หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 685 รอยสักแปลกประหลาด
ตอนที่ 685 รอยสักแปลกประหลาด
แน่นอนว่าบาลิตเชื่อคำพูดของเขา “ฉันเชื่อที่นายพูด แต่นายก็ควรจะเชื่อที่ฉันพูดบ้าง เอลิสต์ อย่าว่าฉันไม่สนใจนาย นายยื้อต่อไปก็ไร้ประโยชน์ ถึงนายไม่เซ็น บริษัทก็ไม่ตกเป็นของนาย!”
เอลิสต์มองเขาแล้วยิ้มอย่างเย็นชา “ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง แล้วคุณจะมาตามผมให้เซ็นทำไม?”
“นายอย่าลืมสิ หลังจากที่พ่อแม่นายตายไป ฉันดูแลนาย ดูแลบริษัทมาตลอด มีชื่อนายแขวนไว้เพราะมีสิทธิเป็นผู้ถือหุ้น นอกจากนั้นแล้วนายยังเคยทำอะไรอีกเหรอ? ฉันให้เงินนายไปก้อนนั้นก็ถือว่าเป็นการดูแลแล้วไม่ใช่หรือไง!” บาลิตพูด
เมื่อได้ฟังที่เขาพูด เอลิสต์หัวเราะออกมา
ดูแลเขา?
ดูแลบริษัท?
เขาแสยะยิ้มเย้ยหยันออกมา “เอาบุญคุณที่ดูแลผมมาเป็นข้ออ้างในการฮุบบริษัท คุณคิดว่าผมไม่รู้จุดประสงค์ของคุณหรือไง?”
บาลิตโดนคำพูดของเขาแทงใจดำเข้าให้แล้ว เขาไม่ได้ปฏิเสธ “ยังไงก็แล้วแต่ ฉันเป็นคนช่วยบริษัทขึ้นมา ถ้าไม่มีฉัน บริษัทคงปิดตัวลงไปนานแล้ว!”
เอลิสต์แสยะยิ้มเย็นชา “คุณใช้อำนาจของตัวเองในบริษัท ผมยังไม่เคยว่าอะไร อีกทั้งยังไม่เคยเข้าไปแทรกแซงคุณ ที่คุณรีบถีบผมออกจากบริษัท เพราะกลัวว่าสักวันหนึ่งผมจะกลับไปเอาบริษัทคืน!”
“ถึงบริษัทจะตกอยู่ในมือของนาย ก็ต้องล้มไม่เป็นท่าอยู่ดี”
“แม้คุณจะรีบให้ผมออกจากบริษัทแค่ไหน สู้คุณยุติความร่วมมือของบริษัทไม่ดีกว่าหรือไง ผมไม่แคร์อยู่แล้ว!”
“นาย!”
“หลังจากนี้ถ้าคุณยังมาปรากฏตัวต่อหน้าเธออีก ก็ไม่ต้องหวังเรื่องเซ็นนั่นอีก!” เอลิสต์พูด
บาลิตมองเขาแล้วแสยะยิ้มเยือกเย็น “ได้ ฉันเข้าใจแล้ว ไม่ว่าช้าหรือเร็วต้องมีสักวันที่นายจะยอมเซ็นอย่างว่าง่าย!” เขาพูดพลางส่งสายตาเตือนเอลิสต์แล้วเดินขึ้นรถ
เอลิสต์ยืนอยู่ตรงนั้น หลังจากเห็นเขาขึ้นรถไปแล้ว ชายหนุ่มจึงพรูลมหายใจออกมาแล้วเดินขึ้นบ้านไป
ตอนที่เขาเดินขึ้นมา ไปรยากำลังเดินไปเดินมาอยู่ในบ้าน เมื่อเธอเห็นว่าเขากลับมา จึงรีบเดินมาหาทันที “คุณลุงของนายล่ะ? ไม่มีเรื่องอะไรใช่ไหม?”
เขามองไปรยาแล้วขมวดคิ้ว ไปรยาเป็นคนที่ไม่ระวังตัว ไม่กลัวว่าใครจะมาทำร้าย เขากังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยปากพูด “คุณเปิดประตูให้คนแปลกหน้าง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง?” “ห้ะ?” โดนคำถามกะทันหันแบบนี้ ทำให้เธอรับมือไม่ทัน “เขา แต่เขาเป็นลุงของนายไม่ใช่เหรอ?” “เขาไม่ใช่!” “เอ่อ?” ไปรยามองเขา นี่มันเกิดอะไรขึ้น? “สรุปว่าฟังผมก็พอ ต่อไปอย่าเปิดประตูให้คนแปลกหน้าอีก อีกอย่างถ้าคุณเจอเขาอีกให้อยู่ห่างจากเขาไว้” เอลิสต์พูด แม้ไม่รู้ว่าทำไม แต่จิตใต้สำนึกของเธอบอกให้เธอเชื่อ เธอพยักหน้าหงึกๆ “อื้ม…” แต่เธอก็ถามออกไปด้วยความสงสัย “ทำไม?” “ไม่ทำไม ทำตามที่ผมพูดก็พอ!” “ถ้าอย่างงั้นก็ต้องให้ฉันรู้สาเหตุสิ! ฉันดูออกนะว่าความสัมพันธ์ของนายกับเขาไม่ค่อยดี เขามาหานายมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” “ไม่มี!” “ต้องมีแน่ๆ ฉันรู้ได้!” ไปรยาพูดออกไปอย่างมั่นใจ เอลิสต์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเดินไปจัดการของที่ตัวเองซื้อมา ไปรยาอยู่ข้างหลังเขา เริ่มพูดเซ้าซี้ “นายว่า เขาเป็นลุงที่ไม่ดีไหม เขาโหดร้ายกับนายตั้งแต่เด็ก ทิ้งนายไว้ในบ้านเด็กกำพร้า ตอนนี้ก็เพราะนายมีประโยชน์ เขาถึงกลับมาหานาย?” ไปรยาถามเขา ได้ยินดังนั้น เอลิสต์นิ่งไปสักพัก หันกลับไปมองเธอ “คุณรู้ได้ไงว่าผมโตในบ้านเด็กกำพร้า?” ไปรยาอึ้งไป “ฉัน ฉัน…” ไปรยาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ตอนนี้เอลิสต์กำลังจ้องเธออยู่ ดวงตาดำนั่นเหมือนหลุมดำที่ลึกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ไปรยารู้สึกกลัวขึ้นมา สุดท้ายเธอก็พูดความจริงออกมา “เอาล่ะ ตอนก่อนที่นายเกือบจะได้นอนคุก จิสั่งให้ฉันสืบประวัตินาย!” เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็นิ่งไปสักพัก คิ้วเริ่มขมวดขึ้นมา ทำไมถึงไม่บอกอะไรเลย “ฉันรู้ว่าทำอย่างนี้มันไม่ดี แต่ตอนนั้นไม่ทำก็ไม่ได้ เพื่อช่วยนาย ฉันกับจิก็ไม่มีทางเลือก!” “ผมรู้ ผมไม่ได้โกรธอะไร” เอลิสต์พูด กลับกันเขายังรู้สึกขอบคุณพวกเธอ ถ้าไม่มีพวกเธอ ป่านนี้เขาคงไปนอนอยู่ในคุกแล้ว ไม่มีโอกาสมายืนอยู่ตรงนี้หรอก เมื่อได้ยินว่าเขาไม่โกรธ เธอก็เบาใจ แล้วก็ถามด้วยความอยากรู้ “ในเมื่อคุณมีลุง ฉันดูออกว่าเขาเป็นคนมีฐานะ ทำไมนายถึงไปอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าได้ล่ะ?” “เขาไม่ใช่ลุงของผม!” “ห้ะ?” “เขาเป็นแค่เพื่อนของพ่อผม” “เพื่อนของพ่อนาย แล้วตอนนี้มาหานายเพื่ออะไรกัน?” ไปรยาถาม เมื่อได้ยินที่เธอถาม เอลิสต์สูดหายใจเฮือกใหญ่ แล้วหันกลับไปมองเธอ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดออกไป “ไม่มีอะไร จำที่พูดผมพูดเมื่อกี้ให้ดี อย่าคุยกับคนที่ไม่รู้จัก อย่าเปิดประตูให้คนที่ไม่รู้จัก!” เมื่อเห็นท่าทีจริงจังของเขา ไปรยาก็พยักหน้าโดยไม่รู้ตัว “โอเค ไปพักผ่อนได้ละ” “อื้ม!” ระหว่างที่เธอหมุนตัวกำลังจะเดินไป แต่ก้าวได้เพียงครึ่งก้าว ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขายังไม่ได้ตอบเธอ “นายยังไม่ตอบฉันเลย” “อะไร?” “ที่ฉันพูดไปเมื่อกี้ถูกต้องไหม?” “…” เห็นว่าเขาไม่พูด ไปรยาย่นปากยู่ “ชิ ไม่พูดก็ช่าง ฉันก็ไม่อยากรู้!” พูดพลางก็เดินกลับไปนั่งบนโซฟาแล้วกินแอปเปิลต่อ เธอกินแอปเปิลไปก็ยังสงสัยไม่หาย ต้องไปอย่างนั้นแน่ๆ ! เอลิสต์ที่กำลังทำอาหารอยู่อีกด้านหนึ่ง เห็นไปรยานั่งพึมพำอยู่ เขาก็ยิ้มออกมา ไม่ใช่ไม่อยากบอกเธอ แต่เอลิสต์ไม่อยากให้เธอรู้เยอะ เขาหวังให้เธอเป็นเหมือนตอนนี้ ไม่ต้องคิดไม่ต้องกังวลอะไร ยิ้มเมื่อสุข ร้องเมื่อทุกข์ บางครั้งก็หาเงินเหมือนคนบ้าเงิน เขาหวังให้ไปรยาใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไป ไม่ใช่เพราะการที่เขาปรากฏตัวแล้วทำให้เธอไม่มีความสุข นี่คือวิธีปกป้องเธอของเอลิสต์ เพราะเรื่องของเปศล ปวีร์ให้คนไปหากรุ๊ปเลือดที่ตรงกับเปศล ไม่ว่ายังไงก็ตาม แม้จะมีความหวังเพียงเล็กน้อย เขาก็ไม่ยอมแพ้ เพราะตอนนั้นเปศลก็ไม่ทอดทิ้งเขา จนมีเขามาจนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้เกิดเรื่องแบบนี้เขาก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน ใช้เวลาสามวัน เขาถึงได้รับการแจ้งมา ขณะนั้นเอง มีคนเดินมาแล้วเอาเอกสารให้เขาปึกหนึ่ง “นี่คือคนที่มีกรุ๊ปเลือดพิเศษที่อยู่ในเมืองAทั้งหมด” “แค่นี้เองเหรอ?” คนนั้นพยักหน้า “คนที่มีกรุ๊ปเลือดพิเศษมีน้อยมาก ในนี้มี 64 คน นี่ก็นับว่ามากแล้วครับ” เมื่อได้ยินดังนั้น ปวีร์ก็พยักหน้า เขารู้ว่าคนที่มีกรุ๊ปเลือดนี้มีน้อยมาก “ฉันเข้าใจละ นายออกไปก่อน เรื่องนี้อย่าให้พี่ฌัลล์รู้” คนนั้นพยักหน้าแล้วเดินออกไป ปวีร์พลิกดูรายชื่อคนที่มีกรุ๊ปเลือดพิเศษ เขาพลิกดูไม่กี่หน้าก็นิ่งไป รายชื่อที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เขาสงสัยว่าในโลกนี้จะมีคนที่มีทั้งชื่อและนามสกุลเหมือนกันหรือเปล่า แต่ว่า…บนโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้เลยหรือ? ขณะที่เขากำลังอึ้งอยู่เปศลก็เดินออกมา เห็นเขาอยู่ตรงนั้น จึงพูดขึ้นมา “คิดอะไรอยู่?”