หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 764 ได้ยินความลับ
ตอนที่ 764 ได้ยินความลับ
หยิบโทรศัพท์มือถือออกไป จิดาภานั่งลง แม้ว่าพันเดชจะไม่ได้เปิดปากพูดอะไร แต่เธอเองก็รู้ได้ว่า
ใครโทรมา
พันเดชกดรับสาย“ฮัลโหล!”
“เดช คุณอยู่ไหน”คนในโทรศัพท์ ไม่ใช่ใครอื่น คือเจมน่า
“ผมกำลังกินข้าว!”
“อยู่กับพี่จิดาภาและครอบครัวของเธอหรือเปล่า”เจมน่าถามอย่างสบายอารมณ์
พันเดชขมวดคิ้ว มองไปโดยรอบ“รู้ได้ไง”
“เรื่องที่คุณจะแต่งงาน เกรงว่าคงจะรู้กันทั้งโลกแล้วล่ะ แล้วฉันจะไม่รู้ได้ไง!”
พันเดช“……”
“คุณสบายใจเถอะ ฉันโทรมาไม่ได้มีอะไร ก็แค่โทรมาอวยพรให้มีความสุข!”
“เจมน่า……”
ตุ๊ดๆๆ……
ในตอนที่พันเดชยังคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไร โทรศัพท์ก็ได้ตัดสายไป
พันเดชมองดูโทรศัพท์มือถือ สุดท้ายก็เดินกลับไปที่ห้องอาหารส่วนตัว
เดิมทีทุกอย่างก็ราบรื่นดี แต่เพราะโทรศัพท์สายเดียวของเจมน่า จึงทำให้อารมณ์ของพันเดชรู้สึกหนักอึ้ง
ในเวลานี้เอง จิดาภาจ้องมองเขา“เป็นอะไรไปหรือคะ”
พันเดชยิ้ม เก็บมือถือกลับ“ไม่มีอะไร!”
จิดาภาเองก็ไม่ได้ถามอะไรมาก กินข้าวต่อไป
จนกระทั่งจบงานเลี้ยงอาหาร
พวกเขาจึงได้แยกย้ายกันกลับไป
แน่นอนว่าจิดาภากลับไปกับพันเดช ส่วนเปรมศักดิ์ขับรถพาการันต์ จันทนีและกชกรกลับ
ส่วนครอบครัวของหญิงชรา มีรถรับส่งประจำตัวอยู่แล้ว
หลังจากกลับไป อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย ทั้งคู่จึงนั่งตากลมอยู่ที่ระเบียง จิดาภามองดูพันเดช“เป็นอะไรไปหรือคะ เห็นหลังจากรับโทรศัพท์คุณก็ดูไม่สบายใจเลย เป็นโทรศัพท์ของเจมน่าหรือคะ”
พันเดชไม่ได้ปฏิเสธ จึงพยักหน้ารับ“อืม!”
“เธอเป็นอย่างไรบ้าง”
“แค่พูดมาไม่กี่คำ พูดยังไม่ทันจบก็วางสายไป!”
“แล้วคุณจะไปดูเธอหน่อยไหมล่ะคะ”จิดาภาถาม
“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้ดึกมากแล้ว มีเรื่องอะไรค่อยว่ากันพรุ่งนี้ดีกว่า!”พันเดชกล่าวจิดาภาก็ไม่ได้ยืนกรานอะไรต่อไป พยักหน้า เวลานี้ สายตาเธอทอดมองไกล ราวกับคิดอะไรอยู่ในเวลานี้ พันเดชเดินไป โอบกอดเธอจากด้านหลัง“คิดอะไรอยู่เหรอ”“เดชคะ มีเรื่องๆหนึ่ง ฉันอยากจะบอกคุณ!”จู่ๆจิดาภาพูดขึ้นพันเดชหันหน้าไปด้านข้าง มองดูด้านข้างของเธอ หยุดชะงักเล็กน้อย แล้วพูดขึ้น“เรื่องอะไรเหรอ”“ฉัน……”จิดาภาลังเลเล็กน้อย“ที่จริง ฉันไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของตระกูลวันนีย์!”จิดาภากล่าวเรื่องนี้ พันเดชเองก็รู้นานแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า จิดาภาจะพูดเรื่องนี้“อย่างนั้นเหรอ”เขายักคิ้วถามขึ้นเห็นทีท่าของเขาไม่ได้มีความประหลาดใจแม้แต่น้อย จิดาภาจึงขมวดคิ้ว น้ำเสียงค่อนข้างหนักแน่น“ปฏิกิริยาของคุณราบเรียบมากเลยนะคะ!”พันเดชสบตาเธอ“ที่จริงเรื่องนี้ ผมรู้แล้วล่ะ……”รู้แล้วอย่างนั้นเหรอจิดาภามองดูเขาอย่างตกตะลึง“คุณรู้ได้อย่างไรกันคะ!”“คุณพ่อคุณบอกผมเอง!” จิดาภาตะลึงงันเล็กน้อย“หลังจากที่ตัดสินใจจะเริ่มต้นความสัมพันธ์กับคุณ คุณพ่อคุณก็เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง แล้วยังกำชับให้ผมดูแลคุณให้ดี เปิดใจให้กว้างกับคุณ!”พันเดชกล่าวจิดาภายืนอยู่ตรงนั้น เธอแทบจะคิดไม่ถึง ว่าพันเดชได้รับรู้แล้วในใจเธอ มากน้อยก็ยังรู้สึกตกตะลึงอยู่บ้าง“คุณวางใจเถอะ ไม่ว่าคุณจะเป็นลูกของตระกูลวันนีย์หรือไม่นั้นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ คุณคือจิดาภาที่ยืนอยู่ในใจผม จิดาภาที่มีเพียงคนเดียว!”พันเดชกล่าวได้ฟังแบบนี้ จิดาภาจึงยกมุมปากยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย แล้วปล่อยให้พันเดชโอบกอด“ที่จริง มาจนถึงตอนนี้ ฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่าพ่อแม่ที่แท้จริงเป็นใคร!”จิดาภากล่าว“แล้วคุณไม่คิดจะออกตามหาบ้างหรือ”พันเดชถามจิดาภาส่ายหน้า“เรื่องนี้น่ะ ฝืนกันไม่ได้หรอก ถ้าหากมีบุญสัมพันธ์กันจริง ก็คงจะได้พบเอง อีกอย่างคุณพ่อกับคุณแม่ก็ปฏิบัติกับฉันราวกับลูกสาวแท้ๆ แล้วทำไมฉันจะต้องดันทุรังออกตามหาด้วยเล่า!”“จะให้ผมช่วยคุณตามหาหรือเปล่า!?”พันเดชถามจิดาภาส่ายหน้า“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันชอบชีวิตตัวเองในตอนนี้ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า!”พอได้ฟังจิดาภาพูดแบบนี้ พันเดชจึงพยักหน้าวุฒิภาวะของจิดาภา ไม่ใช่สาวน้อย แม้ว่าเธอจะอายุไม่มากนัก แต่ว่ากลับมีความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินตัวเธอไม่ได้ต้องการจะมุ่งเน้นเฟ้นหาคนสายเลือดเดียวกัน หากแต่เลือกที่จะถนอมความสัมพันธ์ที่อยู่ตรงหน้า และด้วยความรู้สึกนี้เอง จึงทำให้เธอได้รับการทะนุถนอมเป็นทวีคูณทั้งคู่ยืนอยู่ที่ระเบียงเป็นนานสองนาน พันเดชจึงเอ่ยปากขึ้น“เอาล่ะ ดึกมากแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ ตอนนี้กำหนดฤกษ์แต่งงานเรียบร้อยแล้ว วันข้างหน้า คุณอาจจะต้องเหนื่อยหน่อยนะ เพราะฉะนั้น รีบพักผ่อนเถอะ!”ได้ยินดังนี้ จิดาภาจึงพยักหน้า“อืม!”“จริงสิ จิ ผมมีอะไรจะพูดกับคุณ!”“อะไรหรือคะ”จิดาภาถาม“พอแต่งงานแล้ว คุณอยากจะอยู่ในเมือง หรือกลับไปอยู่ที่บ้านเกิด!?”พันเดชถามจิดาภามองเขา“แล้วคุณล่ะคะ”“คุณอยู่ที่ไหน ผมก็อยู่ที่นั่น!”พันเดชกล่าวได้ยินแบบนี้ จิดาภาจึงยิ้มออก“งั้นกลับไปอยู่บ้านเกิดเถอะค่ะ ฉันกำลังท้องอยู่คนเดียวก็ไม่สะดวก พอกลับไปก็จะมีคุณย่ากับคุณแม่ แบบนี้ฉันก็จะได้ไม่เบื่อเกินไปด้วย!”คำตอบแบบนี้ ทำให้พันเดชพึงพอใจมากเขาเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ที่จริง ตอนที่เขาถามคำถามนี้ออกมา จิดาภาก็น่าจะดูออกแล้ว“ตกลง ตามนี้แล้วกัน!”“คุณพันเดช นี่คือจุดประสงค์ของคุณหรือเปล่า!?”จิดาภาอมยิ้มถาม“มีคนดูแลคุณ นี่ต่างหากจุดประสงค์ของผม อยู่ที่บ้านเกิด เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด!”จิดาภาส่งยิ้ม ทั้งคู่ขึ้นเตียง จิดาภาเอนพิงพันเดช แล้วหาที่ที่สบายที่สุดพันเดชหันหน้ากลับไปมองเธอ“เอาล่ะ ดึกมากแล้วนะ นอนเถอะ!”“ค่ะ!”“ราตรีสวัสดิ์!”“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ!”หลังจากดับไฟลง ห้องทั้งห้องก็จมลงสู่ความมืดและเงียบสงบเวลานี้ ก็ยังไม่ได้ดึกมากเท่าไหร่อีกด้านตระกูลวันนีย์หลังจากที่พวกเขากลับไป เปรมศักดิ์จึงเข้าไปที่ห้องหนังสือ ส่วนกชกรนั้นกลับห้องการันต์กับจันทนีเองก็กลับห้องเช่นกันหลังจากที่อาบน้ำเรียบร้อย ทั้งคู่จึงคุยกันจันทนีอดถอนหายใจออกมาไม่ได้การันต์จึงมองเธอ“เป็นอะไรเหรอ”“ผมไม่สบายใจเลย!”“ไม่สบายใจเรื่องอะไรคะ”“ใครๆก็ว่า แต่งลูกสาวออกจะทุกข์เพียงแค่ครั้งเดียว แต่ตอนนี้ฉันทุกข์สองครั้ง ลูกสาวดันไปแต่งกับผู้ชายคนเดียวกัน!”จันทนียิ้ม แม้จะพูดอย่างนั้น แต่ก็อดขันไม่ได้การันต์มองดูเธอ ยิ้มเล็กน้อย“เอาเถอะน่า อย่าได้ไม่สบายใจไปเลย ใช่ว่าต่อไปจะไม่ได้เจอหน้ากันสักหน่อย ดูออกน่า ว่าตระกูลฐิตานันท์ดีกับลูกเราไม่น้อย เราก็ควรจะสบายใจ!”จันทนีพยักหน้า“ก็จริงนะคะ ดูออกอยู่ คุณนายแกเอ็นดูยัยจิมากเลยนะคะ!”“แม้ว่า หนูจิจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของเรา แต่ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันก็เห็นแกเป็นเหมือนลูกสาว ลูกมีความสุข ฉันก็สบายใจ!”“เอาล่ะ ผมรู้ว่าคุณรักแก หนูจิไม่ใช่คนแล้งน้ำใจ ลูกจะต้องรู้ความในใจของคุณ!”การันต์พูดปลอบพูดถึงเรื่องนี้ จู่ๆจันทนีก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้“คุณว่า หนูจิน่าจะรู้แล้วตั้งนานไหมนะ!”พอพูดถึงความเป็นไปได้ในข้อนี้ การันต์เองก็รู้สึกตกตะลึงเหมือนกัน สายตาเขาจับจ้องไปที่จันทนี สองคู่สบตากันไปมา สุดท้ายการันต์จึงเอ่ยปากขึ้น“ไม่น่าจะหรอกมั้ง!”“คุณยังจำได้ไหม ปีที่พวกเขาอายุสิบกว่า เดิมทีหนูจิกับตาเปรมเรียนบริหารด้วยกัน แล้วผลการเรียนของหนูจิก็ไม่แพ้ตาเปรมเลย เห็นได้ชัดว่า หนูจิเรียนได้ดีมาก แต่จู่ๆกลับบอกว่าไม่เรียนแล้วและก็เลิกเรียนไปดื้อๆ ……”“คุณหมายความว่า……”จันทนีพยักหน้าการันต์คิดตาม“ตอนนี้มาคิดดู ตอนนั้นมันกะทันหันจริงๆนะ!”“ฉันจำได้ หลังจากนั้น หนูจิก็ไม่เคยมาออดอ้อนฉันอีกเลย แล้วก็ไม่เคยร้องขออะไรอีกเลย!”พูดถึงตรงนี้ ยิ่งพูดยิ่งมีความเป็นไปได้การันต์มองดูเธอ“เอาเถอะนะ อย่าคิดต่อเลย รู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี หนูจิก็คือลูกสาวเรา ผ่านมาตั้งหลายปี ตอนนี้จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้”“ฉันรู้ค่ะ!”จันทนีกล่าว“ฉันแค่ห่วงว่า หลังจากที่หนูจิรู้ ลูกจะตำหนิเราไหม”“ตามที่คุณพูด ถ้าลูกรู้แล้วแต่แรก ลูกก็ไม่ได้โทษอะไรเราไม่ใช่เหรอ”จันทนีพยักหน้า“เอาล่ะ อย่าคิดมากไปเลย ดึกมากแล้วนะ รีบพักผ่อนเถอะ!”“ค่ะ!”จันทนีพยักหน้า หลังจากที่ทาครีมบำรุงเธอจึงขึ้นเตียงนอน เพิ่งเอนตัวลง จู่ๆก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้“จริงสิคะ การันต์ หนูจิแต่งงาน คุณตัดสินใจอย่างไรบ้าง”การันต์นอนเอนกาย พอพูดถึงปัญหานี้ขึ้นมา เขาจึงตั้งใจคิดพิจารณาจริงจัง“แล้วคุณคิดว่าอย่างไรดี”“ฉันได้ยินมาว่า หนูจิได้หุ้นตระกูลฐิตานันท์มายี่สิบเปอร์เซนต์ ตอนนี้เป็นหุ้นใหญ่ในตระกูลฐิตานันท์ น่าจะมีหุ้นในมือมากกว่าพันเดชด้วยซ้ำ!”จันทนีกล่าวการันต์ตกตะลึง เรื่องนี้ เขาเองก็ได้ยินมาเหมือนกัน แต่ยังไม่เคยถามจิดาภา“ดูท่า ตระกูลฐิตานันท์ใส่ใจหนูจิจริงๆนะคะ!”จันทนีพยักหน้า“แม้ว่าหนูจิจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของพวกเรา แต่ว่าแต่งให้กับพันเดช เราก็จะทำให้ลูกลำบากใจไม่ได้นะคะ!”“ถ้าให้หุ้นของตระกูลวันนีย์กับหนูจิอีกยี่สิบเปอร์เซนต์คุณคิดว่ายังไง”การันต์ถาม จันทนีลังเลครู่หนึ่ง จึงพยักหน้า“ค่ะ ได้!” “คุณไม่กังวลเหรอว่าในวันที่ลูกรู้ความจริงแล้วจะไปพร้อมกับหุ้นยี่สิบเปอร์เซนต์!?”จู่ๆการันต์ก็ยิ้มแล้วถามขึ้น