ตอนที่ 62 : เส้นทางที่ไม่มีผู้ใดเลือกเดินมาก่อน
โจวฉวนจีเลิกคิ้ว และพูดขึ้นว่า “เจ้าแข็งแกร่งมากพอแล้วงั้นเรอะ?”
เขารู้ดีถึงพลังของฮวงเหลี่ยนชิ้นด้วยความที่นางมีใจใฝ่จะล้างแค้น นางเลยฝึกฝนวรยุทธอย่างหนักมาตลอดจนตอนนี้แทบจะบอกได้เลยว่าพลังของนางนั้นอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นกลางเกือบสูงเลยทีเดียว
แต่ด้วยความที่นางเป็นจอมกระบี่นาง จึงยังไม่ชินนักในการรับมือกับผู้ใช้อาคมเท่าไร
และก็แน่นอนว่า เป็นไปได้ที่นางจะจงใจอ่อนข้อให้เจียงฉือน้อยอีกด้วย
เจียงฉือน้อยรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองมาก เธอเชิดหน้าขึ้น เสียจนปลายจมูกแทบจะแตะขอบฟ้าเลยทีเดียว
พอเห็นแบบนั้นแล้ว โจวฉวนจีก็รู้สึกหมันไส้อยากจะล้มเธอเอาซะเดี๋ยวนี้เลย
ยัยเด็กสาวคนนี้ชอบทําเป็นอวดเรื่องความสูงของตัวเองต่อหน้าเขาซะจริงรอก่อนเถอะ!
อย่างมากก็สัก 2 ปี ข้าจะทําให้เจ้าเรียกข้าว่าพี่ชายให้ได้เลยคอยดู!
โจวฉวนจีถอนหายใจอย่างไม่พอใจก่อนที่เขาจะเดินผ่านเธอไปและกลับมาเริ่มฝึกวรยุทธอยู่บนเตียงต่อ
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า งานประชุมกระบี่ที่โจวฉวนจีตั้งตารอก็กําลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
เขาได้ยินมาว่า ตอนนี้เริ่มสร้างเวทีของงานประชุมกระบี่อยู่แถวด้านนอกเมืองจ้าวกระบี่แล้วในหลายวันมานี้ผู้คนก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามายังเมืองจ้าวกระบี่กันมากขึ้นถนนด้านนอกต่างเต็มไปด้วยผู้ คนแออัด
เขาอยากจะเข้าร่วมงานประชุมกระี่บจนตัวสั่นแล้ว
ส่วนจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจที่ไม่ได้เข้าร่วมงานประชุมกระบี่ด้วยก็ใช้เวลานี้ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการคัดเลือกแห่งสวรรค์ของมหาจักรวรรดิโจว
เขาได้ยินมาว่า องค์ชายทั้งหลายจากแต่ละจักรวรรดิก็จะเข้าร่วมการคัดเลือกแห่งสวรรค์ของมหาจักรวรรดิโจวด้วยซึ่งมันเป็นเหตุการณ์ที่ทั้งหายากและยิ่งใหญ่ที่สุดจนถือได้ว่าในรอบ 100 ปี หรืออาจจะมากกว่านั้นจะเกิดขึ้นสักครั้งเลยเชียวล่ะ
เหล่าองค์ชายแห่งมหาจักรวรรดิโจวก็ด้วยพวกเขาจะเข้าร่วมงานนี้พร้อมกับเหล่าผู้มีพรสวรรค์จากแต่ละสํานักทั้งในและนอกมหาจักรวรรดิโจว
เหตุผลที่มีการจัดให้ยิ่งใหญ่อลังการเช่นนี้นั่นก็เป็นเพราะองค์จักรพรรดิเหยียนแห่งโจวตั้งใจจะใช้งานนี้เพื่อเลือกมงกุฎราชกุมารยังไงล่ะ
โดยจักรพรรดิองค์ใหม่ที่จะขึ้นครองนั้นจะต้องนําเหล่าบริวารที่ตนโปรดปรานเข้ามาด้วย
การคัดเลือกแห่งสวรรค์ของมหาจักรวรรดิโจวถือเป็นโอกาสสําหรับองค์ชายแต่ละคนพวกเขาจะชักชวนใครเข้ามาทํางานให้ได้บ้างนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสา
มารถของพวกเขาเอง
เหล่าผู้มีพรสวรรค์ที่เข้าร่วมการคัดเลือกแห่งสวรรค์ของมหาจักรวรรดิโจวทุกคนต่างก็เข้าใจเรื่องนี้กันดี
แต่พวกเขาก็ไม่ได้ต่อต้านหรืออะไรแต่กลับคาดหวังมากขึ้นแทน
เพราะแทนที่จะไปเป็นทหารหรือเป็นข้าราชการของจักรพรรดิเหยียนแห่งโจวสู้ช่วยให้องค์ชายสักองค์นึงได้ขึ้นครองบัลลังก์แล้วให้ตัวเองได้อํานาจตามมาด้วยยังจะดีซะกว่า
และแล้วในวันนี้
ในที่สุดวันเริ่มงานประชุมกระบี่ก็มาถึง
ในเช้าวันนั้น ศิษย์จากสํานักเสี่ยก็มารับโจวฉวนจีพร้อมกับโจวเฉิงซิน
จุดประสงค์ที่โจวเฉิงซินมาเข้าดูงานประชุมกระบี่นี้ด้วยก็เพื่อที่จะหาคนที่มีพรสวรรค์มาปั้นต่อนั่นเองถ้าเขาเข้าร่วมงานประชุมเองมีหวังเขาได้แพ้ราบคาบแน่พอรู้แบบนั้นแล้วก็ไม่มีทางที่เขาจะไปหาความอัปยศอดสูมาเข้าตัวเองแน่า
โจวฉวนจีเก็บข้าวของและพาเจียงจือน้อยจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินไปด้วย
จางเถียนเจียนและเหล่าลูกชายของเขาก็ตามมาด้วยในครั้งนี้จางเถียนเจียนก็เข้าร่วมงานประชุมกระบี่เหมือนกันด้วยความที่วรยุทธของเขานั้นอยู่ถึงระดับบัวภายในแล้วเขาเลยถูกจัดให้อยู่ใน 50 อันดับแรกทันที
ยังไงซะ เขาก็เป็นถึงจอมกระบี่ชั้นยอดจากอาณาจักรเหมันต์แดนใต้อยู่ แล้ว
ตลอดทางบนถนนนั้นต่างเต็มไปด้วยฝูงชนแต่พวกเขาก็หลีกทางให้ทันทีเมื่อเห็นศิษย์จากสํานักเสี่ย
ผู้คนเริ่มชี้ไปทางโจวฉวนจีและพูดคุยเรื่องเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ไม่นานนัก บางคนก็เริ่มจําเทพกระบี่โจวได้
“นั่นมันเทพกระบี่โจวนี่! เจ้าไม่เห็นจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจที่ตามหลังเขาอยู่เรอะ?”
“เป็นเขาจริง ๆ ด้วย ข้าเห็นเขาในการทดสอบของงานประชุมกระบี่ด้วยล่ะ”
“นั่นต้องเทพกระบี่โจวแน่ๆเลยในงานประชุมกระบี่นี่จะมีใครมีรูปร่างเหมือนเขาได้อีกล่ะ?”
“นึกภาพตอนที่เขาจะสู้กับจอมกระบี่อย่างดาบอุดรวายุแห่งโจวไม่ออกเลย”
“ข้าล่ะอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าวิชาจิตดาบคู่มันจะเจ๋งขนาดไหน”
โจวฉวนจีรู้สึกเซ็ง ๆ พอได้ยินที่คนแถวนั้นพูดถึงเรื่องเขา
เฮ้อ!
*ข้ายังเตี้ยเกินไปจริง ๆ น่ะแหละ!*
ถ้าไม่ใช่สถานการณ์เร่งด่วนล่ะก็เขาก็อยากจะรออีกสัก 10 ปีจากนั้นค่อยเดินทางไปทั่วโลกพร้อมกับรูปลักษณ์อันแสนจะหล่อเหลาและสง่างามซะจริง
หลังจากที่เดินทางออกจากคฤหาสต์ต ระกูลจางมาแล้วพวกเขาก็เดินต่อไปอีกราว ๆ 2 ชั่วโมง
ศิษย์จากสํานักเสี่ยเลือกที่จะเดินไปอย่างช้า ๆ แทนที่จะบินออกจากเมืองทันทีโดยจุดประสงค์นั่นก็คือเพื่อที่จะได้โชว์ตัวเหล่าผู้เข้าร่วมงานประชุมกระนี่นั่นเอง
ยังไงชื่อเสียงและผลประโยชน์ก็แยกออกจากกันได้หรอกนะ
ทันทีที่พวกเขาเดินออกจากประตูเมืองเจียงฉือน้อยก็ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจและรู้สึกตะลึงกับภาพผู้คนที่อยู่รายล้อมรอบเธอ
ฝูงชนมากมายอยู่ ณ เบื้องหน้าของเธอหัวผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วนเยอะไปหมดยันสุดเส้นขอบฟ้าเลยทีเดียวช่างเป็นภาพที่ดูยิ่งใหญ่เกินจริงสุด ๆ
อย่างน้อยก็มีคนอยู่สักล้านคนเห็นจะได้
และตรงกลางฝูงชนนั้น ก็มีหอคอยที่สูงถึง 10 ชั้น หอคอยนั้นถูกสร้างขึ้นด้วยโลหะเพียวๆโดยพื้นที่ตรงกลางนั้นกลวงเปล่าเพื่อทําให้คนร่วงลงไปได้ง่าย
หอคอยเหล็กนั่นสูงยิ่งกว่าตึก 30 ชั้นซะอีก
ยิ่งสูงมากเท่าไหร่ ตัวตึกก็ยิ่งแคบลงเท่านั้น
และที่ตรงนั้นก็มีเวทีหินขนาดใหญ่ที่ยาวและกว้างกว่า 100 หลา บนเวทีนั้นไม่อนุญาตให้ใครขึ้นไปได้นอกจากศิษย์จากสํานักเสี่ย
ในตอนนั้นเอง กลุ่มผู้อาวุโสตระกูลและผู้คุมกฎทั้งหลายยืนล้อมรอบเหล่าชายรูปหล่ออยู่ตรงปลายขอบของเวทีหิน
เขาสวมเสื้อคลุมยาวสีดําปักด้วยลวดลายเสือสีทองดาบแต่ละเล่มเหน็บห้อย อยู่ที่เอวแต่ละข้างของเขาผมสีดําเงาถูกมัดรวบไว้ด้านหลังมีเพียงผมตรงกรอบหน้าทั้งสองฝั่งเท่านั้นที่ถูกปล่อยยาวสลวยเอาไว้ รอยยิ้มอ่อน ๆ บนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาแสดงให้เห็นถึงความสง่างามขณะเดียวกันก็ยังคงไว้ซึ่งความผ่าเผยและดูองอาจ
เขาก็คือ เสี่ยหวูโหยวนั่นเอง!
ศิษย์เอกแห่งจักรพรรดิกระบี่ยังไงล่ะ!
พลังของเขานั้นเทียบได้กับจอมกระบี่ผู้สูงศักดิ์เสี่ยวจิงหงเลยทีเดียว
“ทุก ๆ ท่านได้โปรดอดใจรอ งานประชุมกระบี่จะเริ่มขึ้นทันทีที่ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ครบแล้ว”
เสี่ยหรูโหยวพูดกับจอมกระบี่ที่อยู่รอบๆเขาด้วยรอยยิ้มและยอดกระบี่จาวฉงและหยางเฉอก็ยืนอยู่บนเวทีด้วยเช่นกัน
ทั้งสองพยายามกวาดสายตามองไปยังฝูงชนด้านล่างเพื่อหาคน ๆ เดียวกัน
นั่นก็คือ เทพกระบี่โจว!
“ในงานประชุมกระบี่นี้ ข้าจะเป็นคนพรากชีวิตเจ้าไปเอง!”
หยางเฉอคิดขึ้นมาในใจอย่างโหดเหี้ยมความอัปยศอดสูในวันนั้นได้แพร่กระจายไปยังเมืองลั่วหยางเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขารู้สึกอายจนไม่กล้าจะกลับไปเดินในเมืองลั่วหยางอีกแล้ว
เขาเลยเตรียมกลอุบายเพื่อที่จะได้ล้างแค้นให้กับความอัปยศของเขาเอาไว้!
หลังจากนั้นไม่นาน ภายใต้การนําทางของศิษย์จากสํานักเสี่ย โจวฉวนจีและจางเถียนเจียนก็กระโดดขึ้นไปยังบนเวทีหิน
ส่วนโจวเฉิงซินก็เดินไปหาเสี่ยหรูโหยวแทนทั้งสองต่างเริ่มพูดคุยกันก่อนที่องค์ชายลําดับที่ 7 จะชี้นิ้วไปยังโจวฉวนจีและเสี่ยหรูโหยวก็หันไปมองตาม
โจวฉวนจีแกล้งทําเป็นไม่เห็นว่าเสียหวูโหยวมองเขาอยู่
แต่แล้วเสี่ยหวโหยวก็เดินตรงมาหาเขาแทน
เมื่อเห็นว่าเสี่ยหรูโหยวเดินตรงไปหาเทพกระบี่โจวผู้คนทั้งหมดที่อยู่บนเวทีหินต่างก็หันไปมองเขาตาม
“ท่านอาจารย์ที่เคารพของข้ารู้สึกสนใจในตัวเจ้าน่ะไม่ทราบว่าเจ้าสนใจอยากจะเข้ามาเป็นศิษย์ของเขามั้ย?”
เสี่ยวหรูโหยวถามพลางหัวเราะเบาๆทุกคนที่ได้ยินต่างก็ตกใจกันเป็นแถบ ๆ
สีหน้าของจางเถียนเจียนเปลี่ยนไปอย่างมาก
ในปีนั้น เขาอุตส่าห์ร่ําร้องขอให้จักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจวรับเขาเป็นศิษย์แต่ก็ถูกปฏิเสธมาแต่มาตอนนี้เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจักรพรรดิกระบี่จะเป็นคนออกตัวเชิญโจวฉวนจีด้วยตัวเอง
สีหน้าของหยางเฉอเริ่มตั้งมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเขาพึ่งกินแมลงวันมาเลยทีเดียว
ถ้าโจวฉวนจีได้กลายเป็นศิษย์ของจักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจวจริงล่ะก็ต่อให้เขาจะกล้าบ้าบินสักแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าจะทําอะไรกับโจวฉวนจีแน่กลับกันเขาอาจจะหันกลับไปคุกเข่าและเลี่ยรองเท้าโจวฉวนจีแทน
โจวฉวนจีรู้สึกตกใจเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะได้รับความสนใจจากนักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจวน่ะ
จักพรรดิกระบี่นั้นเป็นถึงจอมยุทธที่ทั้งแข็งแกร่งและทรงพลังที่สุดในมหาจักรวรรดิโจว
แม้แต่จักรพรรดิเหยียนแห่งโจวก็อาจจะล้มจักรพรรดิกระบี่ไม่ได้ด้วยซ้ํา
ถ้าเขาได้จักรพรรดิกระบี่มาเป็นคนหนุนหลังล่ะก็…
โจวฉวนจีเริ่มรู้สึกอ่อนไหว แต่ทันใดนั้นเขาก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
ถ้าเขากลายเป็นศิษย์ของจักรพรรดิกระบี่ล่ะก็งั้นจักรพรรดิเหยียนแห่งโจวจะมองเขายังไงล่ะ?
พอถึงตอนนั้นจริง จักรพรรดิเหยียนแห่งโจวมีหวังออกตัวปกป้องราชินีด้วย พลังทั้งหมดที่มีและหนุนหลังโจวหยาหลงให้ขึ้นครองบัลลังก์เป็นแน่
หลายปีมานี้ มีข่าวลือมากมายเกี่ยวเรื่องที่ว่า จักรพรรดิเหยียนแห่งโจวพยายามที่จะควบคุมจักรพรรดิกระบี่ให้ได้
เพราะด้วยชื่อเสียงของจักรพรรดิกระบี่ที่มีมากจนเกินไป รวมถึงมีพวกที่เริ่มตั้งฉายาให้เขาว่าเป็นจอมกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาจักรวรรดิโจวอีก
จักรพรรดิเหยียนแห่งโจวนั้นเป็นคนที่ทั้งสูงส่งและทะนงตัวเขามักจะเน้นย้ำเสมอว่าตัวเองนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
แต่ขณะเดียวกัน เขาก็เริ่มรู้สึกกังวลว่าหลังจากที่เขาได้กลายเป็นเซียนไปแล้วจะมีองค์ชายองค์ไหนในมหาจักรวรรดิโจวกันที่จะสามารถควบคุมอํานาจของจักรพรรดิกระบี่ได้น่ะ?
จู่ๆ ความคิดที่ราวกับสายฟ้าฟาดก็แล่นเข้ามาในหัวโจวฉวนจี “ไม่เป็นไร ข้าขอรับไว้แค่เจตนาดีของจักรพรรดิกระบี่แล้วกัน”เขาพูดตอบอย่างใจเย็น
ผู้คนรอบข้างต่างรู้สึกอึ้งกันไปตาม ๆ กันสายตาที่พวกเขามองไปทางโจวฉวนจีราวกับว่ามองคนโง่อยู่
เขาอยากจะเข้าร่วมงานประชุมกระบีแต่ไม่อยากจะเป็นศิษย์ของจักรพรรดิกระบี่เนี่ยนะ?
โง่เง่าอะไรขนาดนี้วะเนี่ย!
ถ้าหากได้เป็นศิษย์ของจักรพรรดิกระนี่ล่ะก็จะได้เรียนรู้วิชาในตํานานทุกแขนงทุกประเภทเลยเชียวนะ!
เสี่ยหรูโหยวมองด้วยความเป็นห่วงเป็นใยก่อนจะถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม“ทําไมกันล่ะ?”
“ดาบของข้าจะก้าวไปในเส้นทางที่ไม่มีผู้ใดเลือกเดินมาก่อนยังไงล่ะ”โจวฉวนจีผู้ตอบอย่างห้วน ๆ
สิ่งที่เขาหมายถึงนั่นก็คือเขาไม่อยากจะให้ดาบของเขาได้รับอิทธิพลมาจากจักรพรรดิกระบี่ยังไงล่ะ
ช่างโอหังยิ่งนัก!
เหล่าจอมกระบี่ต่างกลอกตาใส่เขาแต่คนอื่น ๆ กลับรู้สึกชื่นชมในโจวฉวนจี
“ฮ่าๆๆๆ
เสี่ยหรูโหยวระเบิดหัวเราะออกมาดังซะจนกลบเสียงพูดคุยของผู้คนนับล้านจนฝูงชนเหล่านั้นต่างต้องหยุดพูดคุยกันและหันกลับมามองเขา
เมื่อทุกหูกลับมาสนใจฟังเขาเสี่ยหรูโหยวก็มองไปยังโจวฉวนจีด้วยความชื่นชมและยกย่องเขาก่อนจะพูดขึ้นว่า“อาจารย์ของข้าก็บอกมาเหมือนกันว่าเจ้าต้องปฏิเสธแน่ ๆเพราะถ้าเจ้าตอบตกลง ล่ะก็เช่นนั้นเจ้าก็ไม่มีค่าพอจะเป็นคู่แข่งของเขาหรอกนะ!”
เงียบสงัด!
ผู้คนนับล้านต่างตกอยู่ในความเงียบงันจอมกระบี่ที่เข้าร่วมงานประชุมกระบี่ต่างก็รู้สึกตกใจ
จักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจวมองเทพกระบี่โจวเป็นคู่แข่งงั้นหรอ?
MANGA DISCUSSION