นิยาย หมุนกระบีทะลวงสวรรค์ THave Countless…
ตอนที่ 60 : อันดับงานประชุมกระบี่
ตอนที่ 60 : อันดับงานประชุมกระบี่
ตามหาเทพกระบี่โจวงั้นเหรอ?
“คน ๆ นั้นเขามีพลังมากเพียงพอจะต่อกรกับเจ้าได้อยู่แล้วเจ้ารู้ผลคะแนนที่เขาทําได้ตอนทดสอบความเข้าใจในวิถีกระบี่รียังล่ะ?” โจวเฉิงซินจงใจยิ้มออกมาขณะที่พูด
ยอดกระบี่จาวฉงถามขึ้นมาอย่างสงบนิ่ง“ระดับทมิฬขั้นต่ําเรอะ?”
นั่นเป็นสิ่งที่เขาเลือกตอนที่เขาเข้ารับการทดสอบเหมือนกัน
เพราะงั้นเขาจึงเดาไปแบบนั้นในสายตาของเขา เขาอาจจะประเมินพลังของเทพกระบี่โจวสูงไปก็ได้
โจวเฉิงซินส่ายหัวก่อนจะยิ้มให้จนทําให้ยอดกระบี่จาวฉงขมวดคิ้ว
“ระดับทมิฬขั้นสูงสุดน่ะ” เขาพูด
ม่านตาของยอดกระบีจาวฉงหดลงทันทีเขาก้าวขึ้นมาข้างหน้า “จริงรึ?”
เขายังแทบจะไม่รอดจากวิชาดาบระดับทมิฬขั้นต่ําเลยด้วยซ้ํา แล้วยิ่งเป็นขั้นสูงเนี่ย…
แค่ต้องจดจํากระบวนท่าการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนแบบนั้นมันก็ยากแล้ว
โจวเฉิงซินพยักหน้าแล้วพูด “ข้าเป็นคนที่ยื่นหยกขาวของเขาให้กับเสี่ยหวูโหยวด้วยตัวเอง”
ยอดกระบี่จาวฉงยังคงเงียบ
โจวเฉิงซินมองหน้าเขาและคิดขึ้นมาในใจข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าใครจะแข็งแกร่งกว่ากันระหว่าง เขากับเทพกระ !โจวน่ะ?
ทันใดนั้นเอง ยอดกระบี่จาวฉงก็หันห ลังกลับแล้วเดินจากไป
โจวเฉิงซินส่ายหัว ก่อนจะยิ้มออกมาขณะที่มองไปยังจอมกระบี่ผู้โด่งดังกําลังเดินหายไปท่ามกลางฝูงชน
เขาเดินไปยังต้นไม้เก่าแก่ข้าง ๆ กับถนนแล้วจู่ ๆ ชายในชุดสีดําก็ปรากฏตัวออกมาข้างหลังเขาในทันที
ใบหน้าของชายในชุดสีดําคนนั้นถูกปกปิดไว้ครึ่งนึง มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ปรากฏออกมาแต่ภายใต้ร่มไม้แบบนี้แม้แต่ดวงตาก็ไม่อาจเห็นได้ชัด
โจวเฉิงซินหันหลังเข้าใส่ชายคนนั้นก่อนจะพูด “ไปตามหามาว่าเทพกระบี่โจวพักอยู่ที่ไหนถ้าตระกูลหยางแห่งเมืองลั่วหยางกล้าจะไปมีเรื่องกับพวกเขาละก็จงส่งคนไปตักเตือนท่านเจ้าหน้าที่หยางซะ”
“รับทราบ!”
ชายในชุดสีดําตอบรับด้วยเสียงค่อย ก่อนจะหายตัวไป
ตะวันใกล้ลาลับขอบฟ้าโจวฉวนจีและพรรคพวกเข้ามาในคฤหาสต์ของจางเถียนเขียนที่อยู่ในเมืองจ้าวกระบี่
คฤหาสต์นั้นใหญ่โตมโหฬารมากมี 3 ลานกว้างห้องไว้รับรองแขกอีกเป็น 10 แล้วยังมีสวนตั้งอยู่ตรงกลางของคฤหาสต์อีก
จางหรูถาน ลูกชายอีกคนหนึ่งของจางเถียนเจียนอาศัยอยู่ที่นี่พร้อมด้วยบริวารกว่า 30 คน
จางหรูถานรู้สึกตื่นเต้นมากพอได้ยินว่าเทพกระบี่โจวจะมาที่นี่
ตระกูลของจางเถียนเจียนนั้นชื่นชอบในวิถีกระบี่เอามากๆภายในเขตชายแดนของมหาจักรวรรดิโจวเองก็ไม่ค่อยมีจอมกระบี่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่มากนัก
การปรากฏตัวของเทพกระบี่นั้นจึงเป็นเรื่องใหญ่มากหลังจากที่จางหรูถานได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับตัวเขาผนวกกับจดหมายของจางหรูหยูทําให้เขาชื่นชมเทพกระบี่โจวไปโดยปริยาย
ตลอดทาง จางหรูถานถามจ้อไม่หยุดด้วยความตื่นเต้น
“ท่านพี่ เรื่องจริงรึเปล่า? ที่ท่านเทพกระบี่โจวตบหน้าของหยางเฉอน่ะแล้วก็เรื่องที่องค์ชายเจ็ดเข้ามาต้อนรับท่านโจวด้วยตัวเองอีกน่ะ?”
จางหรูถานถามจางหรูหยูเพราะเขาไม่กล้าที่จะไปคุยกับโจวฉวนจิตรง ๆ
จางหรูหยูจ้องหน้าเขาก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยความหัวเสีย“นี่เจ้าจะถามข้าอีก ซักกี่คําถามกันล่ะห้ะ?ท่านเทพกระบี่โจวอยู่ข้างหลังพวกเรานะช่วยอย่าทําตัวโง่ซักแปปนึ่งจะได้ไหม”
ตอนนั้นเองที่จากหรูถานหันกลับไปมองโจวฉวนจีด้วยความเขินอายก่อนจะนําทางพวกเขาไปต่อ
จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจอาศัยอยู่ในกระท่อมหลังนึ่งขณะที่ฮวงเหลี่ยนชินก็อยู่อีกหลัง
โจวฉวนจีกับเจียงฉือน้อยก็อยู่ในห้องเดียวกันเหมือนเคยยัยเด็กนี่ไม่ได้มีความละอายแก่ใจเลยแม้แต่น้อยแถมทนไม่ได้ถ้าจะไม่ได้อยู่กับเขาอีก
นอกจากที่หมู่บ้านลําธารขจีแล้วเธอก็แทบไม่ได้ไปในที่ ๆ มีคนพลุกพล่านเลยแม้แต่น้อยเพราะการไม่ได้อยู่กับโจวฉวนจีมันทําให้เธอหวาดกลัว
ห้องรับรองแขกทั้ง 3 ห้องนั้นเชื่อมติดกันทําให้พวกเขาสามารถดูแลซึ่งกันและกันได้
ในคืนนั้น จางเถียนเขียนก็เลี้ยงฉลองให้กับโจวฉวนจีและพรรคพวก
หลังจากดื่มเหล้าไป 3 จอก จางเถียนเจียนก็ถอนหายใจออกมา “เอาตรง ๆ นะ ท่านตอนแรกข้าล่ะสงสัยในตัวท่านสุด ๆ ไปเลยล่ะ เพราะว่าท่านน่ะนะจู่ๆ ก็ โด่งดังกลายเป็นตํานานขึ้นมในชั่วพริบ ตาเดียวแต่มาตอนนี้ ข้านะนับถือท่านจากใจจริงเลยล่ะ! ข้าน่ะเชื่อมั่นใจตัวท่านสุด ๆ !”
จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจกรอกตาใส่
หน้าไม่อายชะมัด!จางเถียงเจียนมันหาโอกาสอวยไปพร้อม ๆ กับขอโทษขอโพยได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ
ทําไมเขาจะไม่รู้ละว่าเพื่อนของเขาเป็นคนยังไง?
ต่างกับจางเถียนเจียนจางหรูหยูกับจางหรูถานนั้นก้าวข้ามพ่อของตัวเองได้ในทุกด้านของการอวยไปแล้วพวกเขาโม้เรื่องของโจวฉวนจีใส่สีตีไข่กันไปมาจนเว่อร์วังไปหมด
โจวฉวนจียิ้มแต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดอะไร
แต่ทั้ง 3 คนก็ผลัดกันเอาแต่ยกแก้วดื่มให้กับเขากันยกใหญ่
นี่พวกเขาคิดว่าข้าเด็กนักรึไงหะ?
ในชาติก่อนข้าน่ะเป็นถึงเจ้าชายคอทองแดงเลยนะโว้ย!
แล้วมาชาตินี้ ฉันก็ฝึกจนถึงขั้นบรรลุญาณแล้วด้วยคิดเหรอว่าข้าจะเมาง่าย ๆ น่ะห้ะ?
โจวฉวนจีคิดด้วยความรังเกียจก่อนจะยกจอกเหล้าเข้าปากเรื่อย ๆ ตามพวกเขา
“คืนนี้ จะมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่เหลือรอดโว้ย!”
กลางดึกคืนนั้นเอง
โจวฉวนกลับห้องของตัวเองโดยมีเจียงฉือน้อยคอยช่วยนิ้วปีกเอาไว้
“ข้ายังไม่มาวว… เอามาอีกจอกนึงเอ๊ะ…. คืนเน้อะนะ… เราจะจ่ายหยุดจนกว่าจะเมาเป็นหมากันไปข้างนึง…”
โจวฉวนจีคอห้อยอย่างหมดสภาพและบ่นพึมพัมพลางเหวี่ยงแขนขวาไปมา
เจียงฉือน้อยค่อย ๆ วางโจวฉวนจีลงบนเตียง หลังจากนั้นเธอก็เอาถังน้ําร้อนออกมาเตรียมไว้ข้าง ๆ และเริ่มลงมือเช็ดตัวให้กับเขา
ขณะที่เธอมองร่างกายอันร้อนผ่าวจนตัวแดงเขาเธอก็รู้สึกตลกขึ้นมาแต่ก็ปวดหัวด้วยเหมือนกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นโจวฉวนจีอยู่ในสภาพเละเทะแบบนี้
และไม่ใช่แค่โจวฉวนจีคนเดียวทั้งจางเถียนเขียนและลูกชายทั้ง 2 ของเขารวมไปถึงจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจทุกคนต่างก็เมาเละเทะกันหมด
จางเถียงแสดงความจริงใจของเขาด้วยการเลือกเหล้าชั้นยอดมาเลยเหล้าทุกขวดทุกจอกที่กินไปเป็นเหล้าวิญญาณที่แรงจัด ๆ แม้แต่จอมยุทธระดับบัวภายในเองก็ใช่ว่าจะดื่มเท่าไรก็ได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับบรรลุญาณ
ลากยาวไปจนถึงเที่ยงของอีกวันนึง…
โจวฉวนจีตื่นขึ้นมา ร่างกายของเขาปวดร้าวและชาไปหมดเขารู้สึกมึนหัวและรู้สึกไม่สบายตัวอย่างบอกไม่ถูก
เจียงฉือน้อยอยู่บนโต๊ะกําลังป้อนอาหารหนูทรายสามตาอยู่ขณะที่เจ้างูสีดํา ตัวจ้อยเองก็เอาแต่แหกปากไม่หยุด
“นี่แม่ตัวน้อย ช่วยทําอะไรดี ๆ ให้ข้ากินหน่อยจะได้มั้ย? ได้โปรด หมูย่างปรุงรสที่เจ้ากินเมื่อคืนก่อนช่วยทําแบบนั้นให้ข้ากินด้วยบ้างสิ?”
แต่เจียงฉือน้อยกลับเมินคําขอของมัน
เจ้างูสีดําตัวจ้อยไม่กล้าที่จะโวยวายอาละวาดมากเพราะเขากลัวว่าโจวฉวนจีจะตื่นขึ้นมาแล้วกระทืบเขาซ้ําอีกรอบ
โจวฉวนจีค่อย ๆ ลุกขึ้นมาแล้วปาดเหงื่อเม็ดโตบนหน้าผาก เขารู้สึกแย่สุด ๆตอนที่ภาพของเมื่อคือย้อนกลับเข้ามาในหัวของเขา
เหล้านั่นมันแรงสุด ๆ ไปเลย…
พอเห็นว่าเขาตื่นเจียงฉือน้อยก็รีบรินน้ําให้กับเขา
“ครั้งหน้า เจ้าเองก็อย่าอวดเก่งเกินไปอีกละ” เธอดใส่เขาขณะรินน้ําในชาม
โจวฉวนจีมองเธอพร้อมกอดอกแน่นถอนหายใจออกมา“ใครว่าข้าอวดดีกัน? ข้ายังดื่มได้มากกว่านี้อีกนะ!”
เจียงฉือน้อยถือชามไปที่ข้างเตียงแล้วยื่นแตะตัวของเขา “ก็ถ้าครั้งหน้ามีศัตรูเข้ามาโจมตีพวกเราตอนเจ้าเมาละก็ครั้งต่อไปที่เราจะได้เจอกันอีกทีก็คงจะเป็นในนรกแล้วละ”
เธอพูดโจวฉวนจีพอได้ยินแบบนั้นก็เหงื่อแตกพลักขึ้นมาทันที
เขาประมาทเกินไปเอง
ที่นี่คือมหาจักรวรรดิโจวนี่นะ…
เขาตัดสินใจว่าจะไม่เมาอีก
หลังจากที่ดื่มน้ําบ้างแล้ว โจวฉวนจีก็รู้สึกสดชื่นขึ้นก่อนจะใส่เสื้อและออกไปเคาะประตูห้องข้างๆ แต่จอมกระบี่ผู้องอาจก็ไม่ตอบกลับ บางทีเขาอาจจะยังนอนอยู่ก็ได้
เขาถามเหล่าบริวารคนใช้แล้วรู้มาว่า
จางเถียงเจียนกับลูก ๆ ของเขาก็ยังหลับอยู่เหมือนกัน
จู่ๆ เขาก็รู้สึกพอใจขึ้นมาทันที
อย่างน้อยข้าก็ไม่แพ้ชายหน้าไหนเรื่องซดเหล้าล่ะวะ
ในอีกหลายวันต่อมา เขาก็ไม่ได้ออกไปจากคฤหาสต์ตระกูลจาง เจียงฉือน้อยเองก็เช่นกันเธอเลยฝึกฝนวรยุทธกับเขาแทน
ตอนนี้เธอรู้เป้าหมายของเขาแล้วเพราะงั้นเธอเลยไม่อยากจะเป็นภาระกับเขา
ครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในระหว่างนั้นเอง โจวฉวนจีก็ได้บรรลุจิตกระบีของเพลงดาบขลุ่ยหยก 36 วิถี
หลังผ่านวันที่ 3 ไป เขาก็ได้ก้าวไปถึงระดับบรรลุญาณขั้นที่ 2 แล้ว และโจวเฉิงซินก็ได้มาแวะเวียนหาเขาด้วยตัว เองอีก
เขามาพร้อมกับลูกน้อง 4 คนที่ติดตามมาด้วยแต่ละคนหน้านิ่งเหี้ยมเกรียมกันทั้งนั้นแม้ว่าพวกเขาจะพยายามกดปราณเฉพาะตัวเอาไว้ แต่จิตสังหารของพวกเขาก็ยังเล็ดลอดออกมาอยู่ดี
จางเถียงเจียนเองก็ดูจะเต็มไปด้วยความยินดีกับการมาเยี่ยมเยียนของเขาในครั้งนี้ด้วยเขารีบส่งคนเข้าไปเชิญโจวฉวนจีมาร่วมงานทันที
ทุกคนต่างรวมตัวกันที่โถงหลัก
“ท่านเทพกระบี่โจว ท่านได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมงานประชุมกระบี่นะท่านอยู่ในอันดับที่ 9 ละ” โจวเฉิงซินแสดงความเคารพแล้วพูดกับโจวฉวนจีด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเขาก็คืนหยกขาวให้กับโจวฉวนจี
หลังจากที่รับหยกขาวมาแล้วโจวฉวนจีก็โล่งใจขึ้นมา
ถ้าเกิดตกตั้งแต่รอบแรกในงานประชุมกระบี่ละก็คงจะน่าอับอายสุด ๆ ไปเลย
“ทําไมเขาถึงได้แค่อันดับ 9 เองละเขาควรจะอยู่อย่างน้อย ๆ ก็ต้องอันดับ 1 ใน 3 ไม่ใช่เหรอ?”
จางหรูถานพูดออกมาด้วยความไม่พอใจจางหรูหยูพยักหน้าตามเพราะรู้ สึกแบบนั้นเหมือนกัน
ใบหน้าของโจวฉวนจีดูใจเย็นก็จริงแต่ในใจเขาหวั่นไหวไปหมด
โจวเฉิงซินหัวเราะเบา ๆ แล้วพูด “ทุกคนต่างพยายามเต็มที่แล้วในการทดสอบปราณกระบี่ยิ่งกว่านั้นยังมีจอมยุทธที่พลังร้ายกาจหลายคนมาเข้าร่วมงานครั้งนี้ด้วยอันดับ 9 ก็ถือว่าเป็นอันดับที่ดีแล้วด้วยความสามารถระดับท่านเทพกระบี่โจวท่านมีโอกาสสูงทีเดียวที่จะชนะในงานประชุมครั้งนี้ด้วยซ้ําไป”
MANGA DISCUSSION