ตอนที่ 63 : ทั้งสูงส่งและทะนงตัว!
โจวฉวนจีขมวดคิ้ว สมกับเป็นจักรพรรดิกระบี่ซะจริง เขาอุทานขึ้นมาในใจ
คําพูดพวกนั้นมันก็แค่กับดักเท่านั้นยังไงล่ะ!
สําหรับใครบางคนที่ทั้งสูงส่งและทะนงตัวอย่างจักรพรรดิกระบี่มาแสดงความเคารพอย่างสูงกับโจวฉวนมันเหมือนกับการผลักให้โจวฉวนจีตกลงไปในหลุมเพลิงนรกยังไงอย่างงั้น
แต่โจวฉวนจีสัมผัสได้เลยว่าเหล่าฝูงชนนั้นมองต่างออกไป
พวกเขากลับเริ่มรู้สึกอิจฉามากขึ้นกว่าเดิมแทน
โดยเฉพาะศิษย์จากสํานักเสี่ย พวกเขาต่างก็มองไปทางเขาด้วยความเกรี้ยวกราดราวกับอยากจะตะครุบเขาเลยที่เดียว
โจวฉวนจไม่ได้ตอบสนองอะไร ในเวลาแบบนี้เงียบเอาไว้จะดีกว่า
ในเมื่อจักพรรดิกระบี่ตั้งใจจะถีบเขาให้ตกลงไปในบ่อหายนะด้วยค่าสรรเสริญที่เกิดเหตุนั้นอยู่แล้วทําไมเขาจะไม่ใช่โอกาสนั้นในการประสบความสําเร็จไปด้วยเลยล่ะ?
ยิ่งกว่านั้น ถ้าเขาเถียงกลับไปล่ะก็ มันจะไม่ดูเหมือนว่าเขาไม่ให้เกียรติจักรพรรดิกระบี่แทนหรอกหรอ?
ถ้าเป็นงั้นจริง มีหวังจักรพรรดิกระบี่คงจะได้ใช้ข้ออ้างนั่นในการพรากชีวิตเขาไปได้ทุกเมื่อที่ต้องการแหง
สําหรับคนที่มีทั้งบารมีและความโด่งดังอย่างจักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจวแล้วเขาไม่มีทางจะฆ่าใครโดยไม่มีเหตุผลดี ๆ ได้หรอก
ผู้คนนับล้านที่รายล้อมอยู่รอบเวทีหินเริ่มตกอยู่ในความโกลาหลต่างก็เริ่มร้องออกมาด้วย ความประหลาดใจ ดังมากเสียจนเสียงแทบจะทะลุฟ้าไปเลยทีเดียว
“พระเจ้าช่วย! เทพกระบี่โจวดึงความสนใจจักรพรรดิกระบี่ได้งั้นหรอเนี่ย?”
“สุดยอดไปเลย เทพกระบี่โจวนเจ๋งจริง ๆ ว่ะ!”
“แหงอยู่แล้ว เขากล้าเรียกตัวเองว่าเทพกระบี่เลยนะ เจ้าคิดจริง ๆ น่ะหรอว่าเขาจะไร้ความสามารถน่ะ?”
“จักรพรรดิกระบี่พยายามจะขยี้เขาด้วยค่ายกย่องเว่อร์ ๆ นั่นแหงเลย!”
“จะเป็นงั้นไปได้ไงเล่า! จักรพรรดิกระบีน่ะทั้งซื่อตรงและซื่อสัตย์เชียวนะเขาไม่มีทางทําอะไรแบบนั้นหรอก!”
ณ ที่ขอบเวทีหิน เจียงฉือน้อย จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ และคนที่เหลืออยู่ต่างก็ปั่นป่วนกันหมด
จางหรูถานพูดขึ้นมาด้วยความชื่นชม “ท่านเทพกระบโจวช่างสุดยอดจริง ๆ”
แต่ฮวงเหลี่ยนชินกลับขมวดคิ้วและพูดขึ้นมาเบา ๆ “จักรพรรดิกระบี่ต้องไม่ได้ทําด้วยเจตนาดีแน่เลย”
“เจ้าหมายความว่าไงกันน่ะ?” เมื่อเจียงฉือน้อยได้ยินก็ถามด้วยความแปลกใจไม่ใช่ว่าเขามองเทพกระบี่โจวของพวกเราในทางที่ดีหรอกหรอ?
จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็เริ่มตระหนักได้เหมือนกันและสีหน้าที่ตื่นเต้นของเขาก็พลันหายไปในทันที ก่อนที่เขาจะเริ่มพิมพ์ออกมา“ดูบรรยากาศรอบ ๆ นั่นสินี่มันคือการบดขยนายน้อยของข้าด้วยคําสรรเสริญที่เว่อร์วังชัด ๆ”
เจียงฉือน้อยหันมองไปยังฝูงชนรอบ ๆ ทันที และเริ่มตระหนักได้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่พูดเชียร์เทพกระบี่โจว
คนส่วนใหญ่ต่างมองไปยังโจวฉวนจีด้วยความสงสัย บ้างก็มองด้วยความอิจฉา
ในขณะเดียวกัน บนเวทีหินนั้น เสี่ยหรูโหยวก็ยังคงยิ้มอยู่พลางมองไปยังโจวฉวนจี เขาพยักหน้าอยู่หลายต่อหลายครั้ง ราวกับว่าเขากําลังสรรเสริญโจวฉวนจีอยู่เรื่อย ๆ
โจวฉวนจีสบถอยู่ภายในใจ แสดงเก่งซะจริงนะ!
เข้าถามขึ้นมาทันที “แล้วเมื่อไหร่งานประชุมกระบี่จะเริ่มกันล่ะ? แล้วเราจะมีเวลากินข้าวเที่ยงรึเปล่า?
เสี่ยหวโหยวรู้สึกตกใจเล็กน้อย “เจ้านี้ช่างตลกซะจริง เราจะเริ่มงานทันทีที่ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่น่ะ” เขาพูดพลางยิ้มให้ขณะที่ส่ายหัวไปด้วย
โจวฉวนจีหันกลับไปมอง มันง่ายที่เดียวที่จะระบุว่าใครเป็นผู้เข้าร่วมงานประชุมกระบีบ้างเพราะทุกคนจะมีเหรียญหยกขาวห้อยเอาไว้อยู่ที่เอว
รวมเขาด้วยแล้ว ก็มีอยู่ทั้งหมด 41 คน
อีก 9 คนที่เหลือดจะทําให้ทุกอย่างต้องเชื่องช้ากันไปหมดเลย
แล้วจู่ ๆ เขาก็สังเกตเห็นใครบางคนมองมาทางเขาด้วยสายตาแปลก ๆ
มันไม่ใช่ทั้งความอิจฉา ดูถูก หรือสงสัยเหมือนกับคนรอบข้างของเขาแต่สายตาของคน ๆ นั้นกลับลุกโชนไปด้วยความปรารถนาที่จะสู้ด้วย
เขามองไปยังยอดกระบี่จาวฉง และรู้สึกสงสัยว่าเขาเป็นใครกัน
จางเถียนเขียนพูดพิมพ์ขึ้นมาข้าง ๆ เขา “เขาคือยอดกระบี่จาวฉงน่ะครับ”
ยอดกระบี่จาวฉง คนที่มีความสามารถเทียบได้กับโจวหยาหลงนั่นน่ะหรอ?
โจวฉวนจีชําเลืองมอง ก่อนจะเริ่มประเมินยอดกระปจาวฉง
สายตาของพวกเขาบรรจบกันพอดี มุมปากของยอดกระบี่จาวฉงยกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับแววตาที่เปล่งประกาย ราวกับว่าเขาเจอเหยื่อแล้ว
“ฮ่าๆๆ! ข้าไม่สนหรอกนะว่าเจ้าจะเป็นเทพกระบโจวหรือยอดกระปจาวฉงน่ะ! แต่ในวันนี้ในงานประชุมกระบี่นี่ ข้าจะเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน!”
เสียงระเบิดหัวเราะที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งนั้นดังลอยมาจากเส้นขอบฟ้าชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมศึกสีขาวยืนอยู่บนดาบที่กําลังบินตรงมาเขาทั้งสง่าผ่าเผยและงดงามพร้อมทั้งเปล่งประกายออร่าที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัวและทรงอานาจ
“ดาบอดรวายุแห่งโจว” จางเถียนเจียนพึมพําออกมา
โจวฉวนจีเหลือบมองไปยังดาบอดรวายุแห่งโจว เจ้าหมอนี่กล้าดูถูกเขาเลยอย่างงั้นเรอะ?
รอก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะแทงเจ้าด้วยดาบของข้าจนกว่าแม่เจ้าจะจําหน้าเจ้าไม่ได้เลยคอยดู!
เขาค่ารามออกมา ก่อนจะเล็กสนใจดาบอดรวายุแห่งโจวทันที
หลังจากที่ดาบอดรวายุแห่งโจวร่อนลงสู่เทวี เขาก็เริ่มพูดคุยกับเสี่ยหรูโหยวอย่างสนุกสนามและเมินจอมยุทธคนอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง
ที่ด้านหลังของเหล่าฝูงชนมีอาคารชั่วคราวตั้งอยู่นับร้อยหลัง ด้วยความที่ไม่มีประตูปิดกั้นพวกเขาเลยสามารถมองผ่านฝูงชนเพื่อดูงานประชุมกระบี่ได้
และผู้ที่นั่งอยู่ในอาคารชั่วคราวนั้นก็ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา หากแต่เป็นเหล่าข้าราชการเจ้าครองเมือง ขาใหญ่ประจําเขตแดน รวมไปถึงเหล่าจอมยุทธผู้มากฝีมือจากสํานักชื่อดัง
อาคารหนึ่งที่ถูกล้อมรอบไปด้วยเหล่าทหารในชุดเกราะหนักนับสิบนายมีชายรูปร่างกํายาพร้อมหนวดเคราบนใบหน้ากําลังนั่งอยู่บนอาคารหลังนั้น
เขามองตรงไปข้างหน้าและยิ้มกว้างพลางดื่มเหล้าไปด้วย “ถ้าข้าได้ 1 ใน 3 คนนั้นมาล่ะก็ข้าต้องล้มเจ้าเหมิงเทียนหลางได้แน่!”
นามของเขาก็คือ เฉียโหวจิน แม่ทัพระดับที่ 3 ของมหาจักรวรรดิโจว เขานั้นทั้งทรงพลังและมีทหารอยู่ใต้บัญชานับล้านนายเขาและเหมิงเทียนหลางไม่ชอบขี้หน้ากันจนตอนนี้กลายเป็นคู่แข่ง กัน
รองแม่ทัพที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ยิ้มขึ้นมากก่อนจะถามว่า “ท่านคิดว่าคนไหนดีกว่ากันครับ?”
เฉียโหวจิน ลูบเคราและตอบว่า “ถึงจักรพรรดิกระดูจะโปรดปรานในเทพกระบโจวก็เถอะแต่เห็นได้ชัดเลยล่ะว่าความจริงแล้วมันคือแผนของจักพรรดิกระบี่ที่ตั้งใจจะฆ่าเจ้านั่นน่ะส่วนดาบอดรวายุแห่งโจวก็ดูจะหยิ่งไปหน่อยล่ะนะเพราะงั้นข้าคิดว่าผู้ชนะน่าจะเป็นยอดกระจาวฉงมากกว่า”
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่เหล่าเจ้าเมืองนับร้อยต่างก็คิดเหมือนกันว่ายอดกระบี่จาวฉงจะชนะแน่นอน
นั่นก็เป็นเพราะพรสวรรค์ของยอดกระปจาวฉงยังไงล่ะ!
เขาน่ะเทียบได้กับโจวหยาหลงเชียวนะ!
แล้วใครคือโจวหยาหลงน่ะหรอ?
เขาคือจอมยุทธผู้ชั่วร้ายที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้ในรุ่นเดียวกัน และยังเป็นผู้ที่หวังว่าจะเหนือกว่าจักรพรรดิเหยียนแห่งโจวให้ได้ด้วย ส่วนยอดกระบี่จาวฉงนั้นก็พึ่งจะเผยพลังของเขาออกมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เองแต่ทันทีที่เขาเผยพลังออกมาชื่อเสียงของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจนไม่มีใครจะมาหยุดยั้งเขาได้
ในหมู่จอมยุทธระดับเดียวกันแล้ว ยอดกระบี่จาวฉงไม่เคยแพ้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
เขาเอาศัตรูทั้งหมดได้ภายใน 3 กระบวนท่าเท่านั้น!
เพราะงั้นแล้วเขาเลยติดอยู่ในตารางจัดอันดับผู้มีชื่อเสียงแห่งมหาจักรวรรดิโจว
ไร้ซึ่งผู้ใดเทียม ภายใน 3 กระบวนท่า ยอดกระจาวฉง คู่ปรับของบุตรชายขององค์จักรพรรค
บุตรชายขององค์จักรพรรดิที่ว่านั้นก็คือโจวหยาหลงนั้นเอง ผู้ถูกกําหนดให้เป็นถึงผู้สืบทอดราชบัลลังก์
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ผู้เข้าร่วมการแข่งขันของงานประชุมกระบี่ทั้ง 50 คนก็ได้มารวมตัวกันแล้ว
เสี่ยหรูโหยวชี้ไปยังหอคอยเหล็กและพูดขึ้นว่า “กฎมีเพียงข้อเดียว เมื่อใดก็ตามที่เจ้าร่วงลงสู่พื้นถือว่าเจ้าแพ้คนสุดท้ายที่เหลือรอดอยู่ภายในหอคอยเหล็กได้ก็คือผู้ชนะ
“ภายใน 3 ลมหายใจ หากใครยังไม่เข้าไปในหอคอยจะถูกปรับว่าแพ้ทันที!”
สีหน้าของเหล่าจอมยุทธเปลี่ยนไปในทันที พวกเขาต่างก่นด่าความหน้าด้านของเสียหรูโหยวอยู่ภายในใจ ก่อนหน้านี้ก็ล่าช้ามาตั้งนานแล้วจู่ ๆ ก็มาปุปปับแบบนี้อ่ะนะนี่เขาตั้งใจจะทําอะไรกันแน่?
โจวฉวนจีและจางเถียนเขียนกระโจนขึ้นไปพร้อมกัน
หอคอยเหล็กนั้นมีอยู่ 10 ชั้น และสามารถจุคนจํานวน 50 คนได้ แต่การจะสู้ในหอคอยเหล็กมันไม่ง่ายเลยสักนิดเดียว
หากก้าวพลาดแม้แต่นิดเดียว อาจสูญเสียการทรงตัวและโดนเผยจุดอ่อน จนทําให้ศัตรูโจมตีเข้ามาได้ง่าย ๆ ได้
จางเถียนเจียนร่อนลงบนชั้นที่ 2 และเตรียมตัวที่จะอยู่ที่ชั้นนี้ไปจนถึงท้ายที่สุดให้ได้ด้วยกลยุทธที่แสนจะไร้ยางอาย
แต่ก็มีคนกว่า 20 คนที่คิดแบบเดียวกันและเบียดกันอยู่ในชั้นที่ 2-3
ส่วนโจวฉวนจีก็กระโดดขึ้นไปยังชั้นที่ 9
เขาชอบที่จะอยู่ด้านบนมากกว่าที่จะมองขึ้นมาจากด้านล่าง
ยอดกระจาวฉงร่อนลงที่ชั้นที่ 8 ขณะที่ดาบอุดรวายุแห่งโจวนั้นอยากจะขึ้นไปยังชั้นที่ 10 โจวฉวนจีจึงเริ่มเพ่งสมาธิ ก่อนจะขว้างดาบเด็ดสุกรไปทางเขาด้วยวิชาขยายวิถีกระบี
ขณะที่ดาบอุดรวายุแห่งโจวกําลังจะร่อนลงสู่พื้นของชั้นที่ 10 เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลพุ่งตรงมายังเขาทันที ก่อนจะกระโดดหลบตามสัญชาตญาณ
ดาบเด็ดสุกรบินพุ่งตรงมายังข้างหน้าเขา และเขาก็เริ่มสบถขึ้นมาในใจ “คนขายหมูมาร่วมงานประชุมกระบี่ได้ด้วยเหรอวะ?”
ต้องกล้าขนาดไหนกันถึงมาแข่งกับเขาในงานประชุมกระปได้ด้วยดาบหน้าตาอัปลักษณ์แบบนี้เนี่ยนะ?
ทันทีที่เขากําลังจะย่างเท้าลงบนชั้นที่ 10 ก็พบว่ามีใครบางคนชิงตัดหน้าเขาไปก่อนซะแล้ว
นั่นก็คือ โจวจวนจี นั่นเอง!
ชั้นบนสุดนั้นเป็นกระดานเหล็กที่ยาวและกว้างเพียง 1 เมตร และมีที่ว่างพอจะให้ยืนได้แค่คนเดียวเท่านั้น
เพราะนี่คืองานประชุมกระบี่ยังไงล่ะ!
เมื่อดาบอดรวายุแห่งโจวเห็นโจวฉวนจี แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยจิตสังหารเขาชักดาบออกมาทันทีและฟันตรงไปยังโจวจวนจี
โจวฉวนจีพลิกมือขวาขึ้นมา และดาบอัสนีคํารามก็ปรากฎ เขายกดาบในตํานานขึ้นมาเพื่อกันการโจมตี
แกริง!
เมื่อดาบทั้ง 2 เล่มปะทะกัน โจวฉวนจีก็รู้สึกถึงคลื่นพลังที่รุนแรงจนน่าหวั่นเกรง ดาบอดรวายุแห่งโจวนั้นดูเหมือนจะพลังเหนือกว่าเขานิดหน่อยซะด้วยซ้ํา!
ในตอนที่ร่างกายของเขากําลังแกว่งไปมานั่นเอง ดาบอัสนี้คํารามก็สร้างอัสนีแห่งสรวงสวรรค์ขึ้นมาโดยกระแสไฟฟ้านั้นไหลไปตามใบดาบก่อนจะพุ่งเข้าใส่ดาบอดรวายุแห่งโจว
ดาบอดรวายุแห่งโจวไม่อาจหลบได้ทัน เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดขณะที่ถูกไฟฟ้าช็อตมือทั้งสองข้างและเขาก็ปล่อยมือออกมาจากตามดาบสัญชาตญาณก่อนจะร่วงลงไป
โว้วววว
เหล่าผู้ชมนับล้านต่างระเบิดความโกลาหลครั้งใหญ่ออกมา!
พึ่งจะเริ่มงานประชุมกระบี่ แต่ดาบอุดรวายุแห่งโจวผู้โด่งดังคนนั้นกลับถูกเทพกระบโจวกําจัดแบบนี้อ่ะนะ?
MANGA DISCUSSION