หลงรักเมียเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 618 ไม่ได้ต้องการเช็ค
ตอนที่ 618 ไม่ได้ต้องการเช็ค
“ไม่ว่าคุณคิดที่จะทำอะไรฉันก็จะสนับสนุนคุณ แต่ฉันหวังว่าคุณจะคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ฉันไม่อยากที่จะให้คุณเสียใจทีหลัง!” จิดาภาพูดพลางมองเขา
น้ำเสียงอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยความห่วงกังวลดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง พันเดชหันกลับมองจิดาภา เขารู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังมองเห็นแสงสว่างของพระอาทิตย์ รู้สึกอบอุ่นไปทั่วทั้งหัวใจ
มุมปากของเขายกยิ้ม แล้วดึงตัวจิดาภาเข้ามาไว้ในอ้อมกอด “ฉันโกรธ แต่ก็ยังไม่ถึงกับทำลายล้างในส่วนที่มีเหตุผล เธอวางใจเถอะ ฉันไม่เป็นไร!”
พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ จิดาภาก็วางใจ เธอพยักหน้า “ค่ะ นี่สิถึงจะเป็นคุณที่ฉันรู้จัก!”
พันเดชเลิกคิ้ว “หืม ฉันที่เธอรู้จักเหรอ เป็นแบบไหนละ”
จิดาภาเลียนแบบเขา เธอเลิกคิ้ว “คุณเดาดูสิ!”
“ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าในหัวใจของเธอมองฉันเป็นคนแบบไหน” พันเดชมองเธอแล้วถามออกมา เพราะว่าแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยพิจารณาถึงเรื่องนี้มาก่อน พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว เขาก็อยากที่จะรู้ขึ้นมาทันทีว่าจิดาภาคิดอย่างไร
จิดาภาครุ่นคิด เธอมองพันเดชแล้วพูดออกมาว่า “ฉันก็บอกไม่ถูก แต่ฉันรู้ว่าไม่ว่าจะเมื่อไหร่หรือว่าสถานที่ใด ไม่ว่าคุณจะตกอยู่ในอารมณ์ความรู้สึกแบบไหน คุณล้วนมีความคิดเป็นของตัวเอง!”
พันเดชยกยิ้มตื้น ๆ “นี่เธอกำลังประจบฉันอยู่ใช่ไหม”
“ฉันเชื่อนะคะว่าคุณเป็นคนที่ใช่เมื่อได้พบ!”
พันเดชมองจิดาภาอย่างตะลึง
จิดาภาเชิดปลายคางขึ้น “ฉันพูดถูกไหมคะ”พันเดชมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความรักอย่างลึกซึ้ง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไรมากมาย แต่เขากลับรู้ว่าเธออยากที่จะพูดอะไร ผ่านมานานเสียขนาดนี้แล้วเขาจะไม่พูดว่าตนเองเป็นผู้ชายที่ดีอะไร แต่สิ่งที่ค่อนข้างจะแน่นอนก็คือจิดาภาพูดถูก คนที่ใช่เมื่อได้พบ เขายิ่งจะทุ่มเททั้งตัวแล้วหัวใจเขามองเธอแล้วยิ้ม “ใช่ เธอพูดไม่ผิด ตอนที่ฉันได้พบเธอ ฉันก็นับได้ว่าตกอยู่ในกำมือของเธอแล้ว!”พอเห็นเขาท่าทางของเขา จิดาภาก็ยิ้มขึ้นมา เธอยื่นมือออกไปกอดเขาไว้ รับรู้ถึงการเต้นที่ทรงพลังของหัวใจบนหน้าอกของเขา ราวกับว่ามันกำลังเต้นเพื่อเธอตอนนี้แม้ว่าพันเดชจะไม่ได้ซื้อบริษัทเอไอแต่สถานการณ์ของบริษัทเอไอก็ตกอยู่ในสภาวะที่เป็นอัมพาตแล้ว ตอนนี้เขาเก็บไม้เก็บมือ บริษัทเอไอรู้สึกเป็นกังวลอยากจะขอให้พันเดชซื้อพวกเขา มิฉะนั้นพวกเขาจะต้องเผชิญกับวิกฤติการล้มละลายบริษัทเอไอตกอยู่ในภาวะอันตราย แต่พันเดชกลับทำเป็นว่ามองไม่เห็น ไม่ฟัง ไม่ถาม ราวกับว่าไม่รู้เลยว่ากำลังเกิดเรื่องนี้ขึ้น เขาไม่แม้กระทั่งจะอธิบายหรือว่ารับสายโทรศัพท์ของบริษัทเอไอในช่วงเวลาบ่ายก็ได้ปรากฏทัศนียภาพที่สวยงามขึ้นมาในบริษัทเมื่อบริษัทมีตัวละครใหม่ ๆ เข้ามาในแต่ละครั้งก็มักจะดึงดูดให้เกิดเรื่องการนินทา ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่คนคนนั้นพุ่งตรงไปที่ห้องทำงานของพันเดชทันที ยิ่งดึงดูดคนให้มาร่วมคนคาดเดากันมากขึ้น ที่แผนกออกแบบมีเสียงซุบซิบดังขึ้นมาอีกครั้งพอออกมาจากสำนักงานของจิดาภาและพันเดช บริษัทก็ได้รับการปลดปล่อยออกจากบรรยากาศที่ตึงเครียด จึงเริ่มกลับมาซุบซิบนินทากันอีกครั้ง“จิ เธอได้ยินไหม”“ได้ยินอะไร”“มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปในห้องของประธานพันเดช แถมยังแต่งหน้าแต่งตัวมาเสียสวยเช้ง ทุกคนเห็นแค่แวบเดียวก็มองออกเลยนะว่าเธอตั้งใจแต่งมากจนเกินไป!” แก้วพูดพอได้ยินดังนั้น จิดาภาก็เลิกคิ้วแล้วมองแก้ว “จริงเหรอ”แก้วพยักหน้า เธอมองจิดาภาที่ไม่มีท่าทีกังวลเลยแม้แต่สักนิด “ยัยจิ หัวใจของเธอจะกว้างใหญ่เกินไปแล้วถึงได้ไม่รู้สึกกังวลใจแม้แต่สักนิด! ”จิดาภายิ้ม “จะให้กังวลอะไร คนเขามาพบคนจะแต่งหน้าแต่งตัวก็เป็นเรื่องปกติ ไม่หนำซ้ำคนที่ต้องพบก็ไม่ใช่คนธรรมดา!”“จิ เธอเป็นคนที่จิตใจกว้างขวางที่สุดที่ฉันเคยเจอมา!” แก้วอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอย่างนับถือจิดาภายิ้ม “อย่างฉันเขาเรียกว่ามีความมั่นใจในตัวเองย่ะ!”“OK OK คิดเสียว่าฉันไม่ได้พูดก็แล้วกัน!”พอเห็นอารมณ์ความรู้สึกที่แสดงออกมาทางหน้าของแก้วแล้ว จิดาภาก็ยิ้มออกมาไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร ถ้าพันเดชคิดที่จะทำเรื่องที่ผิดต่อเธอเขาก็คงจะไม่เลือกทำที่บริษัทแห่งนี้ พันเดชเป็นคนอย่างไร เขาฉลาดขนาดไหน ทำไมถึงต้องทำให้คนจับจุดอ่อนได้จิดาภาไม่ได้คิดอะไรมาก เธอเข้าไปดื่มน้ำที่ห้องน้ำชา เรื่องพวกนี้ไม่มีผลกระทบกับเธอเลยสักนิดทว่าภายในห้องทำงานของพันเดชหลังจากที่ตมิศาเข้ามาในห้อง เธอสวมชุดกระโปรงสีเหลืองคู่กับรองเท้าส้นสูงสามนิ้ว ทั้งยังแต่งหน้ามาอย่างตั้งใจ ดูไม่ยากเลยว่าเธอเตรียมตัวอย่างตั้งอกตั้งใจเป็นพิเศษเพื่อการพบปะกันครั้งนี้ หลังจากที่เธอเข้ามาในห้อง พอได้เห็นผู้ชายที่กำลังหันหลังให้เธอ ดวงตาของเธอก็มีประกายสวยงามปรากฏขึ้นมาถึงแม้ว่าจะเป็นแค่เพียงแผ่นหลัง แต่ทว่านิสัยเฉพาะตัวของผู้ชายที่มีความมั่นคงและเป็นผู้ใหญ่ที่แผ่กระจายออกมาจากร่างกายของเขานั้น ทำให้คนที่แม้จะเห็นแค่เพียงมองผ่านแต่ก็ยังยากที่จะลืมก่อนที่จะได้มาพบ เธอเคยเพียงแต่มองเห็นจากไกล ๆ เท่านั้น แต่วันนี้เขายืนตัวเป็น ๆ อยู่ตรงหน้าเธอเธอก้าวเดินไปข้างหน้าแล้วหยุดยืนอยู่ห่างจากตัวเขาไม่ไกลนัก จากนั้นก็พูดออกมาเบา ๆ “ประธานพันเดช!”เมื่อได้ยินเสียงนี้ดังขึ้น พันเดชก็หันกลับมามอง แต่ตอนที่เขามองเห็นคนที่อยู่ด้านหลัง คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย “เป็นเธอใช่ไหมที่โทรศัพท์มา”ตมิศายืนตัวตรงอยู่ตรงนั้น พยายามอย่างสุดกำลังที่จะทำตัวเองดูไม่ตื่นเต้น เธอพยักหน้า “ใช่ค่ะ!”“เธอแน่ใจนะว่าเธอเห็นกับตาตัวเอง” น้ำเสียงและแววตาของพันเดชแฝงด้วยการซักถามอย่างเจาะลึกและการหยั่งเชิง