นิยายหมุนกระบีทะลวงสวรรค์ THave Countless…
ตอนที่ 57 : ดาบอุดรวายุแห่งโจว ยอดกระบีจาวฉง!
เมื่องานประชุมกระบี่ใกล้เข้ามาจางเถียนเจียนพอเลิกงานแล้วก็รีบพาลูกชายของเขาไปยังเมืองจ้าวกระบี่อย่างเร่งรีบ
พวกเขาไม่ได้เดินทางด้วยเท้าเหมือนอย่างโจวฉวนจีและพรรคพวกแต่พวกเขาเดินทางผ่านเขตอาคมเคลื่อนย้ายแทน
แต่ละอาณาจักรที่อยู่ภายใต้การปกครองของมหาจักรวรรดิโจวนั้นจะมีเขตอาคมเคลื่อนย้ายอยู่มันสามารถใช้เคลื่อนย้ายได้ทีละ10คนเผื่อกรณีที่ศัตรูจะบุกรุกเข้าเมืองมา
ผลที่ได้ก็คือพวกเขาใช้เวลาเพียง 2 วันเท่านั้นในการเดินทางจากเมืองอื่นไปสู่อีกเมืองที่อยู่ภายในมหาจักรวรรดิโจว
จางหรูหยูมุ่ยปากขณะที่ฟังพ่อของเขาพูดโม้เรื่องตัวเองเขาคิดกับตัวเองขึ้นมาว่าถ้าเทพกระบี่โจวมาล่ะก็เขาคงจะไม่ได้มานั่งพูดโม้อะไรแบบนี้แน่
ไม่ไกลจากที่ ๆ พวกเขาอยู่นักโจวฉวนจีและพรรคพวกก็หยุดลง
“ไม่ใช่ว่านั้นจางเถียนเจียนจากอาณาจักรเหมันต์แดนใต้หรอครับ?” จอมกระบี่ผู้องอาจพูดพลางขมวดคิ้ว
เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับจางเถียนเจียนแต่พอเขาได้ยินเพื่อนตัวเองพูดโม้โอ้อวดเรื่องตัวเองแบบนั้นเขาก็เริ่มจะรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
แต่อีกด้านโจวฉวนจีเจียงฉือน้อยและฮวงเหลี่ยนชินก็จําจางหรูหยุได้
โจวฉวนจีมองไปที่ด้านหลังของจางเถียนเจียนแล้วจู่ ๆ ก็เดินตรงไปทางเขาทันที
จางหรูหยูที่กําลังจะพูดโต้กลับพอเห็นโจวฉวนจีและพรรคพวกเขาเขาก็เบิกตากว้างตกใจขึ้นมาทันที
“มามุขแบบนี้อีกแล้วนะ”จางเถียนเจียนพูดขึ้นพลางหัวเราะอย่างดูถูก“เจ้าคิดหรอว่าข้าจะเชื่อว่าเทพกระบี่โจวจะมาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังข้าจริง ๆ น่ะ?ไอเจ้าลูกตัวดีเจ้าช่วยหยุดเบี่ยงประเด็นด้วยมุขเก่า ๆ แบบนี้ได้มั้ยหะลองหามุกอื่นมาบ้างจะได้ไหม?”
“ท่านนี่ท่านคิดว่าท่านจะล้มข้าได้จริง ๆ หรอ?”
โจวฉวนจีพูดด้วยน้ําเสียงที่ไร้เดียงสาและจางเถียนเขียนก็หน้านิ่งไปในทันที
ชิบหายละ!
เทพกระบี่โจวจริง ๆ หรอเนี่ย?
เหงื่อเย็นไหลพรากออกมาทันทีก่อนที่เขาจะหันกลับไปมองข้างหลังและแกล้งทําเป็นใจเย็นอยู่
เมื่อเขาเห็นว่าจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจอยู่กับโจวฉวนจีใจเขาก็สั่นระรัว
จบสิ้นแล้วชีวิตข้า!
“ท่านแม่ทัพจางดูท่าท่านจะวางท่ามากไปหน่อยนะ”จอมกระบี่ฆ้องอาจถอนหายใจใส่
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่กล้าพูดอะไรแบบนี้กับจางเถียนเขียนแน่
แต่ตอนนี้โจวฉวนจีได้กลายมาเป็นเสาหลักของเขาแล้วยังไงล่ะ!
ความอับอายขายขี้หน้าถูกแปะหราอยู่กับใบหน้าของท่านแม่ทัพ เขาไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปยังไงดี
จางหรูหยูเดินออกมาข้างหน้าและจับมือของโจวฉวนจีเอาไว้ “ท่านเทพกระโจวท่านก็จะเข้าร่วมงานประชุมกระบี่ด้วยหรอครับ?” เขาถามด้วยความตื่นเต้น
เสียงที่จู่ ๆ ก็ดังขึ้นมาของเขาดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายเข้า
ถ้าให้พูดตามจริงแล้ว ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองจ้าวกระบี่นั้นรักในดาบ และเหล่าผู้ที่มาที่เมืองส่วนใหญ่ก็เป็นจอมกระบี่เช่นกัน
แน่นอนว่าพวกเขาก็เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเทพกระบี่โจวที่พึ่งจะมีชื่อเสียงได้เมื่อไม่นานมานี้เช่นกัน
ในตอนนั้นเองหลายสายตาก็จับจ้องไปที่โจวฉวนจี
จางหรูหยูเริ่มแสดงความเคารพต่อหน้าเทพกระบี่โจวแล้วจู่ ๆ จางเถียนเจียนก็รู้สึกขึ้นมาว่าลูกชายของเขาก็ถือว่าทําได้ไม่เลวที่เดียว
เพราะการที่ลูกชายของเขายกยอเทพกระบี่โจวซะขนาดนั้นแล้วเทพกระบี่โจว จะกล้ามาทําร้ายเขาได้ยังไงกันล่ะ? เขาถอนหายใจภายในใจครั้งหน้าเขาต้องระวังปากไม่พูดโอ้อวดในที่สาธารณะให้มากกว่านี้ซะแล้วนี่มันน่าขายขี้หน้าจริง ๆ
“นั่นเทพกระบี่โจวหรอ? เขาดูเหมือนเด็กเลยนะนั่นห”
“อย่าไปหลงเชื่อภายนอกสิเขาสามารถฆ่าแม้แต่คนอย่างเยี่ยเอ้อกวานได้อย่างง่ายดายเลยเชียวนะ”
“เขาคือเทพกระบโจวจริง ๆ ด้วยล่ะเจ้าไม่เห็นจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจที่ติดตามเขาอยู่ข้างหลังหรอ?”
“งานประชุมกระบี่ครั้งนี้จะต้องสนุกมากแน่”
“หึ หึ นึกไม่ถึงเลยว่า นอกจากดาบอุดรวายุแห่งโจวแล้วเนี่ยเทพกระบี่โจวก็ยังมาด้วยอีกน่ะ”
เหล่าผู้คนที่อยู่หน้าประตูเมืองต่างก็พูดคุยแสดงความคิดเห็นกันเกี่ยวกับโจวฉวนจีบ้างก็นับถือในตัวเขาบ้างก็เยาะเย้ยและบ้างก็พูดดูหมิ่น
“เขาเริ่มลงทะเบียนเข้างานกระชุ่มกระนี่กันแล้วหรอ?” โจวฉวนจีถามขัดการพูดยกย่องสรรเสริญที่ไม่ยอมหยุดหย่อนของจางหรูหยูขึ้นมาทันที “ต้องไปที่ ไหนล่ะ?”
เมื่อจางหรูหยได้ยิน เขาก็ตบอกตัวเองขึ้นมาทันทีก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า“ให้ข้าเป็นคนพาท่านไปที่นั่นเอง!”
โจวฉวนจไม่ได้ขัดข้องอะไรที่จะมีคนมานําทางไปให้
ทั้งกลุ่มก็เดินเข้าไปในเมือง
หลังจากที่ลังเลอยู่สักพักจางเถียนเจียนก็เดินตามพวกเขาไปด้วยเช่นกัน
เขาไม่รู้ว่าทําไมเขาถึงรู้สึกว่าเจ้าวิหคมังกรทั้งสองตัวของโจวฉวนจีนั่นเป็นไข่ของวิหคมังกรที่เขาเจอเมื่อปีนั้น
แต่ก็แน่นอนว่าเขาไม่กล้าถามแม้ว่าจะสงสัยมากก็ตาม
ตลอดทาง จางหรูหยุก็เอาแต่พูดไม่หยุดเขาเล่าเกี่ยวกับข้อมูลของงานประชุมกระบี่ครั้งนี้ให้โจวฉวนจีฟัง
คนที่น่าจับตามองมาที่สุดคือดาบอุดรวายุแห่งโจว กับ ยอดกระบี่จาวฉง
ฉายาดาบอุดรวายุแห่งโจวนั้นก็เหมือนกับจอมกระบีแดนเหนือผู้งอาจแต่ในอดีตเขานั้นทรงพลังมากยิ่งกว่าจอมกระบี่ผู้องอาจนัก
ลอน
นามดาบอุดรวายุแห่งโจวนั้นอ้างอิงมาจากพื้นที่ทางตอนเหนือของมหาจักรวรรดิโจวเขามีชื่อเสียงมากในมหาจักรวรรดิโจวซึ่งก็แน่นอนว่าเขานั้นต่างกับจอมกระบี่แดนเหนือผังอาจที่มักจะท่องไป ทั่วอาณาจักรอยู่แล้ว
มีข่าวลือเกี่ยวกับ ยอดกระบี่จางฉงว่าเขาคือศิษย์คนใหม่ของจักรพรรดิกระบี่เขานั้นมีใจรักในดาบมาแต่กําเนิดและยังสามารถบรรลุในวิถีแห่งกระบี่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เขาขึ้นสู่ระดับบัวภายในได้เมื่อตอนอายุ 18 ปี และในปีนี้เขาก็อายุ 20 ปี ความ สามารถของเขาแทบจะเป็นรองแค่องค์ชายลําดับที่ 2 แห่งมหาจักรวรรดิโจวเท่านั้น
ยอดกระบี่จาวฉงตอนนี้ก็ติดอยู่ 50 อันดับแรกของตารางจัดอันดับยอดฝีมือในมหาจักรวรรดิโจวแล้ว
เป็นเพราะเขานั่นเองเลยทําให้มีเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงผู้ร่ํารวย และเหล่าจอมยุทธผู้ทรงพลังมากมายจากแต่ละ สํานักมาเพื่อดูการแข่งขันในครั้งนี้
และบุคคลที่โด่งดังมากที่สุดนั่นก็คือ องค์ชายลําดับที่ 7แห่งมหาจักรวรรดิโจวโจวเฉิงซิน
องค์ชายอายุ 30 ปีผู้มีพรสวรรค์ระดับกลาง ๆและอยู่เพียงระดับบรรลุญาณขั้นที่ 6 เท่านั้น
สําหรับคนธรรมดาทั่วไป ระดับวรยุทธของเขานั้นไปไกลเกินเอื้อมแล้วแต่นั่นก็เพราะเขาสามารถเข้าถึงทรัพยากรสําคัญของมหาจักรวรรดิโจวได้แถมยังอาหารอันโอชะที่เขาได้กินเข้าไปก็ล้วน แล้วแต่เป็นวัตถุดิบชั้นเลิศเพื่อการฝึกฝนวรยุทธทั้งสิ้น
โจวฉวนจีเคยเจอองค์ชายลําดับที่ 7 มาก่อนเมื่อยังวัยเยาว์ถึงแม้เขาจะดูอ่อนโยนและใจดีแต่โจวฉวนจีก็รู้สึกได้เลยว่าเขาเป็นคนที่เจ้าเล่ห์สุด ๆ เขาจะมีแผนการบางอย่างแอบแฝงเอาไว้ในทุกการกระทําแถมเป็นพวกกัดไม่ปล่อยอีกตั้งหาก
เมื่อตอนที่แม่นาวจาวฉวนเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิ โจวเฉิงซินก็มักจะมาเยี่ยมเยียนพวกเขาทุกวัน แต่หลังจากที่แม่นางจาวฉวนไม่ได้เป็นที่โปรดปรานอีกต่อไปเขาก็ไม่มาเยี่ยมอีกเลย แต่เมื่อตอนที่นางแอบหนีออกไปพวกองครักษ์ที่อยู่ภายใต้เขาก็แกล้งทําเป็นไม่รู้ไม่เห็นให้
การที่เขาต่อเวลายืดชีวิตให้แม่นางจาวฉวนกับลูกของนางก็บ่งบอกได้ชัดเจนแล้วว่าเขายืนอยู่ข้างไหน
ถ้าโจวฉวนจขึ้นครองอํานาจได้ล่ะก็เขาคงจะติดหนี้บุญคุณองค์ชายลําดับที่ 7 เป็นแน่
โจวฉวนจําไม่ได้รู้สึกดีกับเขาด้วยเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจเขาแทน
มหาจักรวรรดิโจวนั้นไม่เหมือนอาณาจักรทั่วไป
พรสวรรค์ทางวรยุทธนั้นสําคัญยิ่งกว่าความรู้
ไม่ว่าเขาจะมีเส้นสายสร้างสัมพันธ์กับคนอื่นมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางสู้ขั้ว ตรงข้ามอย่างโจวหยาหลงได้อยู่ดี
ในที่สุดโจวฉวนจีและพรรคพวกก็มาถึงสถานที่สําหรับลงทะเบียนเข้างานประชุมกระบี่หลังจากที่เดินกันมาไกลที่แห่งนี้เป็นวังขนาดใหญ่ที่ถูกปกป้องโดยเหล่าศิษย์ในชุดสีดําจากสํานักเสี่ยหลายสิบคน
สํานักเสี่ยที่ว่าก็คือ สํานักเสี่ยหวูโหยวนั่นเอง
ศิษย์ของจักรพรรดิกระบี่แต่ละคนก็จะมีสํานักที่เป็นชื่อของพวกเขาเอง
จอมกระบี่จํานวนมากต่อแถวรอเข้าคิวในพื้นที่ลงทะเบียน
โจวฉวนจีรู้สึกหงุดหงิดมากพอได้เห็นแบบนั้นก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “แล้วเมื่อไหร่จะถึงคิวข้าเนี่ย?”
จางเถียนเจียนพูดขึ้นมาทันที “พวกเราไม่มีทางเลือกอยู่แล้วยังไงซะงานประชุมกระบี่ก็เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ไม่มีใครได้ลัดคิวหรอกนะ”
ในตอนนั้นเอง ศิษย์จากสํานักเสี่ยก็เดินตรงเข้ามาก่อนจะคํานับคารวะและพูดขึ้นว่า “ท่านใช่มือปราบมารเทพกระบี่โจวรึเปล่าครับ?”
โจวฉวนจีมองไปทางเขาก่อนจะพยัก
“โปรดตามมาทางนี้ครับ ด้วยชื่อเสียงและความสามารถอย่างท่านแล้วไม่จําเป็นต้องต่อแถวเข้าคิวหรอกครับ” ศิษย์จากสํานักเสี่ยกล่าวด้วยความเคารพ
จางเถียนเจียนเบิกตากว้างตกใจคุณพระ!
จะแหกหน้าข้าเร็วเกินไปแล้ว!
โจวฉวนจีเหลือบมองไปทางจางเถียนเจียน ก่อนจะหันไปพูดกับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและคนที่เหลือ “รอข้าอยู่ที่นี่นะ”
งานประชุมกระบี่ในแต่ละครั้งจะมีผู้ชนะแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น ยังไงจอมกระบี่แดนเหนือผู้งอาจก็ไม่อาจเอาชนะนายน้อยของเขาได้อยู่แล้วเพราะงั้นเขาเลยไม่เข้าร่วมด้วย
แต่งานนี้ดีตรงที่ว่าผู้ที่เคยชนะแล้วจะไม่อาจเข้าร่วมงานได้อีก
นอกจากนี้ยังมีกฎห้ามเข้าชมงานประชุมกระบี่เกิน 3 ครั้งอีกด้วย
ไม่อย่างนั้นผู้ที่เคยชนะแล้วก็คงจะมาขโมยวิชาจากหอสมุดกระบี่ซ้ําแล้วซ้ําเล่าเรื่อย ๆ แน่
และด้วยเหตุนี้เอง โจวฉวนจีจึงได้ตามลูกศิษย์สํานักเสี่ยและเดินข้ามแถวต่อคิวอันยาวเหยียดไปซึ่งมันก็ดึงดูดความสนใจของจอมกระบี่ที่อยู่แถวนั้นทั้งหมด
“สมกับเป็นเทพกระบี่โจวจริง ๆ!” จางหรูหยูพูดด้วยความนับถืออย่างสุดใจ
ในทางกลับกัน จางเถียนเจียนก็รู้สึกอายสุด ๆ จนแทบจะอยากแทรกแผ่นดินหนี
หลังจากนั้นโจวฉวนจีก็ได้เข้าไปในวังเขาได้เห็นวัตถุวิเศษขนาดมหึมาที่นั่นมีทั้งหินศิลาขนาดใหญ่เขตอาคมมากมายและกองแผ่นเหล็กที่มีรูปร่างเหมือนหินโม่ข้าว
จอมกระบี่ที่ต่อคิวอยู่ต่างมองไปทางเขาการลงทะเบียนในงานประชุมกระบี่จะมีอยู่หลายขั้นตอนที่แตกต่างกันหลังจากที่ผ่านขั้นตอนทั้งหมดมาได้แล้ว เหล่าจอมกระบี่ก็จะออกจากทางด้านหลัง ของห้องโถงใหญ่
“ท่านต้องเป็นเทพกระบี่โจวผู้โด่งดัง แน่ ๆ เลยใช่มั้ย?”
ในตอนนั้นเอง โจวฉวนจีก็ได้ยินเสียง หัวเราะเบา ๆ ดังลอยมา เขาหัวกลับไปมองพลางเลิกคิ้วใส่
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริงเขาก็คือองค์ชายลําดับที่ 7แห่งมหาจักรวรรดิโจวโจวเฉิงซินนั่นเอง!
โจวเฉิงซินนั้นทั้งสง่างามและหล่อ เหลา เขาสวมเสื้อคลุมยาวสีดําที่ปักด้วยลวดลายกิเลนและถือพัดที่พับเอาไว้อยู่ในมือ
เขารู้สึกเหมือนตาพร่ามัวเล็กน้อยเมื่อ ได้เห็นโจวฉวนจีกับตา
ทําไมหน้าของเทพกระบี่โจวมันถึงดูคุ้น ๆ จังเลยนะ?
MANGA DISCUSSION