หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 674 ลืมเธอไม่ลง
ตอนที่ 674 ลืมเธอไม่ลง
พันเดชยอมแพ้ “ผมไปแล้วนะ!”
จิดาภาหยักหน้า พันเดชเดินเข้าไปอย่างไม่อยากจากกัน
จิดาภายืนมองเขาเดินเข้าไป เห็นเขาเดินผ่านเครื่องสแกนเข้าไปแล้ว เธอจึงออกมา
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาต้องห่างกันหลังจากที่อยู่ด้วยกันมานาน แม้จะไม่อยากห่างกัน แต่ความสุขของการห่างกันครั้งนี้คือรอคอยการกลับมาเจอกัน
จิดาภาเดินออกจากสนามบิน ตอนที่เธอกำลังยืนรอรถอยู่ ทันใดนั้นมีรถขับมาแล้วจอดตรงหน้าเธอแล้วเปิดประตูออก
“คุณจิดาภา ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”
กระจกของรถถูกปรับลง เผยให้เห็นคนที่อยู่ข้างใน จิดาภาอึ้งไปครู่หนึ่ง “คุณฌัลล์ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่คะ?”
“ผมมาทำธุระนิดหน่อย คุณล่ะ? กำลังรอรถอยู่เหรอครับ?”เปศลถาม เมื่อได้เห็นจิดาภาแล้ว เขาก็รู้สึกคุ้นเคยอยากบอกไม่ถูก
จิดาภาหยักหน้า
“พอดีเลย ผมก็กำลังจะกลับ กลับด้วยกันไหมครับ?”
“คุณสะดวกหรือคะ?”
เปศล พยักหน้า “ทางเดียวกัน ทำไมจะไม่สะดวกล่ะครับ”
“งั้น..ก็ได้ค่ะ!”
เดิมโทรหาคนขับรถ ก็ต้องรออีกสักพัก เมื่อคิดได้เช่นนั้น จิดาภาจึงขึ้นรถ
หลังจากขึ้นรถเรียบร้อย จิดาภาจึงโทรหาคนขับรถ หลังจากวางสายแล้วเปศล มองเธอ “พันเดชไปทำงานหรือครับ?”
จิดาภาพยักหน้าแล้วยิ้ม “ใช่ค่ะ!”
“คิดแล้วเชียว ว่าทำไมคุณถึงอยู่คนเดียวที่นี่”
จิดาภายิ้มบางๆ
ขณะนั้น ปวีร์ที่นั่งอยู่เบาะข้างหน้า ตอนที่เขาเจอจิดาภา แน่นอนว่าเธอทำให้เขาอึ้งไปเลย
เพราะว่าเธอหน้าเหมือนกับคนที่เขาเคยเห็นในภาพ เหมือนมาก แต่หลังจากไปค้นประวัติของจิดาภา ความคิดนั้นก็หายไป
“คุณจิดาภา ครั้งก่อนขอบคุณมากนะครับที่ช่วยพี่ฌัลล์” ปวีร์ พูด เมื่อได้ยิน เธอจึงมองปวีร์ “เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นค่ะ คุณฌัลล์ ขอบคุณฉันหลายครั้งแล้ว ไม่ต้องขอบคุณอีกแล้วค่ะ” “คุณช่วยพี่ฌัลล์ ก็เท่ากับช่วยผมด้วย จากนี้ถ้าคุณมีเรื่องอะไร ผมจะช่วยอย่างเต็มที่เลยครับ” ปวีร์ พูด จิดาภายิ้มแล้วพยักหน้า ขณะเดียวกัน พี่ฌัลล์ ที่นั่งอยู่อีกด้านก็มองจิดาภา ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม “ใช่แล้ว คุณฌัลล์ วันนั้นที่คุณไปร่วมงานแต่งงานของพี่ชายฉัน ทำไมไม่เห็นคุณมากับภรรยาคะ?” จิดาภา เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ปวีร์ อึ้งไปสักครู่ เขามองจิดาภาผ่านกระจกมองหลัง แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป เปศลก็อึ้งๆ เช่นกัน เขายิ้ม “ผมไม่มีภรรยา!” จิดาภามองเปศลด้วยความตะลึง เธอไม่อยากจะเชื่อเปศล อายุก็เกือบจะห้าสิบปีแล้ว ทำไมถึงยังไม่มีภรรยา “ขอโทษด้วยนะคะ…” จิดาภานึกขึ้นได้ว่าเธอถามสิ่งที่ไม่ควรถามออกไป เปศล ยิ้ม “ไม่เห็นต้องขอโทษ จะพูดว่าไม่มีก็ไม่ถูก ก็แค่เราเลิกกันตอนที่ผมยังเป็นวัยรุ่นน่ะ” จิดาภาคิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ต่อ “ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นคะ?” “เพราะผมบังคับให้เธอจากไปเอง!” ความสงสัยของจิดาภายิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก เธอมองเปศล เปศล ยิ้มบางๆ “ดังนั้นมันคงเป็นผลกรรม จนถึงตอนนี้ผมยังลืมเธอไม่ได้เลย อีกทั้งยังหาเธอไม่เจอ!” รอยยิ้มของเขาดูทุกข์ระทม จิดาภาไม่รู้จะปลอบใจเขาอย่างไร จึงเอ่ยออกไป “ฉันว่า เธอต้องเสียใจมาก!” เปศล ถอนหายใจ “ผมก็ไม่รู้” “ไม่ว่าอย่างไร ถึงแม้มันจะผ่านมานานแล้ว คุณก็ยังลืมเธอไม่ได้ ฉันเชื่อว่า ต้องมีสักวันที่คุณจะหาเธอเจอ!” จิดาภาพูด “ผมก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”เปศล ยิ้ม ตอนที่จิดาภาได้ยินว่าเขาบังคับให้เธอจากไป จิดาภาคิดว่าไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็แล้วแต่มันก็ต้องมีราคาที่ต้องจ่ายไป เขาเป็นคนบังคับให้เธอจากไป ก็ต้องตามหาเธออย่างทุกข์ระทมไม่ใช่หรือ? มุมมองความรักของจิดาภา ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอหวังเพียงว่าคนทั้งคู่จะเผชิญมันไปด้วยกัน ไม่ว่าตอนนั้นเปศล จะไล่เธอไปด้วยเหตุผลอะไร มันก็ไม่ถูกต้อง แต่เมื่อฟังเขาพูดว่า เขายังลืมเธอไม่ได้ อีกทั้งยังหาเธอไม่เจอ จิดาภารู้สึกสะเทือนใจขึ้นมาจนไม่อยากต่อว่าเขา อีกทั้งยังรู้สึกว่าในปัจจุบันยังหาผู้ชายแบบนี้ได้น้อยมาก เธอคิดว่า ถ้าวันหนึ่งเธอหายไป พันเดชจะตามหาเธอแบบนี้หรือเปล่า เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เธอก็ยิ้มออกมา ความรู้สึกในใจของเธอมันเกินบรรยาย ผู้หญิงเป็นสัตว์ที่เย้ายวนเสมอ คนหนึ่งคือหัวหน้ากลุ่มอิทธิพลมืด ส่วนอีกคนที่สูงส่งจนไม่สามารถลงมาเทียบกับคนธรรมดาได้ จิดาภาคิดไม่ถึงว่า ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังนั่งคุยอยู่กับเธอ อีกทั้งดูเหมือนว่าเปศล ไม่ใช่คนที่เย็นชาอย่างที่คนอื่นพูด กลับกัน เขาเป็นคนที่เป็นกันเองและเข้าถึงได้ง่าย ตลอดระยะทางจากสนามบินเข้ามาในเมือง บนรถมีคนอยู่สี่คน จิดาภาคุยเรื่องสัพเพเหระกับเปศล ทั้งคู่อายุต่างกัน แต่เหมือนทั้งคู่จะมีอะไรที่เหมือนกัน จึงทำให้คุยถูกคอกันเป็นอย่างมาก ปวีร์ ที่นั่งอยู่เบาะข้างหน้า มองพวกเขาผ่านกระจกมองหลัง แม้ว่าจะพูดถึงเรื่องที่เปศล ห้ามพูดถึง แต่ไม่คิดว่า ครั้งนี้เปศล จะไม่โกรธ อีกทั้งยังเล่าให้จิดาภาฟังอีก ยังเห็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมานานอีกด้วย ถ้าสิ่งนี้ทำให้เขามีความสุข ปวีร์ ก็ยอม แต่ทว่า เวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ไม่นานก็เข้าเขตตัวเมืองแล้ว ขณะนั้นเอง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนขับรถเหยียบเบรกกะทันหัน ด้วยความเร็วของรถทำให้คนที่นั่งอยู่ในรถเอนตัวมาข้างหน้าอย่างแรง ดีที่ปฏิกิริยาของเปศล เร็วพอที่จะคว้าตัวของจิดาภาไว้ได้ทัน รถหยุดลง ปวีร์หันกลับมาด้วยความเป็นห่วง “พี่ฌัลล์ เป็นอะไรไหมครับ?” แต่เปศลกำลังมองจิดาภาที่อยู่ข้างเขา “คุณเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้เจ็บตรงไหนใช่ไหม” จิดาภากำลังตกอยู่ในอาการตกใจ เธอไม่ได้ตอบอะไร ดีที่พี่ฌัลล์คว้าตัวเธอไว้ได้ทัน ไม่งั้นเธอคงจะไปกระแทกอะไรเข้าให้แล้ว จิดาภาส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นไรค่ะ” เปศล มองไปยังคนขับรถ “เกิดอะไรขึ้น?” “คุณฌัลล์ ขอโทษครับ เพราะจู่ๆ ก็มีคนวิ่งออกมา…” คนขับรถพูดอย่างเคร่งเครียด โชคดีที่เหยียบเบรกทัน ไม่งั้นคงจะเกิดเรื่องจริงๆ “ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?” “ไม่ครับ เขาวิ่งไปแล้ว” คนขับรถพูด เปศล มองไปนอกหน้าต่าง “งั้นก็ออกรถต่อเถอะ” “ครับ!” คนขับรถจึงออกรถ บรรยากาศภายในรถกลับมาเงียบอีกครั้ง จิดาภามองเปศล “คุณฌัลล์ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?” เปศล ส่ายหน้า “ผมไม่เป็นไร!” จิดาภาพยักหน้า “งั้นก็ดีค่ะ!” พี่ฌัลล์ หัวเราะ บรรยากาศในรถกลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง รถยังเคลื่อนตัวอยู่จนกระทั่งถึงหน้าบริษัท CA จิดาภาเอ่ยขอบคุณ “ขอบคุณคุณฌัลล์ นะคะที่มาส่งฉัน” “ไม่เป็นไรครับ คุณช่วยผม ผมก็ช่วยคุณ มันเป็นโชคชะตาของเราทั้งสองจริงๆ” จิดาภายิ้มแล้วลงจากรถ “งั้นฉันไปนะคะ!” เปศล พยักหน้า “ครับ!” จิดาภาพยักหน้าอย่างมีมารยาท จากนั้นจึงเดินเข้าไปในบริษัท รถของเปศล ยังอยู่หน้าบริษัทจนกระทั่งจิดาภาเดินเข้าไปในบริษัทเรียบร้อย คนขับจึงขับรถออกไป ปวีร์ มองเปศล “พี่ฌัลล์ เป็นไงบ้าง เมื่อกี้ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” เปศล ส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นไร!” แต่ว่า เมื่อเขาหันไปมองจิดาภาที่กำลังเดินเข้าไปในบริษัท คิ้วก็ขมวดขึ้น เขายอมรับว่าทุกครั้งที่เจอจิดาภา เขามักจะมีความรู้สึกที่คุ้นเคยอยากบอกไม่ถูก หรือว่าเพราะเธอหน้าตาคล้ายฉัตรชัยอย่างนั้นหรือ? นิสัยก็เกือบจะเหมือนกัน เปศลถอนหายใจ ขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปวีร์รับสายและอึ้งไป เขาลังเลอยู่สักครู่ จึงยื่นโทรศัพท์ให้เปศล เปศลมองโทรศัพท์แวบหนึ่งจึงเอาแนบหู “ฮัลโหล…” “คุณฌัลล์ผมได้ข่าวเธอแล้วครับ!”