หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 670 เพื่อนเจ้าสาวที่สวยที่สุด
ตอนที่ 670 เพื่อนเจ้าสาวที่สวยที่สุด
พ่อมองหน้าเธอ “แต่งงานแล้ว ต่อไปก็จะเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องคิดให้รอบคอบ อย่าทำอะไรตามใจชอบอีก”
“พ่อ” กชกรอดไม่ไหวปล่อยโฮออกมาก สวมกอดพ่อของตัวเอง
ภาพนี้บวกกับบทเพลงที่กำลังบรรเลง ทำให้คนประทับใจไม่น้อย
จิดาภาที่ยืนอยู่ข้างหลังก็น้ำตาคลอตามไปด้วย แต่ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี
พ่อของกชกรตบไหล่ลูกของตน จากนั้นจึงส่งมือของเธอให้เปรมศักดิ์
“ฝากนายด้วยนะ”
“ผมจะดูแลเธอให้ดี” เปรมศักดิ์พยักหน้า
“ได้ยินนายพูดแบบนี้ ฉันก็วางใจ” พ่อของเธอพูดเช่นนั้นแล้วถอยหลังไปยืนด้านข้าง
เปรมศักดิ์และกชกรเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าบาทหลวง
บาทหลวงมองหน้าของทั้งคู่ และประกาศออกไป พิธีเริ่มขึ้นแล้ว
“คุณกชกร คุณจะยอมรับผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เป็นสามีหรือไม่ คุณสัญญาว่าจะรักเขา ดูแลเขาไม่ทิ้งเขาไปชั่วชีวิตของคุณหรือไม่?” บาทหลวงถาม
กชกรยิ้มบางแล้วพยักหน้า “ค่ะ”
ขณะเดียวกันบาทหลวงก็หันไปมองเปรมศักดิ์ “คุณเปรมศักดิ์ คุณจะยอมรับผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เป็นภรรยาหรือไม่ คุณสัญญาว่าจะรักเธอ ไม่ทิ้งเธอไปชั่วชีวิตหรือไม่?”
“…”
หลังจากบาทหลวงถามจบ บรรยากาศข้างล่างก็ปกคลุมไปด้วยความเงียบ แขกในงานรอฟังคำสาบานของพวกเขา แต่ไม่รู้ว่าเปรมศักดิ์กลับคิดอะไรอยู่ ขณะนั้นแขกในงานต่างพากันอึ้ง กชกรก็อึ้งไปเช่นกัน มีเพียงตำแหน่งที่พันเดชยืนอยู่เท่านั้น ถึงจะมองเห็นสายตาของเปรมศักดิ์ สายตาที่กำลังมองมายังจิดาภา ขณะนั้น กชกรที่อึ้งอยู่ หันหน้าไปมองเปรมศักดิ์ เธอใช้แขนสะกิดเขา เปรมศักดิ์จึงหลุดจากภวังค์ เขามองบาทหลวง และเอ่ยปาก “ผมยอมรับครับ…” เมื่อได้ฟังเช่นนั้น แขกในงานต่างก็พากันโล่งอก “ดี ฉันขอประกาศความยินยอมของพวกเธอต่อหน้าพระองค์ ท่านทั้งสองเป็นสามี-ภรรยาตามกฎหมาย ขอให้ทั้งคู่สวมแหวนให้กันและกัน” เมื่อพูดถึงประโยคนี้ จิดาภากับอีกคนหนึ่ง จึงเดินขึ้นไปและส่งแหวนให้ ช่วงเวลาที่จิดาภาเดินขึ้นมานั้น เปรมศักดิ์รู้สึกว่าใจของตัวเองกำลังสั่น เขากวาดตามองจิดาภาแบบไม่ได้ตั้งใจ สิ่งที่เหลืออยู่คือความโศกเศร้า หลังจากที่ทั้งคู่แลกแหวนเรียบร้อย หน้าที่เพื่อนเจ้าสาวของจิดาภาก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ “ตอนนี้เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้” บาทหลวงพูด บรรยากาศข้างล่าง เต็มไปด้วยเสียงเชียร์ คนที่ยืนอยู่บนเวทีอย่างเปรมศักดิ์อึ้งไปสักครู่ กชกรหน้าแดง เธอเงยหน้าขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เนิ่นนาน เปรมศักดิ์ก็ยังไม่ทำอะไร พันเดชมองไปยังเปรมศักดิ์ มุมปากปรากฏรอยยิ้มที่คลุมเครือ… สุดท้าย เปรมศักดิ์ก็เดินเข้าไปจูบบนริมฝีปากของกชกรอย่างแผ่วเบา เป็นอันเสร็จพิธี จิดาภายืนอยู่ข้างๆ พันเดช เธอมองไปยังพวกเขา ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา เธออวยพรให้พวกเขามีความสุขจากใจจริง! ขณะนั้นเองลาภิศหันหน้าไปมองจิดาภาแวบหนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองพันเดช “พันเดช เห็นหรือยัง สายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา ยังไม่รีบขอเธอแต่งงานอีก!” เมื่อได้ยินดังนั้น สายตาของพันเดชมองไปยังจิดาภา เขาเอามือวางบนตัวเธอ แล้วพูดคำที่น่าหลงใหลพร้อมยิ้มอย่างชั่วร้าย “รอก่อน อีกไม่นาน นายเตรียมซองไว้เลยถ้าใส่น้อยฉันไม่เชิญ!” พูดจบ เขาก็จูงมือจิดาภาเดินออกไป ความประทับใจของจิดาภาโดนคำพูดตลกของพันเดชกับลาภิศกลบจนหมด ทั้งคู่เดินออกมา จิดาภาถามอย่างจริงจัง “เขาจะใส่ซองงานแต่งของเราเท่าไร?” พันเดชก็ถามกลับไปอย่างจริงจัง “คุณอยากได้เท่าไร?” “เอ่อ…เจ้าของงานสามารถเรียกร้องได้ด้วยเหรอ?” “กับคนอื่นไม่ได้หรอก แต่กับพวกเขาน่ะได้แน่นอน” พันเดชพูด จิดาภาพยักหน้าหงึกๆ “งั้นฉันต้องคิดให้ดีแล้วล่ะ” “โอเค จัดให้หนักไปเลย ถ้าให้น้อย เราไม่ต้องเชิญพวกเขา!” “โอเคค่ะ” ทั้งคู่คิดคำนวณอย่างเสร็จสรรพ ลาภิศมองพวกเขาจากข้างหลังก็ส่ายหัวอย่างอดไม่ได้ ช่วงค่ำ ณ โรงแรม หลังจากที่ถึงโรงแรม จิดาภาเปลี่ยนชุดเป็นชุดราตรีที่ดูดี ส่วนกชกรเปลี่ยนเป็นชุดราตรีที่ค่อนข้างสะดวกและคล่องตัว ในเวลานี้ คุณชายทั้งสี่คนและจิดาภากำลังยืนคุยกันอยู่อีกด้าน “คุณจิดาภา ทำไมสวยขนาดนี้ครับเนี่ย อยากสัมผัสการเป็นเจ้าสาวเหรอครับ?” ลาภิศถามอย่างติดตลก จิดาภาหัวเราะ “ประธานลาภิศ คุณนี่ช่างพูดจริงๆ ที่บ้านรู้หรือเปล่า?” พวกเขาหัวเราะออกมา “ผมแค่พูดตามความจริง คุณไม่ได้ยินเหรอ พวกเขาคุยกันอยู่ข้างล่างว่าคุณคือเพื่อนเจ้าสาวที่สวยที่สุด” “ขอบคุณที่ชม!” จิดาภายิ้มแล้วพูดออกไป สำหรับพวกเขาสี่คนมันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว พันเดชถือแก้วไวน์ มองดูพวกเขาพูดคุยกัน รอยยิ้มปรากฏขึ้นตรงมุมปาก สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็คือ จะเจอพี่ฌัลล์ในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ เห็นเขาเดินเข้ามา จัสตินก็นึกขึ้นได้ จัสตินใช้น้ำเสียงเบาพูดออกไป “พันเดช ฉันได้ยินมาว่าบริษัทRLจะร่วมงานกับนาย?”