หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 643 เป็นตัวเอก
ตอนที่ 643 เป็นตัวเอก
แต่ เบเบ้เอ่ยปากพูดอย่างอ่อนโยน “คือฉันไม่ได้พูดว่าจะมาเองแหละ !” พูดจบสายตาของเธอก็มองไปที่สงชัย คำพูดของเธอปกป้องสงชัยทุกอย่าง แต่ก็ทำให้คนรู้สึกว่าเธอตั้งใจ ในทางตรงกันข้าม การที่เธอทำแบบนี้ก็ทำเพิ่มความประทับใจให้กับผู้คนอย่างน่าประหลาดใต
จิดาภายืนอยู่ตรงนั้นแล้วมองไปที่เธอด้วยสายตาราบเรียบ เห็นได้ว่าเธอใส่ใจสงชัย
ในช่วงเวลานั้นสงชัยก็เงยหน้าขึ้น สบตากับจิดาภาด้วยกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ จิดาภาไม่ได้หลบ แต่กลับมองไปที่เขา
ไร้ซึ่งการตำหนิ ไร้ซึ่งความรู้สึกไม่สบายใจ ไร้ซึ่งอารมณ์
อย่างไรก็ตาม สายตาแบบนี้ทำให้สงชัยถึงกับหดหู่
อีแค่อารมณ์นิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดี……
ทว่าไม่มีสักนิดเดียว
ยืนอยู่ตรงนั้น สงชัยมองไปที่ เบเบ้ มุมปากก็ยกขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ขอโทษนะ ผมลืมไปแล้ว……”
ขณะนั้น เบเบ้ก็ตกตะลึงเล็กน้อย เพราะว่าสงชัยไม่ได้ยิ้มให้เธอแบบนี้มานานแล้ว ในขณะนั้นในใจของเบเบ้ก็ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มของสงชัย ไม่เคยคิดเลยว่าการที่สงชัยทำแบบนี้เพราะมีเหตุผลแฝงอยู่
ในเวลาเดียวกัน สงชัยก็เดินเข้าไปแล้วมองไปที่เบเบ้ ทั้งสองคนก็จ้องมองกันและกัน ในตอนนั้นเบเบ้คิดว่าตัวเองเป็นคนทำให้สงชัยประทับใจเข้าแล้ว……
ในฐานะผู้ชายด้วยกัน เขากำลังคิดอะไรอยู่ พันเดชก็รู้อยู่อย่างชัดเจนมาก
มองไปที่พวกเขา ดวงตาของเขาก็หรี่ขึ้นเล็กน้อย มุมปากเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่สามารถประเมินได้ มองไปที่พวกเขาอย่างเหน็บแนม “เห็นได้ว่าทั้งสองคนไม่ใช่หนุ่มสาวที่เป็นเพื่อนเล่นกันในวันเด็กธรรมดาๆ ขนาดนั้น !” คำพูดของพันเดชมักจะตีความหมายออกอยู่เสมอ สงชัยหันหัวแล้วมองไปที่พวกเขา “แนะนำให้พวกคุณได้รู้จักนะ นี่คือเบเบ้พ่อของเขาก็คือ นรธีร์ !” เมื่อได้ยินสิ่งนี้พันเดชก็ขมวดคิ้วขึ้นแล้วมองไปที่เบเบ้ “นรธีร์เป็นพ่อของคุณ !?” เช่นเดียวกัน จิดาภาก็ตกตะลึงเล็กน้อย เรื่องอื่นอาจจะไม่รู้ แต่ใช้ชีวิตอยู่ในลอนดอนมาตั้งสองปีแล้ว นรธีร์ ชื่อนี้เธอก็เคยได้ยินมาอยู่ เคยได้ยินมาว่าเขาน่าจะเป็นเชื้อราชวงศ์ ยังก็ตามตอนที่อยู่ลอนดอนก็ได้รับเคารพนับถือจากประชาชนอย่างมาก ขณะนั้นมุมปากของพันเดชก็ยกขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ถ้าคิดแบบนี้คุณก็น่าจะเป็นเจ้าหญิงแห่งลอนดอนสินะ !” เบเบ้ยิ้มอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ได้ปฏิเสธ ไวต่อความรู้สึกจริงๆ “ยินดีต้อนรับเข้าสู่เมือง A ของประเทศจีนนะครับ !” พันเดชก็ยกแก้วขึ้นมา ในเวลาเดียวกันเบเบ้ก็ยกแก้วขึ้น ขณะนั้นจิดาภากับสงชัยก็ยกแก้วขึ้นด้วยคนละแก้ว “ขอบคุณนะคะ !” เบเบ้ยิ้มอย่างสง่าผ่าเผย แสดงถึงบุคลิกลักษณะอันดีงามของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ “ถ้าอย่างนั้นก็อยู่นานๆ หน่อยนะครับ ยินดีต้อนรับพวกคุณจะเข้าร่วมการแต่งงานของผมกับจิ……” พูดจบเขาหันหัวมองไปที่จิดาภาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม จิดาภาก็มองไปที่พันเดชแล้วยิ้มขึ้นเช่นกัน แม้ว่าเธอจะรู้ดีว่าคำพูดนี้มีส่วนที่จงใจอยู่บ้าง แต่นี่ก็เป็นความจริง แต่เมื่อคำพูดนี้ของพันเดชส่งออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึง คนที่ชัดเจนมากที่สุดคือสงชัย เบเบ้มองไปที่พวกเขาด้วยความตกใจอยู่บ้าง “พวกคุณกำลังจะแต่งงานเหรอ ?” พันเดชพยักหน้า “ค่อยรอให้งานของพี่ชายใหญ่ของจิเสร็จเรียบร้อย ต่อไปก็จะเป็นการแต่งงานของพวกเราแล้วล่ะ !” เดิมทีเขาไม่อยากป่าวประกาศ แต่เห็นเซอร์ไพรส์ที่เปรมศักดิ์มีให้ เขาจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยิ่งทำให้เซอร์ไพรส์ใหญ่ขึ้นไปอีก ตัวของสงชัยแข็งทื่อ มองไปที่จิดาภาราวกับว่าไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง ทว่าจิดาภาก็ยิ้มอยู่…… ขณะนั้นเบเบ้ก็ตกตะลึงเล็กน้อย หันหัวมองไปที่สงชัยด้วยความเป็นห่วงอยู่บ้าง เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาดูแย่มากก็รู้สึกเป็นทุกข์ไปด้วยอยู่รำไร…… เขายังปล่อยวางไม่ได้ แล้วก็ยังลืมไม่ได้…… “จิ พี่พันเดช พวกคุณตัดสินใจว่าจะแต่งงานแล้วเหรอ ?” เสียงของกชกรก็ดังขึ้นมา เธอเป็นตัวเอกของคืนนี้ แต่เดิมมันก็ดึงดูดผู้คนอยู่แล้ว ตอนนี้คำพูดของเธอยิ่งจะทำให้รอบข้างได้ยินอย่างชัดเจนมาก รวมถึงเปรมศักดิ์ที่กำลังต้อนรับผู้คนอยู่ด้านข้าง…… เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทุกสายตาต่างก็มองมาที่นี่จนหมดโดยไม่รู้ตัว สายตาของพันเดชกวาดไปที่เปรมศักดิ์ จากนั้นก็หยุดอยู่บนตัวของกชกร มุมปากยกขึ้น “ใช่แล้วล่ะ หลังจากพวกคุณก็ถึงตาพวกฉันแล้ว !” “ในที่สุดพวกคุณก็ตัดสินใจกันสักทีนะ ยินดีด้วยนะจิกับพี่พันเดช !” กชกรพูดด้วยรอยยิ้ม จิดาภายิ้มออกมา “ขอบคุณนะ แต่ว่าในคืนนี้เธอเป็นตัวเอกนี่นา !” “แล้วมันจะเป็นอะไรไปล่ะ พวกเราก็สามารถแต่งงานไปด้วยกันยังไงล่ะ !” กชกรพูดอย่างเพ้อฝัน “ไม่ล่ะ !” พันเดชเอ่ยปากพูดปฏิเสธ “ผมจะต้องให้มีการแต่งงานที่ไม่เหมือนใครต่อจิ ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะแต่งด้วยกันกับพวกคุณ !” พันเดชปฏิเสธอย่างเด็ดขาด กชกรยิ้ม “พี่พันเดช คุณกลายเป็นคนโรแมนติกตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย ?” พันเดชยิ้ม สายตาเหลือบไปมองที่จิดาภา…… ขณะนั้นผู้คนรอบๆ ที่ได้ยินข่าวนี้ก็พากันมาแสดงความยินดีอย่างไม่ขาดสาย เดิมทีเป็นพิธีหมั้นของเปรมศักดิ์ แต่กลับถูกพันเดชทำให้ตัวเองเป็นตัวเอกไปแล้ว เปรมศักดิ์ยืนอยู่ข้างหลังแล้วมองไปที่พวกเขา สีหน้าย่ำแย่มาก นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ขณะที่จิดาภาและไปรยากำลังพูดคุยกันอยู่ ในเวลาเดียวกัน เบเบ้ก็เดินมาแล้วมองไปที่จิดาภา “คุณจิดาภาคะ ฉันสามารถคุยกับคุยเป็นการส่วนตัวสักครู่ได้ไหมคะ ?” ไปรยาหันหัวกลับ เมื่อเห็นเบเบ้สัญชาตญาณก็บอกเธอว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้น่าเกลียดเท่าตุลยา เธอจึงวางใจไปแล้วมองไปที่จิดาภา “ฉันไปเดินเล่นฝั่งนั้นสักครู่นะ !” จิดาภาพยักหน้า ส่วนไปรยาก็เดินไปอีกด้านหนึ่ง จิดาภายืนอยู่ตรงนั้น เบเบ้ก็เดินมา “ละลาบละล้วงเกินไปไหมคะ ?” จิดาภาส่ายหัว “ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ คุณมีอะไรจะพูดก็พูดมาเลย !”