หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 620 สมาชิกใหม่
ตอนที่ 620 สมาชิกใหม่
“ประธานพันเดช ขอบคุณค่ะ คุณวางใจได้ ฉันจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน!” ตมิศาพูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม เธอมองไปที่พันเดชด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยสีสันที่แตกต่างกัน
ในตอนนั้นเองประตูห้องก็ถูกเปิดออก จิดาภาเดินเข้ามาข้างใน
ตอนที่มองเห็นจิดาภา ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายระยิบระยับ มุมปากยกสูงขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความอบอุ่นอย่างถึงที่สุด “มาแล้วเหรอ”
จิดาภาพยักหน้าแล้วเดินเข้าไป “กำลังยุ่งอยู่เหรอคะ”
“เสร็จเรื่องแล้วละ ไปทานข้าวกันเถอะ!” พันเดชพูดขณะที่กำลังมองจิดาภา
ตมิศาที่ยืนอยู่อีกด้านเห็นพันเดชกับจิดาภายืนอยู่ด้วยกัน แววตาที่เขาใช้มองเธอนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น ราวกับว่าแววตาของเขามีเพียงเธออยู่แค่คนเดียว ความรู้สึกนึกคิดนั้นทำให้เธอค่อนข้างที่จะรู้สึกอิจฉา
ถ้าหากว่ามีผู้ชายสักคนทำเพื่อเธอแบบนี้บ้าง เช่นนั้นก็คงจะดีไม่น้อย
ในแววตาของเธอมีภาพจินตนาการปรากฏขึ้นมาจำนวนหนึ่ง
แต่เธอรู้ว่าถ้าคิดอยากจะได้แบบนี้ ก็ต้องพึ่งพาตนเอง
“ประธานพันเดช ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวออกไปก่อนนะคะ” ตมิศาพูดขัดจังหวะพวกเขาออกมาเบา ๆ
ในตอนนั้นเอง พันเดชกับจิดาภาก็หันมา พันเดชพยักหน้า “อืม!”
ด้วยเหตุนี้ตมิศาจึงเงยหน้าขึ้นมองจิดาภา แล้วหมุนตัวกลับออกไป
พอประตูถูกปิดลง จิดาภาก็หันกลับไปมองพันเดช เธอยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “รู้จักแต่งเนื้อแต่งตัวนะ!”พันเดชเลิกคิ้ว “ทำไม หึงเหรอ”จิดาภายิ้ม “อยู่กับสาวสวยสองต่อสองตลอดทั้งบ่ายประธานพันเดช ที่ข้างนอกมีลมฝนแพร่กระจายอยู่นะ!”“จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นเธอกำลังหึงอยู่ใช่หรือเปล่า” พันเดชถามพลางอมยิ้มบาง ๆ บางครั้งใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของพันเดชก็สามารถดึงดูดเอาวิญญาณคนมาได้จริง ๆจิดาภาเชิดคางขึ้นมาอย่างมีความมั่นใจ “เทียบกันแล้วฉันก็ยังคงเชื่อมั่นในตัวเอง” เธอยิ้มแล้วพูดออกมาพอเห็นเธอแบบนั้นพันเดชก็ยิ้มออกมา จากนั้นก็ยื่นมือไปโอบกอดเธอ “ไปทานข้าวกัน!”“ค่ะ!”ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงไปทานข้าวด้วยกันทั้งคู่ไม่ได้ทานข้าวด้วยกันมานานมากแล้ว ช่วงนี้มีเกิดเรื่องขึ้นมาเยอะมากเป็นพิเศษ ทั้งสองคนพบกันว่าน้อยห่างกันว่ามาก โชคดีที่ช่วงเย็น ๆ ยังได้กลับบ้านพร้อมกันตอนที่กำลังทานข้าว จิดาภาก็นึกเรื่องเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ใช่แล้ว อยากไปเยี่ยมคุณย่าไหมคะ”พวกเขายังคงไปหลังจากที่ได้รู้ข่าวนี้พันเดชมองเธอ “ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ค่อยไปพรุ่งนี้เถอะ” จิดาภาพยักหน้า ทั้งสองคนลงมือทานกันต่อ พวกเขาไม่ได้เงียบใส่กันเพียงเพราะหัวข้อสนทนานี้ กลับกันยังคงมีการพูดคุยและการหัวเราะในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของจิดาภาก็ดังขึ้นมา พอมองเห็นหมายเลขปลายทางจิดาภาก็มองไปที่พันเดช จากนั้นก็กดรับสาย “ว่าไง ไปรยา…”“จิ ฉันพูดกับเธอเลยนะ เจ้าท่อนไม้สมควรตายนั่นเป็นคนทรยศ เธอไม่ต้องสนใจเขาแล้ว ช่างหัวเขา!” เพิ่งจะกดรับสายได้ไม่ทันไร เสียงไปรยาก็ดังขึ้นมาจากทั้งฝั่งนั้นทันทีจิดาภาถามกลับไป “ทำไมละ” “โดยสรุปก็คือเรื่องหลังจากนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน แต่ถ้าเธอไม่อยากถูกเขาทำร้ายจนตายละก็ เธอไม่ต้องไปใส่ใจเขาอีก ฉันมีเรื่องต้องไปทำต่อ แค่นี้ก่อนนะ!” พูดจบไปรยาก็วางสายไปทันทีจิดาภาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองตาปริบ ๆ “มีอะไร” พันเดชถาม“ไปรยาโทรศัพท์แปลก ๆ มาบอกว่าไม่ต้องไปสนใจเรื่องของเอลิสต์…”“ทะเลาะกันเหรอ!”“น่าจะใช่ค่ะ!”“คู่รักทะเลาะกันก็แบบนี้แหละ!”จิดาภาที่กำลังทานอาหารอยู่มึนงง เธอมองไปที่พันเดช “พวกเขาไม่ได้เป็นคนรักค่ะ!”แต่ทว่าพันเดชกลับเลิกคิ้วอย่างไม่ใส่ใจ “เธอไม่คิดเหรอว่าพวกเขาสองคนเหมาะสมกันมาก ๆ ”พอพูดออกมาแบบนี้แล้ว จิดาภาก็ครุ่นคิดพิจารณาอย่างจริงจัง จากนั้นเธอก็พยักหน้า “รู้สึกค่ะ!”จากนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาอย่างรู้กัน ไปรยาเป็นคนที่ปากกรรไกรหัวใจเต้าหู้ เอลิสต์เองก็เป็นคนที่มีประสบการณ์ ดังนั้นพวกเขาสองคนได้อยู่ด้วยกันจึงเหมาะสมกันมากจิดาภาไม่เคยเห็นคนที่พาไปรยาไปจนถึงจุดที่เธอต้องวางสายโทรศัพท์ด้วยความโมโหเอลิสต์เป็นคนแรก!พอคิดแบบนี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าทั้งคู่เหมาะสมกัน แต่ทว่าจิดาภาก็ไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่ง เรื่องเกี่ยวกับทั้งชีวิตของไปรยา ก็ควรที่จะให้เธอเป็นคนเลือกและตัดสินใจด้วยตัวเองหลังจากที่ทานข้าวเสร็จ จิดาภากับพันเดชก็ขับรถกลับไปด้วยกันอย่างช้า ๆ รับลมไปพลาง พูดคุยกันไปพลาง สายลมพัดผ่านร่างกายเบา ๆ ทำให้รู้สึกสบายเป็นอย่างยิ่งทันใดนั้นจิดาภาก็รู้สึกประทับใจ เธอหันไปมองพันเดช “พันเดชคะ หลังจากที่เรื่องทั้งหมดจบลงแล้ว พวกเราไปเที่ยวกันดีไหมคะ”พันเดชเอียงศีรษะ เขายิ้มขึ้นมาอย่างอ่อนโยน “อยากไปที่ไหนละ”“อืม…ไปฝรั่งเศสดีไหมคะ ฉันอยากจะไปดูประเพณีของต่างประเทศ!”พันเดชใช้มือหนึ่งขับรถ และใช้อีกมือหนึ่งกุมมือจิดาภาไว้ “ทำไมละ ที่ลอนดอนยังไม่พอเหรอ”“ถึงแม้ว่าจะเป็นยุโรปเหมือนกัน แต่ประเพณีไม่ได้เหมือนกันนะคะ ความรู้สึกเองก็ไม่เหมือนกัน ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่โรแมนติก ฉันอยากจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเราในประเทศแบบนั้น” จิดาภาพูดด้วยรอยยิ้ม