทำแน่นอน!” เมื่อพูดจบ นิสนธิ์เปิดประตูเดินออกไปทันทีเมื่อประตูถูกปิดลง พันเดชยิ้มด้วยท่าทีเยือกเย็นมีเลศนัย…จิดาภานั่งรออยู่ในร้านของไปรยาทันใดนั้น ใครบางคนเดินเข้ามาด้วยท่าทีโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ“ขอโทษนะจิ ฉันมาสายแล้ว!” ไปรยาพูดพลางนั่งลง ขณะเดียวกันจีจี้ก็นำเครื่องดื่มที่ไปรยาชอบดื่มมาเสิร์ฟ เมื่อไปรยาหยิบแก้วยกขึ้นมา ก็กระดกดื่มเข้าไปหลายอึกจิดาภานั่งอยู่ตรงหน้าหล่อน เมื่อเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะขึ้นมาทันที “จะว่าไปพอเป็นผู้ช่วยดาราดังก็เปลี่ยนไปเลยนะ ยุ่งอะไรขนาดนี้!”“เฮ้อ ไม่ขนาดนั้นหรอก ก็แค่ต้องเจอกับผู้คนเยอะ อย่างฉันถือว่าดีหน่อย ฉันเพิ่งเข้าใจว่า การเป็นผู้ช่วยไม่ใช่ใครก็เป็นได้!”“ทำไมล่ะ?” “พวกดาราพวกนั้นไม่เห็นผู้ช่วยเป็นคนหรอก เหนื่อยจะเป็นจะตาย ไม่ยอมให้หยุด!” ไปรยากล่าว “เธอยังเป็นวัยรุ่นไฟแรง พอจะมองออกว่าเอลิสต์คงไม่อยากให้เธอเหนื่อยมาก!” จิดาภาหัวเราะพลางพูดขึ้นไปรยาหัวเราะ ส่ายมือไปมา “ก็อย่างนั้นแหละ สบายนิดหน่อย!” ถึงจะพูดเช่นนั้น แต่สายตาอันมีความสุขของหล่อนก็ปกปิดไม่ได้ว่าหล่อนมีความสุขมากขนาดไหน“เอลิสต์เป็นยังไงบ้าง ปรับตัวได้แล้วยัง?” ไปรยาพยักหน้า “ช่วงนี้กำลังฝึกอยู่ แต่ฉันได้ยินพีทบอกว่าจะให้เขาเป็นพระเอกละครเรื่องหนึ่ง!” จิดาภาตกใจตะลึง “ดูไปแล้วเส้นทางซุปเปอร์สตาร์อย่างเอลิสต์คงไม่ลำบากมาก!”เมื่อพูดถึงเอลิสต์ ไปรยาพยักหน้าตลอด สายตาเปล่งประกายไปด้วยความสุข “วันนี้ไปเทสหน้ากล้อง ผู้กำกับบอกว่าดีมาก ยังถามเขาว่าจบจากสถาบันการแสดงที่ไหน แต่แท้จริงแล้วเอลิสต์ไม่เคยเรียนมาก่อนเลยสักนิด!” “เป็นคนมีพรสวรรค์มาเกิดชัดๆ!” จิดาภาพูดออกความเห็นไปรยาพยักหน้า ทานขนมตรงหน้าอย่างหัวเราะชอบใจ “ฉันก็คิดว่าแบบนั้นแหละ!”“ตอนนี้เธอมีความสุขแล้ว ยุ่งขนาดนี้ ถึงตอนนั้นยังเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ฉันได้อีกไหมเนี่ย?” จิดาภาถามขึ้น “แน่นอนสิ เธอสบายใจได้ ฉันคุยกับเอลิสต์แล้ว ถึงวันนั้นพวกเราต้องไปให้ได้ ต้องเลี่ยงงานทั้งหมดไปร่วมงานให้ได้!”“ให้มันได้แบบนี้สิ!”ไปรยายิ้ม “เอ้อใช่ ช่วงนี้ฉันไม่ได้โทรหาเธอเลย เธอเป็นยังไงบ้าง?”“เหมือนเดิม!”“นังปีศาจนั่นยังก่อเรื่องอะไรอีกไหม?”“หล่อน…ช่วงนี้มีแฟนใหม่แล้ว!”ไปรยาที่กำลังดื่มน้ำอยู่ เกือบสำลักพุ่งออกมา “แฟน? จริงเหรอเนี่ย?”“ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่สรุปแล้ว ก็มีหนึ่งคน!” ไปรยากินพลาง จินตนาการพลาง “คงไม่ได้เป็นเพราะหล่อนหามาคบชั่วคราว เพื่อยั่วโมโหพันเดชใช่ไหม!”เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ สายตาของจิดาภาหยุดมองที่หล่อนทันที สิ่งที่หล่อนพูดช่างเหมือนกับความรู้สึกของหล่อนในตอนนี้“ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ? หน้าฉันมีอะไรติดเหรอ?” ไปรยาถาม จิดาภาส่ายหน้า หรี่สายตาลง “ฉันแค่รู้สึกว่า ตั้งแต่ไปอยู่กับเอลิสต์ เธอฉลาดขึ้นมากเลยนะ…”ทำไมไปรยาถึงรู้สึกว่า สิ่งที่ไปรยาพูดไม่ใช่การชื่นชมสองวันต่อมาAlbert มาถึงเมืองAมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเขามาที่นี่ เพราะยศถาบรรดาศักดิ์ของเขา เขาจึงต้องเหมาโรงแรมทั้งหมดกลางดึก พันเดชพาจิดาภาพาหล่อนออกไปจิดาภาไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไหร่ หล่อนรู้จักมหาเศรษฐีมาเลเซียผู้นี้จากการพูดถึงของเจมน่าและพันเดชเพียงสองครั้ง ในส่วนเรื่องนิสัยของเขาว่าเป็นคนยังไง หล่อนไม่รู้เลยจริงๆขณะที่ยืนอยู่ด้านนอกโรงแรม พันเดชใช้ภาษามาเลเซียพูดคุยกับคนที่อยู่ด้านนอก จากนั้นเขาเปิดประตูออกให้เข้าไปได้ทันที แสงไฟในโรงแรมส่องเป็นประกาย ภายในมีคนยืนอยู่สองคน สวมชุดสีดำ เห็นได้ชัดว่า เมื่อเศรษฐีจะออกไปไหน ต้องมีคนคุ้มกันรอบด้านตลอดตอนนั้นเอง มีผู้ชายวัยกลางคนยืนหันหลังให้ประตู สูงปานกลาง ไม่อ้วนไม่ผอม“อาจารย์!” ทันใดนั้น พันเดชเอ่ยปากเรียกขึ้น“มาแล้วเหรอ?” Albertหันหลังมา พูดด้วยภาษาจีนด้วยสำเนียงมาตรฐานสิ่งที่ทำให้จิดาภาต้องตกใจก็คือ Albertหน้าตาค่อนข้างแปลก มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่เหมือนกับเจมน่า ว่าไปแล้วดวงตาอันสวยงามเป็นประกายของเจมน่าได้มาจากAlbertนี่เองเมื่อเห็นพันเดชมากับผู้หญิงอีกคน สายตาของAlbertกวาดมองมาที่จิดาภาสักพัก “อาจารย์ครับ ขออนุญาตแนะนำ หล่อนชื่อจิดาภา ภรรยาของผมครับ!” พันเดชพูดแนะนำจิดาภามองAlbertด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ทำท่าทางทักทายเขาAlbertเบี่ยงสายตา มองหน้าเขา จากนั้นพูดขึ้น “นั่งเถอะ!”พันเดชจูงมือจิดาภามานั่งอีกด้านหนึ่ง“ได้ข่าวว่าพวกเธอจะแต่งงานกันแล้ว?”“เดือนหน้าครับ!”Albertพยักหน้า ไม่พูดอะไรต่อ พันเดชจึงเอ่ยปากพูดขึ้น “หรืออาจารย์จะรอให้พวกเราแต่งงานกันก่อนแล้วค่อยกลับดีครับ!”“ไม่เป็นไร ที่ฉันมาครั้งนี้ก็เพื่อพาเจมน่ากลับไป!” Albertกล่าว น้ำเสียงนิ่งเรียบ เดาอารมณ์ไม่ออก จิดาภากำลังคิดว่า บางทีAlbertคงคิดอยากได้พันเดช แต่คิดไม่ถึงว่าเจมน่าจะไม่มีทางคบกับพันเดชได้ขณะที่กำลังคิดอยู่ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เจมน่าเดินเข้ามา เมื่อเห็นพันเดชกับจิดาภา หล่อนชะงักไปทันที สายตามองไปที่พันเดชด้วยความไม่พอใจเท่าไหร่จากนั้นสีหน้าเปลี่ยนไป ยิ้มให้Albert “คุณพ่อ พ่อจะมาที่นี่ทำไมไม่บอกก่อนล่ะคะ!” หล่อนเดินเข้าไปกอดAlbertด้วยความออดอ้อน“ถ้าไม่ได้เป็นห่วงลูก พ่อคงไม่ต้องมาที่นี่เองหรอก!” แม้ว่าคำพูดนั้นจะแฝงไปด้วยความหมายตำหนิ แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความอบอุ่นที่บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้“หนูไม่เป็นอะไรแล้ว แค่มีคนทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่!” เจมน่าโยนปัญหาไปให้พันเดช พันเดชที่นั่งอยู่ตรงนั้นกลับไม่พูดอะไร เรื่องทุกอย่างเป็นยังไง Albertรู้ดีอยู่แก่ใจ“สุขภาพเป็นยังไงบ้าง?” พ่อจัดหาหมอไว้ให้ลูกเรียบแล้ว พรุ่งนี้กลับไปก็ไปตรวจได้เลย!” Albertกล่าว