หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 756 เสียเก้าหยวน
ตอนที่ 756 เสียเก้าหยวน
ใครจะไปรู้ว่าคำพูดต่อไปของเปรมศักดิ์ทำให้กชกรแข็งทื่อไปทั้งตัว “เอาล่ะ มันดึกมากแล้ว รีบพักผ่อนกันเถอะ !”
พักผ่อน ?
ดวงตาของกชกรก็จ้องมองไปที่เปรมศักดิ์ นี่เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองพูดหรือว่าจะเป็นเธอเองที่ยังพูดชัดเจนไม่พอ
เธอเชื่อว่าเปรมศักดิ์จะเข้าใจสิ่งที่เธอพูดอย่างแน่นอน !
แต่ทำไม……
เห็นว่าเปรมศักดิ์จะผลักเธอออกไป กชกรจึงกระวนกระวายไปบ้าง จึงดันตัวขึ้นแล้วจูบไปที่ริมฝีปากของเขา
เปรมศักดิ์อึ้ง
นึกไม่ถึงเลยว่ากชกรจะเริ่มจูบเขาก่อน ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง
อย่างน้อยกชกรก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง สำหรับเรื่องที่เป็นฝ่ายเข้าหาก็ต้องรวบรวมความกล้าแล้วยืนหยัดไปต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไปพบเจอกับผู้ชายที่ไม่แยแสเธอสักนิดเดียว
ในที่สุดกชกรก็ผละออกจากริมฝีปากของเขา มองไปที่เขาด้วยสายตาลึกซึ้ง “ฉันต้องการแบบนี้ คุณเข้าใจไหม ?” สามารถพูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้ หมายความว่ากชกรถูกเปรมศักดิ์ทำให้จนปัญญาแล้ว
เขาไม่ได้เป็นคนเริ่ม งั้นเธอจึงกลายเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน
เปรมศักดิ์มองไปที่กชกรอยู่เป็นเวลานาน ไม่รู้เลยว่าควรจะตอบสนองต่อเธอเช่นไร
“เปรมศักดิ์ ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันก็เข้าหาถึงขนาดนี้แล้ว……”
“กชกร แบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับคุณ !”
“หมายความว่าอะไร ?”
“การที่ผมแต่งงานกับคุณ สาเหตุหลักๆ คือการผูกพันธมิตร ดังนั้นถ้าผมจะทำแบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับคุณ !” เปรมศักดิ์พูด
คำพูดนี้ทำให้กชกรตกตะลึงอยู่ตรงนั้น
เธอเองก็รู้ว่าสาเหตุหลักที่พวกเธอแต่งงานกันนั้นคือการผูกพันธมิตร เธอเป็นคนที่โหยหาความรัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความรักนี้เธอก็แค่รักเขาข้างเดียว
เธอคิดว่าเปรมศักดิ์เองก็รักเธอ ดังนั้นก็เลยแต่งงานกับเขา
ความมั่นใจแบบนี้เกิดจากสภาพแวดล้อมในวัยเด็กของเธอ เพราะผู้ชายที่เธอเจอมานั้นต่างก็ชอบเธอ ดังนั้นเธอก็เลยไม่ได้คิดอะไรมากมาย
เมื่อตอนนี้ได้ยินแบบนี้ เธอก็เลยไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ขณะนั้นเปรมศักดิ์ก็ยื่นมือออกไปลูบหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยนมาก แล้วจัดผมของเธอ “กชกร ผมคิดว่าถ้าสักวันหนึ่งผมตกหลุมรักคุณเพราะรักคุณแล้ว ก็สามารถ……” เขาพูด
ความอ่อนโยนแบบนี้ แทบไม่มีให้เห็น
แต่งงานกันมาตั้งหลายวันขนาดนี้ นอกจากเขาไม่ว่าง ก็ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วกลับมาดึกๆ แม้ว่าจะพูดหรือว่าเจอกันก็มีเวลาจำกัด เคยอ่อนโยนเหมือนตอนนี้ซะที่ไหนกันล่ะ
ทันใดนั้นกชกรจึงตกอยู่ในความอ่อนโยนของเขา ในสมองก็ว่างเปล่าไปหมด เปรมศักดิ์พูดอะไรออกมาก็ตามนั้น
เขาดึงมือของเธอออกแล้ววางไว้ใต้ผ้าห่ม “เอาล่ะ ดึกมากแล้ว รีบพักผ่อนเถอะ !” เมื่อพูดจบก็จะลุกขึ้น“คุณจะไปไหน ?” เขากำลังจะไป กชกรก็ยื่นมือออกไปจับเขาไว้เปรมศักดิ์ตกตะลึงเล็กน้อยแล้วมองไปที่เธอ “ผมจะไปอาบน้ำ !”กชกรจึงปล่อยมืออย่างอาลัยอาวรณ์ ส่วนเปรมศักดิ์ก็ยิ้มไปให้เธอ “รีบนอนนะ !” จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องอาบน้ำเดิมทีกชกรก็ง่วงมาอยู่แล้ว ตอนนี้ก็มาโดนคำพูดเขาทำให้เคลิบเคลิ้มไปอีก ไม่รู้เลยสักนิดว่าตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ตอนแรกว่าจะรอให้เปรมศักดิ์ออกมาแล้วค่อยนอน แต่สู้ความง่วงไม่ได้สักนิดเดียว จากนั้นจึงค่อยๆ เข้าสู่ห่วงแห่งความฝันส่วนเปรมศักดิ์ที่อยู่ในห้องน้ำ มองตัวเองที่อยู่ในกระจก ไร้สีหน้า ไม่รู้ว่าทำไมยิ่งอยู่ในตอนนี้เขายิ่งยากที่จะควบคุมหัวใจของตัวเองไว้ได้ เมื่อนึกถึงตอนที่เธอปรากฏตัวพร้อมกับพันเดช เห็นพวกเขาเดินอยู่ด้วยกัน…… นึกถึงเรื่องที่เธอตั้งท้อง !เขาก็ไร้เรี่ยวแรง !บอกแล้วว่าตราบใดที่เธอมีความสุขก็พอ แต่ทำไมในใจถึงยังอึดอัดขนาดนี้ !ทุกครั้งที่มองเห็นเธอ ใจของเขาก็จะจ้องมองไปที่ตัวของเธออย่างควบคุมไม่ได้……คิดอยู่ตั้งนานจึงเดินไปอาบน้ำใต้ฝักบัว อยากจะให้ตัวเองเงียบสงบลงหลังจากที่เขาอาบน้ำแล้วออกไป ในห้องก็มีเสียงหายใจอันสม่ำเสมอของกชกร เปรมศักดิ์รู้ว่าเธอหลับไปแล้ว หลังจากเช็ดผมให้แห้งแล้วก็นอนลงไปแต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ น่าจะเลื่อนไปได้อีกไม่นาน ในที่สุดก็ต้องมีผลอย่างหนึ่งออกมา !วันถัดไป เมื่อจิดาภาตื่นขึ้นมา ด้านข้างของตัวก็ไม่มีสักร่างอยู่แล้วเพราะเข้านอนเร็ว ดังนั้นจึงไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่ เมื่อนึกถึงตรงนี้ จิดาภาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปยืนอยู่ที่ห้องนั่งเล่นแล้วมองไปยังห้องครัว ก็ยังคงเห็นเงาหลังที่ไม่เหมาะกับห้องครัวนั้นสักนิดเดียวแม้ว่าจะทำไม่เป็น แม้ว่าจะล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ว่าเขาก็ไม่ยอมแพ้ ยังยืนหยัดอยู่แบบนี้เห็นท่าทางเขาดูไม่รู้เรื่องและยุ่งเหยิง มุมปากของจิดาภาก็ยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัวเดินไปที่เขาอย่างช้าๆ ระหว่างพันเดชกำลังแยกว่าอันไหนคือเกลือ อันไหนเป็นน้ำตาล มือของจิดาภาก็ค่อยๆ ยื่นออกไปกอดเขาไว้จากด้านหลัง พันเดชตกตะลึง เขาใส่ใจมาก ดังนั้นจึงไม่ทันได้สังเกตว่าจิดาภาเดินมาหาเขา “ทำไมตื่นเช้าขนาดนี้ล่ะ ?” พันเดชถาม“คุณไม่อยู่ข้างๆ ดังนั้นก็เลยนอนไม่หลับ !” ใบหน้าของจิดาภาติดอยู่เบื้องหลังของพันเดช เธอมักจะรู้สึกเสมอว่าตัวเองก็ไม่ได้ถือว่าเตี้ย แต่เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าของพันเดช เธอก็ยังคงเหมือนผู้หญิงตัวเล็กๆ เมื่อได้ยินสิ่งนี้พันเดชก็หันตัวกลับ ใบหน้าที่หล่อเหลาก็ยกรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้น ดวงตาคู่นั้นเผยให้เห็นอันตรายเล็กน้อย “จิ คุณรู้ไหมว่าคำพูดของคุณหมายถึงอะไร ?”“อะไร ?” จิดาภามองไปที่เขา ดวงตาที่ลุกเป็นไฟของเขาจ้องมองไปที่เธอ จากนั้นก็พูดมาสองสามคำ “คุณกำลังชวนผมอยู่ !” เมื่อถึงจุดนี้ ริมฝีปากของเขาก็จูบไปที่จิดาภาเป็นครั้งแรกที่เขาสังเกตได้ว่า การที่อยากจะได้ผู้หญิงสักคน ไม่ได้ต้องการความเซ็กซี่ และก็ไม่ได้ต้องการเห็นเรือนร่าง เพราะในตอนนี้ แค่มองไปที่จิดาภาเขาก็หุนหันพันเล่นที่อยากได้เธอมากแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลายวันขนาดนี้ทำได้แค่กอด มากสุดก็คือจูบกันสักหน่อย แต่มันก็ยังไม่สาแก่ใจของเขาใจที่อยากจะได้เธอตึงเครียดขึ้น แต่ตอนนี้เมื่อมองไปที่เธอเขาก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จูบอย่างป่าเถื่อน รุนแรง จนน้ำเสียงของเขาแหบเล็กน้อย เพราะใช้แรงเกินไป การหายใจก็เริ่มไม่เป็นระเบียบ กลิ่นหอมจางๆ ของเธอเหมือนตัวเร่ง ทำให้ความรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นอีก ไม่สนใจที่เธอดิ้นอยู่ในอก เขาค่อยๆ ผลักเธอไปชิดผนัง แล้วจับใบหน้าของเธอมาจูบอย่างบ้าคลั่งจิดาภายังคงสวมชุดนอน สะดวกต่อความสำเร็จของเขาอย่างมาก ฝ่ามือใหญ่ก็ตกลงไปบนหน้าอกที่เป็นภูเขาเล็กๆ ของเธอ ทั้งลูบทั้งคลำอาจเป็นเพราะตั้งท้อง อกของเธอเต่งตึงขึ้นมาเล็กน้อย ยิ่งพองออกมาและมีเสน่ห์ ทำให้คนหลงใหลนึกไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ พันเดชจะทำแบบนี้ จิดาภาก็ถูกเขาทำให้เสียสติอ่อนระทวยทั้งตัว แม้แต่ลมหายใจยังร้อยขึ้นไปด้วย“พันเดช……” จิดาภาเรียกชื่อเขาอย่างหมดพลัง“จิ…….!” ในตอนนั้นเขาก็กัดติ่งหูของเธอแล้วพูดอย่างเบาๆ การหายใจที่อบอุ่นนั้นทำให้จิดาภาทนไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านจิดาภากำลังจะเอ่ยปากพูด ขณะนั้นพันเดชก็จับมือของเธอวางไว้ที่ของเขาสักที่อย่างกะทันหัน ใบหน้าของจิดาภาก็แดงขึ้นทันที“ช่วยผมหน่อย……” เขาเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความอดทนอยู่บ้างใบหน้าของจิดาภาแดงขึ้นมาก แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรก……แต่ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยชินอยู่บ้างแต่เธอก็รู้ว่าหลายวันขนาดนี้ พันเดชเองก็กอดเธอนอนทุกคืน สามารถรู้สึกได้ถึงความแปลกของเขา แต่ก็เขาก็ยังกอดอย่างอยู่ในโอวาทแน่นอนว่าเธอเองก็รู้ถึงความอดทนและความเข้าใจของเขา แต่ตอนนี้……“ตรงนี้เป็นห้องครัวนะ……” จิดาภาปลดปล่อยไม่ลงส่วนพันเดชก็ยิ้ม “ผมเคยบอกแล้วว่าผมจะให้คุณอยู่ตรงนี้……” พูดจบมุมปากของเขาก็ยกขึ้นด้วยรอยยิ้ม “แบบนี้ถึงจะเร้าใจไม่ใช่เหรอ ?”ใช่ !!!!ใช่จริงๆ !เร้าใจมาก !สุดท้ายจิดาภาก็เอาชนะเขาไม่ได้ พูดให้ถูกก็คือตอนนี้จิดาภาเองก็อ่อนไหวมาก ดังนั้น……ฉากที่อยู่ห้องครัวนั้นดูเร้าใจมากหลังจากผ่านไปยี่สิบนาที จิดาภาก็ออกจากห้องครัวแล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำใบหน้าแดงไปหมดจิดาภามองตัวเองที่อยู่ในกระจก แก้มก็แดงขึ้นมา แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความสุขจิดาภาเธอนี่มันจัดจ้านขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ !ในระหว่างที่กินข้าวเช้า จิดาภาก็เงียบอยู่ตลอด สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าไม่พูดถึงสักคำ แต่ดูท่าทางของจิดาภาแล้วพึงพอใจอย่างมาก“ดื่มนมนะ !” พันเดชช่วยรินนมให้จิดาภาจิดาภาพยักหน้าแล้วยกขึ้นดื่ม“เป็นไงบ้าง ? อร่อยไหม ?” พันเดชมองไปที่อาหารเช้าแล้วถามขึ้น ตอนนี้เขากินไม่รู้รสแล้ว เพราะเทียบกับเมื่อก่อนแล้วอันหนึ่งอยู่บนฟ้า อันหนึ่งอยู่บนดิน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจไม่ได้ว่าเขามีความพัฒนาหรือไม่จิดาภามองไปยังอาหารเช้าที่อยู่ตรงหน้าแล้วพยักหน้า “มีความพัฒนามาก อย่างน้อยก็ยังแยกได้แล้วว่าอันไหนคือเกลืออันไหนคือน้ำตาล !”…….คำพูดนี้ฟังไม่ออกว่าชื่นชมพันเดชเลยสักนิดแต่ว่าเมื่อเช้านี้จิดาภาได้ทำให้เขาพึงพอใจแล้ว เขาจึงไม่ได้สนใจเธอขณะนั้นโทรศัพท์ของพันเดชก็ดังขึ้น จึงหยิบโทรศัพท์ออกมา หลังจากเห็นเบอร์โทรแล้วเขาจึงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วรับไป “ฮัลโหล……”หลังจากนั้นไม่กี่วินาที พันเดชก็ตอบไปหนึ่งคำ “ครับ ผมรู้แล้ว จะไปเดี๋ยวนี้ครับ !”หลังจากวางสายไปแล้ว จิดาภาก็มองไปที่เขา “เป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ?”“ที่โรงพยาบาลบอกว่าเจมน่าตื่นขึ้นมาแล้ว บอกว่าอยากเจอผม !” พันเดชเอ่ยปากพูดขึ้นเมื่อพูดถึงสิ่งนี้จิดาภาก็ตกตะลึงแล้วพยักหน้า “งั้นคุณก็รีบไปสิ !”“งั้นคุณก็ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ !”“เธอต้องการเจอคุณ ไม่ใช่ฉัน !” จิดาภาพูด“คุณก็คือผม ผมก็คือคุณ……” พูดจบพันเดชก็ยื่นมือออกไปจับมือของจิดาภา แล้วมองไปที่เธอด้วยสายตาที่แน่วแน่ สิบนิ้วประสานกันแน่นจิดาภามองไปที่เขาแล้วยิ้มขึ้น