นิยาย หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ | Have Countless…
ตอนที่ 53 : ดาบชโลมโลหิตที่ทรงพลังที่สุด
ตอนที่ 53 : ดาบชโลมโลหิตที่ทรงพลังที่สุด
ที่นี่คือดินแดนรกร้างที่มีประวัติเกี่ยวกับสงครามมามากมายกระดูกและอวัยวะ
แขนขาที่กระจัดกระจายไปทั่ว เลือดที่เกาะแข็งตัวอยู่บนหน้าผืนดินทําให้มันดู
ราวกับลวดลายโลหิต
สายลมโหยหวนโบกพัดคลื่นทรายมา ทั่วพื้นที่ต่างตกอยู่ในความเงียบสงัดและ
มีเพียงแต่ความตายที่ยังคงอยู่
โจวฉวนจีและคนอื่น ๆ มองไปยังภูเขาตรงหน้าพวกเขา
ที่ตรงนั้นมีดาบโค้งที่ชโลมไปด้วยโลหิตปักไว้อยู่ปลายดาบ
ที่แหลมคมปักอยู่ที่
พื้นดิน สายลมโลหิตที่รุนแรงห่อหุ้มทั่วทั้งใบมีด
ใช่แล้ว!
มันคือวายโลหิตยังไงล่ะ!
วายโลหิตที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
เจียงฉือน้อยและฮวงเหลี่ยนชิ้นต่างรู้สึกหวาดกลัวดาบสีโลหิตนั่น มันแผ่ขยาย
ออร่าที่น่าสะพรึงกลัวเป็นที่สุดออกมา
หญิงสาวตัวน้อยถามด้วยความระมัดระวัง “ร…หรือว่าดาบนั่นจะมีผีสิงกันน่ะ?”
ถึงแม้เธอจะเป็นจอมยุทธที่อยู่ถึงระดับสร้างรากฐานแล้วแต่เธอก็ยังกลัวผี
เหมือนเดิมอยู่ดี
“ข้าเกรงว่านั่นน่าจะเป็นดาบผีสิงแหล่ะครับ”จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจถอน
หายใจอย่างเย็นชา
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็เขวี่ยงดาบในมือตัวเองออกไปอย่างแรง
วิชาขยายวิถีกระบี่!
มันอาจจะช้ากว่าวิชาขยายวิถีกระบี่ของโจวฉวนจีแต่ก็ยังเร็วมากอยู่ดี
แกลัง!
เสียงใบมีดที่ปะทะกัน แต่ดาบสโลหิตนั้นก็ไม่ได้ล้มลงแต่อย่างใด แต่กลับ
สะท้อนดาบของจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจแทน
ในทางกลับกัน โจวฉวนจีก็ถามจิตวิญญาณแห่งดาบขึ้นมา“เจ้าแน่ใจหรอ?” เขา
ถามจากใจจริง
“ครับ นี่คือดาบปีศาจที่ก่อร่างขึ้นจากปราณโลหิตและความเจ็บแค้นขมขึ้น ท่าน
สามารถชําระล้างมันได้โดยการใช้ดาบชโลมโลหิตดูดซับพลังมา และมันจะช่วยเพิ่ม
ระดับให้กับดาบชโลมหิตครับ
จิตวิญญาณแห่งดาบยังคงตอบด้วยน้ําเสียงที่อ ๆ เช่นเคย
โจวฉวนถามเพิ่ม “แล้วมันทําให้เพิ่มขึ้นได้กี่ระดับกันล่ะ?”
“การจะให้คําตอบที่ชัดเจนได้จําเป็นต้องทําการวิเคราะห์ใกล้กว่านี้ครับ แต่มัน
สามารถเพิ่มขึ้นไปถึงระดับทองได้แน่นอนครับ”
จิตวิญญาณแห่งดาบตอบอีกครั้ง ซึ่งมันทําให้เขาตื่นเต้นสุด ๆ
ดาบชโลมโลหิตนั้นแตกต่างกับดาบในตํานานเล่มอื่นยิ่งมันดูดซับเลือดมากเท่า
ไหร่ มันก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น
และมันดูเหมือนว่าจะต้องเป็นเลือดจากการฆ่าศัตรูอย่างเดียวซะด้วย
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ดาบชโลมโลหิตกลายเป็นดาบที่มีระดับ
สูงที่สุดในหมู่ดาบในต่านานทั้งหมดที่เขามี มันก็จะกลายเป็นดาบที่ทรงพลังที่สุดยังไงล่ะ!
พอเห็นดาบตัวเองถูกปัดป้องกลับแล้ว สีหน้าของจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็จืดในทันที
ฮวงเหลี่ยนชิ้นมองไปรอบ ๆ สายลมที่พัดพาเศษทรายไปทั่วผืนอากาศ ซากศพ
และเศษหินกระจัดกระจายอยู่ทั่วผืนดิน ช่างเป็นบรรยากาศที่ทําให้รู้สึกราวกับว่า
ปีศาจจะปรากฏตัวและพุ่งเข้าใส่พวกเขาได้ทุกเมื่อเลยทีเดียว
“ถ้านั้นเป็นดาบที่มีนายล่ะก็ ข้าเกรงว่ามันจะเป็นกับดักเจ้าค่ะ”นางพูด
โจวฉวนจีก็มองสํารวจรอบ ๆ ด้วยเช่นกัน ก่อนจะเริ่มออกคําสั่งกับวิหคมังกร
“คอยเฝ้าสังเกตการณ์จากข้างบนเอาไว้นะ”
อาใหญ่และน้องสองก็บินขึ้นไปบนอากาศทันทีจนพัดเศษทรายปลิวกระจายไป
เจียงฉือน้อยหยิบเอาพัดอัคคีออกมาและตั้งท่าพร้อมที่จะต่อสู้
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ จอมยุทธจํานวน 6 คน ชาย 4 หญิง 2ก็วิ่งตรงมาทางพวกเขา
ทันที เสื้อผ้าของพวกทั้งมอมแมมและขาดรุ่งริ่งอีกทั้งทั่วทั้งร่างยังเปื้อนไปด้วย
เลือด ความหวาดกลัวแสดงอยู่บนสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังของพวกเขา
เมื่อพวกเขาเห็นโจวฉวนจีและพรรคพวกความหวังก็เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้า
พวกเขา ก่อนจะเริ่มเร่งฝีเท้าขึ้นมาทันที
“ๆ… พวกเจ้าคิดจะหนีไปไหนกันหรอ?”
น้ําเสียงที่ทั้งเย็นชาและหน้าสะพรึงกลัวดังก้องไปทั่วฟากฟ้า จนทําให้เจียงฉือ
น้อยและฮวงเหลี่ยนชิ้นรู้สึกขนลุกซูไปหมด
โจวฉวนจีหรี่ตาลง เขารู้สึกได้ถึงปราณเฉพาะที่อันตรายโคตร ๆ เหมือนกับเมื่อ
ตอนที่ได้เผชิญหน้ากับฉวงฮัยเฉิง
เหงื่อเย็นไหลพรากออกมาจากหน้าผากของจอมกระบี่ผู้องอาจจู่ๆ เขาก็นึก
อะไรบางอย่างออกและพูดพิมพ์ขึ้นมา “หรือว่าเขาจะเป็น…”
“เป็นอะไรนะ?” โจวฉวนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาก็ถามขึ้นมา
“ดาบกระหายโลหิต เยี่ยเอ้อกวาน จากสํานักอสูรโลกันต์!ครั้งนึ่งเขาเคยติดอยู่
ในตารางจัดอันดับยอดฝีมือครับแต่เพราะการกระทําที่ชั่วร้ายของเขา เลยทําให้เขา
ไปติดอยู่ในรายชื่อประกาศล่าค่าหัวของมหาจักรวรรดิโจวแทน ก่อนจะถูกเอาออก
จากตารางจัดอันดับไปน่ะครับ”
จอมกระบี่ผู้องอาจตอบด้วยเสียงค่อย น้ําเสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความกังวล
สํานักอสูรโลกันต์งั้นหรอ!
สํานักมารนี้อีกแล้วหรอ!
โจวฉวนจือดไม่ได้ที่จะนึกถึงจอมยุทธปีศาจเยี่ยเฟยฟานคนนั้นที่เขาเคยฆ่าเมื่อ
8 ปีก่อน เพราะงั้นเขาเลยถามขึ้นมา “เยี่ยเอ้อกวานกับเยี่ยเฟยฟานที่เกี่ยวข้องกันยังไงหรอ?”
จอมกระบี่ผู้องอาจตอบ “เยี่ยเฟยฟาน? อัจฉริยะแห่งสํานักอสูรโลกันตร์ที่ตาย
อย่างปริศนาเมื่อ 8 ปีก่อนน่ะหรอครับ?พวกเขาเป็นพี่น้องกันน่ะครับ”
อ้อ?
งั้นคงต้องปะทะกันอย่างเลี่ยงไม่ได้แล้วสินะ!
โจวฉวนจีหรี่ตาลง เขาต้องการเพียงแค่ดาบโลหิตเล่มนั้นเท่านั้น แต่เมื่อรู้ว่าอีก
ฝ่ายคือพี่ชายของศัตรูเขา งั้นเขาก็ไม่จําเป็นจะต้องไว้ชีวิตอีกฝ่ายเอาไว้
เจียงฉือน้อยก็แสดงสีหน้าแปลก ๆ เช่นกันเธออดไม่ได้ที่จะนึกย้อนกลับไปถึง
ภาพที่ได้เห็นเมื่อปีนั้น
ภาพที่เด็กวัย 2 ขวบสังหารจอมยุทธระดับบัวภายในเป็นภาพในตํานานจริงๆ
หลังจากที่เธอเริ่มฝึกวรยุทธ เธอก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าจอมยุทธระดับบัวภายในนั้น
แข็งแกร่งมากแค่ไหน และในเวลาเดียวกันเธอก็ยิ่งนับถือในตัวโจวฉวนจีมากกว่า เดิม
พวกเขาเห็นชายที่มีเรือนผมสีขาวบริสุทธ์และสวมเสื้อคลุมยาวที่อาบไปด้วย
เลือดกระโจนมาทางพวกเขา
ใบหน้าที่น่าขนลุกนั่นปรากฏแววตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดริมฝีปากของเขา
แสยะยิ้มกว้างจรดหู เสียงหัวเราะที่ฟังดูวิกลจริตและบ้าคลั่งนั่น ราวกับว่าเขาคือ
ปีศาจในคราบมนุษย์ก็มิปาน
“พวกเจ้าคิดจะวิ่งหนึ่งั้นหรอ? ข้าจะสูบเลือดให้หมดร่างของพวกเจ้า ให้พวกเจ้า
ได้ลิ้มลองความรู้สึกที่เลือดมันค่อยๆ ไหลออกจากร่างกายและได้ตายอย่างช้า ๆ
ด้วยความหวาดกลัวไงล่ะ!”
“ฮ่า ๆๆ
เยี่ยเอ้อกวานพูดพลางหัวเราะเสียงดังลั่น จิตสังหารที่รุนแรงแพร่กระจายและ
กักขังทั้งพื้นที่ในรัศมี 100 หลา
โจวฉวนจีพูดด้วยโทนเสียงที่ต่า “ฆ่าเขาซะ”
สีหน้าของจขอมกระบี่ผู้องอาจเปลี่ยนไปเล็กน้อยและร่างของเขาก็พุ่งตรงไป
ข้างหน้าโดยอัตโนมัติ
เมื่อเขาก้าวออกไป เขาก็สบถกับตัวเองว่ารนหาที่ตายชัด ๆ
ยังไงซะเยี่ยเอ้อกวานก็เป็นถึงจอมยุทธ์ระดับบัวภายในและยังเป็นคนที่
แข็งแกร่งที่สุดในหมู่จอมยุทธระดับบัวภายในอีก
การจะสู้กับเขาด้วยวรยุทธแค่ระดับบรรลุญาณขั้นเบาะ ๆ นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ
แต่ด้วยความที่เขาเคยชินกับการรับคําสั่งของโจวฉวนที่มากจนเกินไป เขาเลย
บังคับตัวเองให้พุ่งออกไปข้างหน้าได้
โจวฉวนจีวางเจ้าหนูทรายสามตาลงเจ้างูสีดําตัวจ้อยที่ถูกลากเอาไว้กับหนู
ทรายก็เบิกตากว้างก่อนจะพูดดขึ้นมา “นี่เจ้าบ้าไปแล้วรึไง? นี่เจ้ากล้จะสู้กับเขางั้นเรอะ?”
เจ้างูเป็นถึงปีศาจระดับ 5 และเคยเจอกับเยี่ยเอ้อกวานมาก่อนถึงแม้ระดับวร ยุทธของเขาจะไม่เท่าเจ้างูเมื่อตอนที่มันอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด แต่เจ้าจอมยุทธปีศารนั่นก็ยังเป็นศัตรูที่เคี้ยวยากสําหรับพวกโจวฉวนจีอยู่ดี
แต่โจวฉวนจีก็ไม่ฟัง กลับกัน เขากลับพุ่งตัวตรงไปยังดาบสโลหิตนั่นอย่างรวดเร็ว
เมื่อจอมยุทธทั้ง 6 คนนั้นเห็นจอมกระบี่ผู้องอาจพุ่งตรงไปยังเยี่ยเอ้อกวานพวก
เขาก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
พวกเขาต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่อาจจะหลบหนีไปไหนพ้น
จอมกระบี่ผู้องอาจนั้นไม่ได้ดูอ่อนแอแต่อย่างใดบางทีเขาอาจจะเป็นจอมยุทธ
ที่ทรงพลังก็ได้
ปิ้งงงง
จอมกระบี่ผู้องอาจลอยกระเด็นกลับมาพร้อมกระอักเลือดเขาร่วงลงตรงหน้า
จอมยุทธพวกนั้นจนทําให้ฝุ่นทรายกระจายไปทั่วอากาศ
ทั้ง 6 คนต่างรู้สึกตะลึง และวินาทีต่อมาสีหน้าของพวกเขาก็ซีดเผือกด้วยความ
หวาดกลัวกันสุด ๆ
เมื่อโจวฉวนจีเข้าถึงดาบสีโลหิตนั่นได้เขาก็ยื่นมือออกไปจับด้ามดาบ แต่วายุ
โลหิตที่ล้อมรอบตัวดาบอยู่นั้นแปรเปลี่ยนเป็นใบมีดและเชือดเฉือนตัวเขา แต่ใน
ตอนนั้นเอง ดาบอัสนีคํารามก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
ดาบอัสนีครามสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและสร้างกระแสสายฟ้าที่ทะลายวาย
โลหิตจนสิ้น
“ไอเด็กเวร! เจ้ากล้าดียังไงมาแตะดาบของข้า!ตายซะเถอะ!”
เยี่ยเอ้อกวานคํารามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวขณะที่พุ่งตรงมายังโจวฉวนจีราวกับลูกศร
โจวฉวนจีเก็บดาบสโลหิตเข้าไปในสุดยอดช่องเก็บของทันที
พอไม่มีดาบนั่นแลล้ว พลังในการต่อสู้ของเยี่ยเอ้อกวานก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
โจวฉวนจีหันกลับมาและมองตรงไปยังจอมยุทธปีศาจนั่นเขาถือดาบอัสนี
คํารามเอาไว้ในมือขวา ขณะที่ดาบไร้ลักษณ์ปรากฏขึ้นอย่างเงียบงันในมือซ้าย
โจวฉวนจีเผชิญหน้ากับเยี่ยเอ้อกวานที่น่าหวาดกลัวนั่นก่อนจะฟาดฟันไปยัง
เขาด้วยดาบอัสนครามที่อยู่ในมือขวา
วิชาดาบสะบั้นสามชีพจร!
ปราณกระบี่ของเขาถูกซัดออกไปราวกับพายุและล็อคการเคลื่อนไหวทั้งหมด
ของเยี่ยเอ้อกวานเอาไว้
เยี่ยเอ้อกวานรู้สึกโกรธที่เห็นดาบอันแสนจะล้ําค่าของเขาถูกขโมยไป มือของ
เขากลายเป็นกรงเล็บโลหิตและฉีกกระชากปราณกระบี่ที่กําลังพุ่งตรงเข้ามาเป็นชิ้น
เขาหมุนตัวกลับไปก่อนจะร่อนลงสู่พื้นด้วยเท้าขวาและด้วยแรงกระทบของเท้า
อีกข้าง เขาโน้มตัวพุ่งไปข้างหน้าและแทงไปยังโจวฉวนจี
กรงเล็บมือขวาของเขาดูราวกับผิวหนังที่เหวอะหวะและปลายเล็บที่แหลมคม
นั้นก็ดูราวกับมีดที่จ่อตรงไปที่คอของจอมกระบี่
โจวฉวนจตอบสนองอย่างทันท่วงที เขาแทงดาบลงไปที่พื้นและสายฟ้า
จํานวนนับไม่ถ้วนก็ฟาดฟันลงยังคมดาบและกระจายลงสู่พื้นพุ่งตรงไปทั่วทุกทิศทาง
แผดเผาวัชพืชที่อยู่รอบ ๆ ในฉับพลัน
สีหน้าของเยี่ยเอ้อกวานเปลี่ยนไปในทันทีก่อนจะหลบการโจมตีด้วยการตีลังกาถอยหลัง
จอมยุทธทั้ง 6 คนต่างรู้สึกตื่นตกใจเมื่อได้เห็นเด็กคนหนึ่งยืนหยัดอยู่ต่อหน้าเยี่ยเอ้อกวาน
จอมกระบี่ผู้องอาจกุมอกเอาไว้พลางหัวเราะอย่างขมขื่นออกมาในความต่างชั้น
ระหว่างเขาและนายน้อยของเขา
หลังจากที่ร่อนลงสู่พื้น เยี่ยเอ้อกวานก็ถามขึ้นมา“เจ้าเป็นใคร?”
โจวฉวนจีสะบัดมือขวาและยกปลายดาบชี้ตรงไปยังเยี่ยเอ้อกวาน “เทพกระบี่
โจวผู้ไร้พ่ายยังไงล่ะ”
MANGA DISCUSSION