หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 745 สัญญาที่ไม่เท่าเทียมกัน
ตอนที่ 745 สัญญาที่ไม่เท่าเทียมกัน
ความโกรธก่อนหน้านี้ ไม่ใช่เพราะหึง แต่เป็นเพราะรู้สึกว่าความรักไม่มีความตรงไปตรงมามากไป ในเมื่อตอนนี้พูดออกมาแล้ว งั้นเรื่องอีกมากมายก็จัดการได้ง่ายขึ้น
ตอนนี้เอง พันเดชมองเธอ“แต่คุณวางใจได้ ชาตินี้ หัวใจขอผมมีแค่คุณคนเดียว!”
“คุณพันเดช ฉันไม่ใช่สาวน้อยแล้ว อยู่ด้วยกันก็ได้ อยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ดี ฉันแค่ต้องการประโยคที่ชัดเจน คำพูดทั้งชีวิตพวกนี้ ฉันว่า ดีกว่าที่ไม่ต้องสัญญาไป!”
ได้ยินคำนี้ พันเดชขมวดคิ้ว หันหน้าไป จับคางเธอไว้ ประกาศอย่างเผด็จการ“จิดาภา ผมสาบานต่อคุณ ทั้งชีวิตนี้ถ้าผมรักคนอื่น งั้นผมก็จะทนทุกข์กับการที่คนใกล้ชิดตีตัวออกห่าง ไม่ตายดี ……”
จิดาภาก็ไม่ได้ปิดปากเขาอย่างหน้าซื่อใจคดขนาดนั้น บอกเขาไม่ต้องพูดขนาดนี้ แต่มองเขา ยิ้มเล็กน้อย
“คุณไม่เชื่อ?”
จิดาภาพยักหน้า สายตาชัดเจน“ฉันเชื่อ!”
พันเดชจึงปล่อยเธอ
จิดาภาเอนไปที่ไหล่เขา กะพริบตาพูดว่า“คุณพันเดช ฉันกระหายน้ำทำไงดี?”
พันเดชเงยหน้าไป มองจิดาภา“ภรรยา รอก่อน!”พูดไป ยืนขึ้น รับคำสั่งไปเทน้ำ
จิดาภานั่งบนโซฟา มองหลังของพันเดช มุมปากยกขึ้นอย่างพอใจ
ไม่นานนัก พันเดชก็ถือแก้วน้ำเดินเข้าไป “ไม่เย็นไม่ร้อน กำลังดี!”
“ขอบคุณ!”
“ไม่ต้องเกรงใจ!”
พันเดชนั่งข้างๆเธอ มองเขา“จิดาภา……”
“หือ!?”จิดาภาดื่มน้ำ เงยมองเขา
“เราแต่งงานกันเถอะ ไปจดทะเบียน!”พันเดชพูด
จิดาภาหยิบแก้วน้ำ ตะลึง
“แต่งงานกันเถอะ!”พันเดชมองจิดาภา พูดอย่างปกติ
จิดาภาเม้มปาก มองพันเดช ลังเลแล้วจึงพูด“ผ่านช่วงนี้ไปแล้วค่อยว่ากันดีกว่า!”
“คุณลังเล?”
“ฉันแค่ไม่อยากเร่งรีบขนาดนี้!”
พันเดชมองจิดาภา พยักหน้า “โอเค งั้นก็รอช่วงนี้ผ่านไปค่อยว่ากัน!”
เขาก็รู้เรื่องที่ผ่านไปช่วงนี้ จิดาภาจะต้องลังเลอยู่บ้างแต่เขาจะใช้การกระทำทำให้เธอหายจากความสงสัยหัวข้อนี้จบลง ไม่ได้พูดอะไรต่อพันเดชไม่ได้ไปบริษัท ทั้งสองคนอยู่บ้านทั้งเช้า ตอนเที่ยง จิดาภามองพันเดช “คุณพันเดช เวลานี้ คุณควรไปทำอาหารไหม?”พูดถึงเรื่องทำอาหาร ถึงแม้คุณพันเดชรับหน้าที่นี้อย่างใจกว้าง แต่ดูเหมือน ว่าเขาจะทำไม่ได้จริงๆ……แต่ว่า ในเมื่อสัญญาแล้ว เขาก็ต้องไปทำให้ได้“โอเค คุณรอก่อน ผมจะไปซื้อผัก!”“จำไว้ว่าซื้อเมนูกลับมา ฉันไม่อยากเป็นคนชี้นำ!”จิดาภายิ้มอย่างซนๆพันเดชมองบนใส่เธอ “จากความฉลาดของผมแล้ว ทำอาหารเป็นเรื่องยากสำหรับผมเหรอ?”“คุณพันเดช ฉันจะรอดู!”พันเดชยิ้ม พอจะไป ตอนนี้เอง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมองเบอร์ จิดาภาก็รับ“ฮัลโหล……”รับสาย พันเดชก็ยิ้ม สายตามองไปที่จิดาภา“ครับ ผมรู้แล้ว!”พูดเสร็จก็วางสาย“ใครอ่ะ!?”พันเดชเดินเข้าไป สองมือค้ำไว้ที่โซฟา “คุณจิดาภา ดูเหมือนวันนี้คุณจะไม่มีโชคกินฝีมือผมแล้ว คุณยายโทรมาให้เรากลับไปกิน!”“ตอนนี้!?”พันเดชพยักหน้า“แค่รอคุณไปถึง!”จิดาภาคิด พยักหน้า“โอเค งั้นวันนี้ก็ปล่อยคุณ!”พันเดชยิ้ม ทั้งสองคนจึงออกไปด้วยกันมองจิดาภาสวมชุดสบายๆ พันเดชก็รู้สึกว่าสวยน่าจะเกี่ยวข้องกับอารมณ์ด้วยระยะทางครึ่งชั่วโมง ทั้งสองก็ถึงคฤหาสน์ตระกูลฐิตานันท์ จริงๆด้วย พอพวกเขาถึง อาหารก็ทำเสร็จแล้ว“คุณนาย คุณกลับมาแล้วเหรอ?”แม้แต่มุ้งมิ้งก็รู้สึกว่าไม่ได้เจอจิดาภานานแล้ว“สวัสดีค่ะ มุ้งมิ้ง!”จิดาภายิ้มแล้วเดินเข้าไปคุณยาย วรชิต คุณหญิงภารดีต่างก็อยู่คนในตระกูลฐิตานันท์มีไม่มาก แต่กลับอ่อนโยนมาก นี่ก็เป็นอีกฉากหนึ่งพอจิดาภาเข้าไป คุณยายยิ้มอย่างเบิกบาน“จิดาภา คุณมาแล้ว รีบมารีบมาข้างๆยาย!”จิดาภาเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม“คุณยาย!”“วันนี้ไม่ได้คุยอะไรกับคุณเลยที่โรงพยาบาล ตอนนี้ให้ยายดูหน่อยสิ โอ๊ย ผอมเชียว!”คุณยายพูดอย่างปวดใจ ยิ่งสงสารจิดาภามากขึ้น“สองสามวันนี้ก็ดีนะคะ!”ตอนนี้เอง คุณยายก็หันไปมองพันเดช “เจ้าหนุ่ม ถ้าคุณทำให้จิดาภาโกรธ ก็ไม่ต้องเรียกฉันว่ายายอีก ฉันไม่มีหลานแบบคุณ!”พันเดชยกคิ้วขึ้น“คุณยาย วันนี้ผมตอบรับสัญญาที่ไม่เท่าเทียมไปด้วย เหลือแค่เซ็นชื่อ!”“เซ็นชื่อยัง?”“……ยังครับ!”คุณยายหันหน้าไป มองจิดาภา “จิดาภา คุณก็ตอบให้เขาเซ็นชื่อไปสิ จากนั้นก็เอาไปทำให้เป็นธรรม ดูว่าเจ้าหนุ่มนี่ ยังจะกล้าทำให้คุณโกรธอยู่ไหม!”จิดาภา“……”นี่คือยายเขาแท้ๆเหรอ?จิดาภามองพันเดชข้างๆ จากนั้นก็ยิ้มแล้วพยักหน้า“ระวังไว้ ฉันจะทำแบบนี้!”“ยายสนับสนุนคุณ!”ทั้งสองเดินทางเดียวกันแล้วถึงแม้พวกเขาจะร่วมมือกัน แต่พันเดชกลับยิ้มในใจ ความรู้สึกนี้ช่างดีตอนนี้เอง วรชิตก็พูด“ใช่จิดาภา ถ้าพันเดชยังรังแกคุณอีก ก็บอกพวกเราเลย อย่าเป็นแบบครั้งนี้อีก จากไปโดยไม่พูดอะไร พวกเราเป็นห่วงมากนะ!”จิดาภาพยักหน้า ท่าทางชัดเจนและตรงประเด็น“อือ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ เรื่องครั้งนี้เป็นฉันที่ขาดการไตร่ตรอง ขอโทษนะคะ ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง!”“พูดขอโทษอะไร เราครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องขอโทษ ใช่สิ ลูกโตแค่ไหนแล้ว?ลำบากไหม?ฉันให้คนไปเตรียมของที่คนท้องต้องกินแล้ว เดี๋ยวคุณต้องกินนะ!”คุณหญิงภารดีพูด“ยังไม่หนึ่งเดือนเลยค่ะ ตอนนี้ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ชอบนอนอย่างเดียว!”“เพิ่งท้องก็แบบนี้ ตอนท้ายๆก็จะดีขึ้น ตอนนี้กินเยอะๆ บำรุงสมองเด็กสามเดือนสำคัญมาก!”คุณหญิงภารดีพูดจิดาภาพยักหน้า“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะทำค่ะ!”“โอเคโอเค กินข้าวก่อน กินไป คุยไป!”คุณยายพูดพวกเขาจึงนั่งลงตอนทานข้าว คนหนึ่งเป็นคุณยาย คนหนึ่งเป็นคุณหญิงภารดีบวกกับจิดาภา ทั้งสามคนพูดถึงเรื่องที่คนท้องต้องระวัง ส่วนวรชิตกับพันเดชกลับมองกันไป มองกันมา ไม่พูดแทรก ทั้งสองไม่ชำนาญ ได้แต่กินเงียบๆพูดว่าผู้หญิงสามคนมาอยู่ร่วมกันช่างวุ่นวาย คำนี้ไม่ใช่เรื่องโกหกเลยสักนิด ทานข้าวเสร็จ พวกเขาก็คุยด้วยกัน ส่วนมากจะเป็นคุณยายกับคุณหญิงภารดีพูด จิดาภาฟัง จากนั้นก็จำส่วนวรชิตกลับเรียกพันเดชไปด้วยกัน ไปที่ห้องทำงานด้านบน“พ่อ หาผมทำไม?”พันเดชถาม“นั่ง!”พันเดชนั่งตรงข้ามเขา“เรื่องลูกกับเจมน่า พอได้ยินหมดแล้ว ตอนนี้ ลูกคิดดียังว่าจะทำอย่างไร?”วรชิตถามพูดถึงเจมน่า รอยยิ้มที่หน้าพันเดชก็หายไป ใบหน้าที่ดูดีดูว่างเปล่า“เพราะผมเจมน่าเลยเป็นแบบนี้ ผมไม่มีทางปัดความรับผิดชอบ ผมอยากรอให้เธอดีขึ้น ส่งเธอกลับไป!”ได้ยินอย่างนี้ วรชิตก็พยักหน้า“ตอนนี้ มีแค่แบบนี้ คุณต้องจำไว้ จับปลาสองมือไม่ได้!”“พ่อ แต่ไหนแต่ไรมาผมไม่เคยคิดจะจับปลาสองมือเลย ที่ผมต้องการก็คือ จิดาภาคนเดียว ส่วนเจมน่า ผมไม่เคยมีใจให้เธอเลย!”พันเดชพูดอย่างมั่นใจเผชิญหน้ากับคนที่ตอนนี้มีข้อบกพร่องเพราะตัวเองเป็นสาเหตุ อีกอย่างเธอยังไม่สนอันตรายที่จะช่วยเขา เขาจะไร้ความรู้สึกได้อย่างไร“คุณไม่ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่ วันเวลาผ่านไปความรักค่อยๆก่อตัวขึ้นลูกน่าจะรู้ อีกอย่าง หัวใจของเธอลูกน่าจะดูออก!”วรชิตพูด ในเมื่อลำบาก หรือต้องทำการเลือก นี่ถึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดพันเดชตะลึงเล็กน้อย เงยตามองไปที่วรชิตสุดท้ายเขาก็พยักหน้า “ผมรู้ ดังนั้นผมเลยอยากแต่งงานกับจิดาภา!”วรชิตตะลึง คิดถึงจิดาภาที่ตอนนี้ตั้งท้องอยู่ ถ้าไม่แต่งงาน รอจนท้องโต ก็จะแย่อีกอย่าง แบบนี้ อาจจะทำให้เจมน่าตัดความรู้สึกนี้ไป“นี่ก็เป็นวิธีที่โอเค!”วรชิตพยักหน้าเห็นด้วย“ผมอยากแต่งงานกับจิดาภา ไม่ใช่เพราะเป็นวิธีหนึ่ง แต่เป็นเพราะ ผมรักเธอ อยากอยู่กับเธอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ไหน เพราะว่าเรื่องอะไร เธอก็คือภรรยาผม ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้!”เขากลัวจริงๆ จิดาภาจากเขาไปอีกครั้ง ดังนั้น นอกจากทางนี้แล้ว เขาก็คิดทางที่ดีกว่านี้ไม่ออกวรชิตมองพันเดช เขาพยักหน้า“พ่อรู้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ไปทำตามที่ลูกว่า แต่พ่อจะเตือนลูกไว้ ไม่ว่าทำอะไร จะต้องมีลิมิต!”พันเดชพยักหน้า“ผมรู้!”ทั้งสองเงียบลงครู่หนึ่ง ตอนนี้เอง จู่ๆพันเดชก็คิดขึ้นมาได้ มองวรชิต“อ้อใช่ ฉัตรชัยคือใครเหรอ?พ่อรู้จักไหม?” พูดถึงชื่อฉัตรชัย วรชิตก็ขมวดคิ้ว มองพันเดช สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ“ทำไม ทำไมลูกถึงถามถึงล่ะ?”