หมอหญิงยอดมือสังหาร - ต้นเถาเยาเยา 22 จบบริบูรณ์
ต้นเถาเยาเยา 22
เมื่อเยาเยาและเซียวจิ่งเสารีบมาถึง ซังเจี้ยวและกงอวี้เฉินได้ประมือกันแล้ว เซียวจิ่งเสาคว้าเยาเยาที่อยากเข้าไปช่วยเอาไว้ เอ่ย “ช้าก่อน”
เยาเยาจ้องพี่ชายของตนเขม็ง เอ่ย “รออันใดเล่า”
เซียวจิ่งเสาเอ่ย “รอดูก่อน เจ้าเองก็นานแล้วที่ไม่ได้เห็นศิษย์พี่ลงมือกระมัง”
เยาเยาอยากบอกว่าเพิ่งเห็นไปเมื่อบ่าย นางเองไม่ต้องการเห็นพี่อาเจี้ยวต่อสู้กับใคร
เซียวจิ่งเสาเอ่ย “ตอนบ่ายนั่นไม่นับ กลับไปไม่แน่เขาอาจถูกท่านพ่อตี ตอนนี้เรียนรู้สักหน่อยก็เป็นเรื่องดี วรยุทธ์ของกงอวี้เฉินก็คงไม่สู้ท่านพ่อ” แม้กงอวี้เฉินดูจะร้ายกาจกว่าซังเจี้ยวไปมาก แต่เซียวจิ่งเสาที่เติบโตมาภายใต้ฝ่าเท้าของเว่ยจวินมั่วยังดูออกว่าเขาห่างไกลจากเว่ยจวินมั่วอยู่มาก ตอนนั้นกงอวี้เฉินบาดเจ็บหนักวรยุทธ์แทบสูญสลาย ฝึกฝนกลับมาได้นับว่ามีความมุ่งมั่นแล้ว อยากตามเว่ยจวินมั่วให้ทันคงเป็นไม่ได้แล้ว
เยาเยาไม่เข้าใจ “ไยท่านพ่อจึงจะ…” เอ่ยได้เพียงครึ่ง เยาเยาก็หยุดลง แน่นอนว่านางนึกขึ้นได้ว่าวันนี้พี่อาเจี้ยวเข้าร่วมการเลือกจวิ้นหม่าได้ลำดับที่หนึ่งในการประลองวรยุทธ์ไป หากพี่อาเจี้ยวสู้ต่อไป…แปดส่วนยังต้องถูกท่านพ่อตีสักรอบ
“ทำไม ทำใจไม่ได้หรือ” เซียวจิ่งเสาเลิกคิ้ว “หลายปีมานี้ท่านพ่อตีข้าไม่เคยเห็นว่าเจ้าจะทำใจไม่ได้”
เยาเยาเบนสายตาไปมองสองคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ปากก็ไม่ว่าง “เจ้าอยากเอ่ยอันใดกันแน่ อานอาน เจ้าน่ารำคาญมากรู้หรือไม่”
“ข้าน่ารำคาญหรือ” เซียวจิ่งเสายิ้มด้วยความโกรธ
เยาเยาเอ่ยด้วยความโมโห “ข้ารู้ว่าเจ้าอยากเอ่ยอันใด ข้าไม่ได้โง่”
เซียวจิ่งเสาเลิกคิ้ว เอ่ย “อ้อ เช่นนั้นลองพูดมาสิว่าเจ้าคิดอย่างไร”
“ตอนนี้ใช่เวลามาเอ่ยเรื่องนี้หรือ” เยาเยาเอ่ยถาม
เซียวจิ่งเสาเอ่ยเสียงเรียบ “เอ่ยมาจะเป็นไรไป เวลาเพียงไม่กี่เค่อพี่อาเจี้ยวของเจ้าไม่ตายหรอก”
เยาเยาส่งเสียงหึ นางหันหน้ากลับไปไม่สนใจพี่ชายฝาแฝดของตนอีก เห็นว่าซังเจี้ยวไม่มีอันตรายจริงๆ จึงเอ่ยเสียงเบา “ข้า…ข้าไม่รู้นี่นา”
“อ้อ เช่นนั้นเจ้าว่าจวินหนานเยี่ยนเป็นอย่างไร”
เยาเยาเอ่ย “ข้า…เอ่ยชัดเจนกับจวินหนานเยี่ยนแล้ว” แม้จวินหนานเยี่ยนไม่คิดยอมแพ้ก็ตาม
เซียวจิ่งเสายิ้มราวกับกำลังคิดอันใดอยู่ “ดังนั้น เจ้าเอ่ยกับจวินหนานเยี่ยนชัดเจนแล้ว แต่ไม่อยากเอ่ยให้ชัดเจนกับพี่อาเจี้ยวหรือ”
เยาเยาพูดไม่ออก
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุย ซังเจี้ยวก็ค่อยๆ เริ่มเป็นฝ่ายเสียเปรียบคู่ต่อสู้ กงอวี้เฉินเอ่ย “เด็กน้อย บอกว่าเจ้ายอมแพ้ ข้าจะปล่อยเจ้าไป”
ซังเจี้ยวปิดปากไม่เอ่ยวาจา ยังคงสู้ต่อไปเงียบๆ
กงอวี้เฉินยิ้มเย็น ลงมือรุนแรงขึ้น
ดูซังเจี้ยวต่อสู้อย่างยากลำบาก เยาเยาเอ่ยปากชักกระบี่ตามเข้าไปร่วมต่อสู้ กงอวี้เฉินสะบัดแขนเสื้อส่งนางกลับไป “เด็กน้อย อย่าเข้ามายุ่ง”
เยาเยาโมโห ได้ยินเสียงอาเจี้ยวเอ่ย “เยาเยา อย่าเข้ามา”
เยาเยานิ่งอึ้ง มองซังเจี้ยวและกงอวี้เฉินอย่างร้อนใจ กระบี่ในมือฟันไปยังซังเจี้ยวโดยไร้ความปรานีทิ้งบาดแผลเอาไว้สองแห่ง “เด็กน้อย ยังจะสู้ต่อหรือไม่ หรือว่าเจ้าอยากแต่งงานกับเจ้าเด็กนี่จริงๆ ก็ได้ เจ้าสองคนเรียกข้าว่าอาจารย์ทั้งคู่ ข้าจะปล่อยเจ้าไป” ซังเจี้ยวไม่ตอบ เลือดไหลลงมาจากมุมปากของเขา
“พี่อาเจี้ยว” เยาเยาเสียงดังด้วยความตกใจ
“อย่าเข้ามา” ซังเจี้ยวเอ่ยเสียงดัง
“อานอาน”
เซียวจิ่งเสาที่อยู่ด้านข้างถอนหายใจออกมา เอื้อมมือไปชักกระบี่อ่อนที่เอวขณะเดียวกันก็มองน้องสาวที่กระบอกตาแดงก่ำ เด็กคนนี้ดื้อซุกซนไปหมด ถูกซังเจี้ยวกินไปจนหมดแล้วยังไม่รู้ตัวอีก มิสู้ให้นางแต่งกับจวินหนานเยี่ยน อย่างน้อยมั่นใจได้ว่าต่อไปนางจะต้องกินจวินหนานเยี่ยนอย่างแน่นอน
เซียวจิ่งเสาพาตัวเองเข้าไปร่วมวงต่อสู้ สองต่อหนึ่งแม้ไม่มีโอกาสชนะเท่าใดนักแต่กงอวี้เฉินคิดอยากเอาชนะพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เพียงแต่กงอวี้เฉินเห็นได้ว่าตั้งใจโจมตีซังเจี้ยว เซียวจิ่งเสายังดูดีทว่าร่างกายของซังเจี้ยวกลับเต็มไปด้วยบาดแผล เขาคนเดียวอย่างน้อยมีบาดแผลจากกงอวี้เฉินไปแล้วเจ็ดส่วน
“เจ้าสำนักกง ตั้งใจมาเมืองหลวงเพื่อรังแกคนเด็กกว่า จะมากเกินไปหรือไม่” เสียงหนานกงมั่วดังขึ้นในความมืด หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วเดินเคียงข้างกันขึ้นเขาท่ามกลางความมืด กงอวี้เฉินมองเห็นทั้งสอง รีบสลัดจากเซียวจิ่งเสาและซังเจี้ยวพุ่งตรงเข้าหาเยาเยา
เยาเยากัดฟัน กริชในมือสั่นไหว ตวัดไปทางกงอวี้เฉินอย่างไร้ความปรานี
“เยาเยา!”
ซังเจี้ยวและเซียวจิ่งเสาเสียงดังขึ้นพร้อมกัน กระบี่ของเยาเยาแทงเข้าไปในร่างกายของกงอวี้เฉิน สีหน้าของหนานกงมั่วพลันเปลี่ยน หากกงอวี้เฉินลงมือด้วยความโกรธเยาเยาไม่มีทางหลบหลีกได้อย่างแน่นอน ทว่ากงอวี้เฉินกลับไม่ขยับ เพียงก้มหน้ามองกระบี่ตรงหน้าอกของตน “เด็กใจร้าย เจ้าเกลียดข้าจริงๆ หรือ”
เยาเยาเองก็นิ่งงัน กระบี่นี้เดิมทีนางเพียงต้องการผลักกงอวี้เฉินออก ความมั่นใจที่จะแทงเขาได้มีไม่ถึงสามส่วน ไม่คิดว่ากงอวี้เฉินจะไม่หลบ…
นึกถึงครั้งที่แล้วบนเขาหิมะนางก็แทงกงอวี้เฉินไปหนึ่งดาบ กระบี่นี้แทงอย่างไรก็แทงต่อไปไม่ลงแล้ว
“เยาเยา” ซังเจี้ยวกระโดดมาอยู่ด้านข้างเยาเยา มองกงอวี้เฉินอย่างหวาดระแวง
กงอวี้เฉินกวาดตามองเขาเล็กน้อย มองกระบอกตาที่แดงก่ำของเยาเยาถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวพบว่าปลายกระบี่แทงเข้าไปเพียงชุ่นเดียว แน่นอนว่ามีเลือดไหล แต่ไม่ได้ทำให้เจ็บปวดแต่อย่างใด
“พวกเจ้าช่างมาทันเวลา ข้าจะทำร้ายเด็กคนนี้ได้หรือ” กงอวี้เฉินมองพวกหนานกงมั่วสองสามีภรรยา
หนานกงมั่วมองสำรวจเขา เอ่ย “เจ้าสำนักกงทำไปเพื่อสิ่งใด” หรือว่าเดินทางมาไกลนับพันลี้เพื่อมาโดนแทงนี่น่ะหรือ
“ข้าพอใจ เจ้ายุ่งได้หรือ”
“…” นั่นเหมือนจะเป็นบุตรีของข้ากระมัง
กงอวี้เฉินเอ่ย “ข้ามาสู่ขอให้ศิษย์ของข้า สองท่านเห็นว่าอย่างไร”
หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ย “คุณชายจวินดูไม่เหมือนลูกศิษย์ของเจ้าสำนักกง ดูคล้ายเจ้าเมืองจูเชวี่ยมากกว่า ส่วนเรื่องสู่ขอ…คงต้องให้เยาเยาตัดสินใจเองจึงจะได้”
เยาเยาที่อยู่ด้านข้างกำลังดูบาดแผลให้ซังเจี้ยว ไม่ได้ฟังที่พวกเขาคุยกันแม้เพียงนิด มีเพียงสายตาสับสนที่มองไปยังกงอวี้เฉินบ้างเป็นบางครั้ง
สายตาเย็นชาของเว่ยจวินมั่วกวาดมองกงอวี้เฉิน เอ่ยเสียงเข้ม “ข้าไม่คิดว่าชีวิตนี้เจ้าสำนักกงจะกลับมาเหยียบจงหยวน”
กงอวี้เฉินยิ้มเอ่ย “ข้ามาแล้ว เจ้าจะฆ่าข้าหรือ”
“เจ้าไม่คิดว่าข้าทำได้หรือ” เว่ยจวินมั่วเอ่ย
เห็นได้ว่ากงอวี้เฉินไม่เกรงกลัว “มิสู้ลองดูหรือไม่”
หนานกงมั่วยื่นมือไปจับมือเว่ยจวินมั่วเอาไว้ เอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าสำนักกง หยอกล้อเด็กๆ ได้ แต่อย่าเล่นแรงเกินไป” กงอวี้เฉินไม่ได้คิดร้ายจริงๆ หากเว่ยจวินมั่วสังหารเขา ต่อไประหว่างเยาเยาและจวินหนานเยี่ยนคงอึดอัดแล้ว
กงอวี้เฉินถอนหายใจด้วยความเสียดาย กวักมือเรียกเยาเยาที่กำลังวุ่นกับการทำแผลให้ซังเจี้ยว “เด็กน้อย มานี่สิ”
เยาเยามองเขาไม่ขยับ กงอวี้เฉินเอ่ย “เจ้าแทงข้า ไม่ต้องขอโทษหรือ”
เยาเยาลอบมองเขา สมควรแล้ว ไยนางต้องขอโทษเขาเล่า
หนานกงมั่วมองเว่ยจวินมั่วที่ดูใกล้หมดความอดทนแล้ว โบกมือให้เยาเยา เอ่ย “บาดแผลของอาเจี้ยวไม่หนัก แต่ยังต้องกลับไปพักผ่อนหลายวัน กลับไปค่อยว่ากันเถิด” เยาเยาพยักหน้าจริงจัง ประคองซังเจี้ยวเดินไปหาหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่ว
ทว่าตอนเดินผ่านกงอวี้เฉินกลับถูกเขาจับเอาไว้และผลักซังเจี้ยวออก
“เจ้า!”
กงอวี้เฉินเอ่ย “ให้เด็กนี่คุยกับข้าสักกี่ประโยค พระชายารัชทายาทไม่อนุญาตหรือ”
หนานกงมั่วส่ายศีรษะ ผู้ผูกกระดิ่งก็ต้องเป็นผู้แก้กระดิ่งนั้นเอง ช่างเถิด
เห็นมารดาและบิดาพาพี่อาเจี้ยวและอานอานไปแล้ว เยาเยาที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลังงุนงงขึ้นมา
พวกเขามาช่วยข้ามิใช่หรือ
กงอวี้เฉินมองเยาเยาที่มองคนตรงหน้าตาปริบๆ ด้วยความสนอกสนใจ หัวเราะพลางเอ่ย “เด็กน้อยเสียใจใช่หรือไม่ เป็นข้าที่รักเจ้ามากที่สุดแล้วใช่หรือไม่”
เยาเยามองกงอวี้เฉินด้วยความไม่พอใจ เอ่ย “เจ้าอยากทำอันใดกันแน่”
กงอวี้เฉินเอ่ย “ไยเจ้าจึงเกลียดข้าเพียงนี้ ข้าไม่ดีกับเจ้าหรือ”
เยาเยากัดฟันไม่เอ่ยวาจา กงอวี้เฉินพยักหน้า “รู้แล้ว เพราะตอนนั้นข้าสังหารคนที่ปกป้องเจ้าอย่างนั้นหรือ ดูไม่ออกเลยว่าเด็กอย่างเจ้าจะแค้นฝังใจเพียงนี้”
เยาเยาหลุบตาไม่เอ่ยวาจา เพียงเดินบึ้งตึงอยู่ข้างๆ กงอวี้เฉิน กงอวี้เฉินถอนหายใจเอ่ย “ชีวิตนี้ข้าสังหารคนมานับไม่ถ้วน ต่อให้สังหารใครก็ใช่ว่าจะจำได้ ไม่คิดว่าจะพบคนเอาคืนอยู่ที่นี่”
ทำไมเขาชอบเยาเยาน่ะหรือ ให้กงอวี้เฉินบอกใช่ว่าเขาจะเอ่ยออกมาอย่างชัดเจนได้ แต่ตอนนั้นมองเห็นตัวกลมนุ่มนิ่มพลันรู้สึกใจอ่อนลงไปมาก เขาเกิดมาแข้งกระด้าง ไม่เคยชอบคนหรือสิ่งใด แต่เห็นก้อนกลมขาวๆ นุ่มๆ นั้น เขาก็อดไม่ได้อยากเก็บเอาไว้ในมือคอยรักและทะนุถนอม กระทั่งรู้สึกริษยาเว่ยจวินมั่วขึ้นมา หากเขาเจอหนานกงมั่วก่อน ก้อนกลมเล็กน่ารักนี้ก็คงเป็นลูกของเขาหรือไม่
เมื่อนึกถึงบุตรสาวที่น่ารักว่านอนสอนง่ายของตนเอง กงอวี้เฉินพลันรู้สึกพึงพอใจขึ้นมา แต่ทุกครั้งที่คิดแต่งงานมีบุตรสาวก็รู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาแล้ว
สิบปีมานี้แม้ไม่ได้เจอ แต่การเติบโตของเด็กสาวก็อยู่ในสายตาของเขามาโดยตลอด บางทีอาจเป็นเพราะเขาติดตามดูคนคนหนึ่งนานเกินไปจนนางกลายเป็นคนสำคัญที่สุดบนโลกใบนี้แล้ว หากบอกว่าบนโลกใบนี้ยังมีใครที่กงอวี้เฉินจะไม่ทำร้ายอย่างแน่นอนก็คงจะมีเพียงเยาเยาแล้ว น่าเสียดายที่เห็นได้ชัดว่าเด็กน้อยผู้นี้เกลียดเขามาก
เยาเยาหันไปมองเขาอย่างอดไม่ด้ เอ่ยเสียงเบา “เจ้า…เจ้าอย่าทำเรื่องไม่ดี อย่าฆ่าคนไปทั่วอีกเลย”
กงอวี้เฉินเอ่ยอย่างใสซื่อ “ศิษย์รัก เจ้าเข้าใจอาจารย์ผิดแล้ว อาจารย์ไม่ฆ่าคนมานานแล้ว”
“อ้อ เช่นนั้นก็ดีแล้ว” เยาเยาเอ่ยเสียงเบา
เว่ยจวินมั่วที่เดินอยู่ด้านหน้าหันไปหาซังเจี้ยวที่เต็มไปด้วยบาดแผลด้านข้าง เอ่ยเสียงเรียบ “มั่นใจแล้วหรือ”
ซังเจี้ยวหันไปมองร่างเล็กงดงามที่อยู่ไม่ไกล ดวงตาฉายแววมั่นใจ “ขอพระองค์ทรงอนุญาตด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “พวกข้าบอกไม่ได้ ดูการตัดสินใจของเยาเยา”
ซังเจี้ยวพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ”
หนานกงมั่วยื่นมือไปตบไหล่ซังเจี้ยว ส่งยิ้มให้เขา ซังเจี้ยวพยักหน้าเบาๆ “ขอบคุณอาจารย์ขอรับ”
เดินมาถึงตีนเขา ไม่รู้กงอวี้เฉินคุยอันใดกับเยาเยา คิ้วที่ขมวดมุ่นของเยาเยาเห็นได้ว่าคลายออกไปมาก เพียงนางยังคงยืนกรานปฏิเสธข้อเสนอของกงอวี้เฉินจะให้นางเรียกเขาว่าอาจารย์ แต่ไม่ได้ปฏิเสธกงอวี้เฉินที่ขอให้นางไปเยี่ยมเขาบ้าง กงอวี้เฉินมองเหล่าหนานกงมั่วที่ยืนอยู่ไม่ไกล ไม่ได้ร่ำลาเพียงหันไปโบกมือให้เยาเยาและถีบตัวขึ้นลอยออกไป
เซียวจิ่งเสาจนวาจา “ท่านแม่ เขามาทำอันใดกันแน่ขอรับ”
หนานกงมั่วเอ่ย “เมื่อบ่ายเขาให้คนส่งของขวัญไปที่จวนรัชทายาท บอกว่า…เป็นสินเจ้าสาวของเยาเยา”
“…”
แม้จะเกิดเรื่องกงอวี้เฉิน โชคดีที่ไม่มีผู้ใดบาดเจ็บหนัก ทุกคนไม่ได้เป็นอันใดมาก กงอวี้เฉินลอยไปลอยมา ไม่ทิ้งร่องรอยอันใดราวกับไม่เคยมา นอกจากของขวัญล้ำค่าแสนพิเศษสองกล่องที่ถูกส่งไปยังห้องของเยาเยา ไม่มีใครเข้าใจว่ากงอวี้เฉินคิดอันใดอยู่ แม้แต่ลูกศิษย์ที่เขาสั่งสอนมายังไม่เข้าใจ ทุกคนก็ไม่คิดจะสืบหาแล้ว
บาดแผลของซังเจี้ยวไม่หนักไม่เบา ทว่าได้รับการรักษาอยู่หลายวัน เยาเยาคอยเฝ้าดูแลซังเจี้ยวด้วยตนเองไม่ห่าง แม้แต่เหล่าจูเผิงชวนนางออกไปเที่ยวเล่นก็ยังผัดออกไป
“พี่อาเจี้ยว”
วันนี้เป็นวันที่สาม และเป็นวันที่เว่ยจวินมั่วเรียกพบทั้งสามคน เยาเยารออยู่ในเรือนห้องหนังสือของเว่ยจวินมั่ว เห็นซังเจี้ยวเดินออกมาจึงคลายกังวล พี่อาเจี้ยวบาดเจ็บหนัก นางกลัวว่าท่านพ่อจะตีพี่อาเจี้ยวอย่างที่อานอานบอก
ใบหน้าของซังเจี้ยวยังคงซีดเซียวทว่าสีหน้ากลับดูไม่เลว
“เยาเยา ไยจึงมายืนอยู่ที่นี่”
เยาเยาเอ่ย “พี่อาเจี้ยว ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ท่านพ่อของข้า…”
“เยาเยา” ซังเจี้ยวเอ่ยเรียกเสียงเบา “เจ้ายินดีจะใช้ชีวิตร่วมกับข้าตลอดไปหรือไม่”
เยาเยากะพริบตา ราวกับไม่เข้าใจในสิ่งที่ซังเจี้ยวเอ่ย
ซังเจี้ยวก็ไม่รีบร้อน ก้มหน้าลงมาสบตากับนาง เอ่ยเสียงเบา “เยาเยา ใช้ชีวิตร่วมกับข้าได้หรือไม่”
“แต่ว่า…แต่…” เยาเยาได้สติ เอ่ยด้วยความสับสนเล็กน้อย “แต่ว่า พี่อาเจี้ยวไม่ใช่…” ระยะห่างที่พี่อาเจี้ยวตั้งใจในบางครั้ง ใช่ว่านางจะสัมผัสไม่ได้ เช่นเดียวกันท่าทีที่เปลี่ยนไปของพี่อาเจี้ยวในหลายวันมานี้นางก็สัมผัสได้เช่นกัน แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้นางทำตัวไม่ถูก
“เป็นข้าที่ไม่ดี” ซังเจี้ยวเอ่ยเสียงเบา “เยาเยา ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ได้อยากเป็นพี่ชายของเจ้าไปตลอด ข้าเพียงกลัว…” กลัวว่าข้าจะทำร้ายเจ้า
“ตอนนี้ไม่กลัวแล้วหรือ” เยาเยาไม่เข้าใจ
ซังเจี้ยวส่ายศีรษะ เอ่ยหนักแน่น “ไม่กลัว” ตอนนี้ข้ารู้แล้ว ข้ายอมทำร้ายตนเองแต่ไม่มีทางทำร้ายเจ้าอย่างแน่นอน
“พี่อาเจี้ยว ข้ายังไม่รู้” เยาเยามองเขา เอ่ยอย่างจริงจัง
ซังเจี้ยวยิ้มร่า “เหมือนว่าเจ้า…จะไม่ได้เอ่ยกับคุณชายจวินเช่นนี้”
เยาเยามองเขา เอ่ย “แต่ว่า ข้ายังไม่ทันได้คิดให้ดี”
ซังเจี้ยวเอ่ย “ไม่รีบ”
ผลการทดสอบของจวนรัชทายาทออกมาแล้ว องค์รัชทายาทและพระชายารัชทายาทคล้ายว่าจะไม่มีใครรู้ หลังจากนั้นฝ่าบาทก็ไม่ได้เอ่ยอันใดอีก ดังนั้นผู้คนจึงเข้าใจเงียบๆ และทำเหมือนเรื่องนี้ได้ผ่านไปแล้ว เพียงแต่รุ่งเช้าในหลายวันต่อมา ชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งกำลังออกไปจากเมืองหลวงเงียบๆ
“จวินหนานเยี่ยน เจ้าจะไปยังไห่หนานกับข้าจริงหรือ” หญิงสาวในชุดสีม่วงเอ่ยอย่างไม่วางใจ
ชายหนุ่มที่กอดกระบี่เดินไปพลางเอ่ย “แน่นอนว่าเป็นความจริง”
หญิงสาวชุดสีม่วงเอ่ย “แต่ว่าเจ้าไม่ต้องกลับบ้านไปหาพ่อเจ้าหรือ อีกทั้งพวกเรายัง…”
เด็กหนุ่มเอ่ย “เดิมทีข้าออกมาจากบ้านก็เพื่อท่องเที่ยว กลับไปเร็วเพียงนี้ท่านพ่อได้ตีข้าแน่ อีกทั้งข้าเพิ่งล่วงเกินอาจารย์ไป เจ้าให้ข้ากลับทางเหนือไปให้เขาจัดการหรือ”
เด็กสาวในชุดสีม่วงนึกถึงใครบางคนแล้วก็ได้แต่มองไปยังหนุ่มน้อยอย่างรู้สึกผิด หากไม่ใช่เพราะนาง จวินหนานเยี่ยนก็คงไม่ได้ทรยศอาจารย์
“ยิ่งไปกว่านั้น…” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นเชื่องช้า “ข้าสารภาพรักถูกปฏิเสธก็เสียใจแล้ว เจ้ายังจะไล่ข้าไปอีก เอ่ยแล้วว่าเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายอย่างไรเล่า” เด็กสาวมองเขาด้วยความประหลาดใจ “หลายวันมานี้เซียวจิ่งเสาวางยาอันใดเจ้า ไยข้าจึงรู้สึกว่าวาจาของเจ้าแปลกๆ” หลายวันมานี้นางยุ่งกับการดูแลพี่อาเจี้ยว จวินหนานเยี่ยนก็เอาแต่เดินตามก้นเซียวจิ่งเสา
เด็กหนุ่มยิ้มบาง เอ่ย “ข้าเพียงคิดว่า วาจาของหวงจั่งซุนมีเหตุผล”
“เขาเอ่ยอันใด” เด็กสาวแปลกใจ
เด็กหนุ่มเอ่ย “คนไม่ไขว่คว้าในวัยหนุ่ม ได้เคียงชิดใกล้ ไม่ถึงที่สุดกวางจะตายในมือใครยังไม่อาจรู้ได้ ไยเจ้าจะต้องเดินทางไกลนับพันลี้เพื่อไปยังไห่หนานเล่า”
ประโยคพวกนี้เชื่อมโยงด้วยกันหรือ
“ข้าไม่เคยไปไห่หนานนี่”
“ไยจึงไม่ชวนคุณชายซังไปกับเจ้า” เด็กหนุ่มเอ่ยถาม
เด็กสาวลังเลเล็กน้อย ส่ายศีรษะพลางเอ่ย “ช่างเถิด พี่อาเจี้ยวยุ่งมาก”
เด็กหนุ่มหันไปมองนาง “เจ้าปฏิเสธข้าเพราะคิดว่าข้าคือสหาย เจ้าไม่ตอบรับซังเจี้ยวเพราะไม่มั่นใจในความรู้สึกที่เขามีต่อเจ้าหรือ เจ้าคิดว่าสำหรับเขาแล้วมีหลายสิ่งหลายอย่างที่สำคัญกว่าเจ้าใช่หรือไม่ ไยเจ้าจึงไม่ถามเขาเล่า”
เด็กสาวส่ายศีรษะ เอ่ย “ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เป็นข้าที่ไม่เข้าใจมากกว่า คิดจนเข้าใจแล้วข้าก็จะถามแน่นอน หากยังไม่เข้าใจก็ไม่จำเป็นต้องถามแล้ว”
“หากตอนนี้เขายอมทิ้งทุกอย่างเพื่อไปกับเจ้าเล่า”
“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน” เยาเยาส่ายศีรษะ เอ่ย “พี่อาเจี้ยวยุ่ง…เพียงนั้น…” มองตามสายตาของเด็กหนุ่ม นางพลันมองเห็นชายหนุ่มรูปงามในชุดผ้าคลุมสีอ่อนยืนจับม้าอยู่บนถนนตรงหน้ามองมาที่พวกเขาด้วยรอยยิ้ม ชายหนุ่มหันหน้าเข้าหาทั้งสองคนหันหลังให้กับดวงอาทิตย์ ร่างกายของเขาราวกับมีแสงสว่างจางๆ สาดส่องออกมา
“ไยจึงช้าเพียงนี้ รอพวกเจ้ามากว่าสองเค่อแล้ว”
เด็กหนุ่มมองไปยังเด็กสาวชุดสีม่วง เอ่ย “บางทีก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
เด็กสาวนิ่งอึ้งอยู่นาน ดวงตาที่มองไปด้านหน้ามีดวงดาวเปล่งประกาย
“พี่อาเจี้ยว…”
จบบริบูรณ์