หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 981 ต่างคนต่างแผนการ (1)
ตอนที่ 981 ต่างคนต่างแผนการ (1)
ได้ยินเช่นนั้น ทุกคนแทบอยากกุมขมับ เห็นอยู่ว่าเป็นคำพูดธรรมดา ไยหนิงอ๋องท่านต้องเอ่ยอย่างแปลกเพียงนั้นด้วยเล่า ท่านเกือบถูกคุณชายเว่ยตัดคอไปแล้วไม่รู้หรือ
หนิงอ๋องยกมือแสดงท่าทางไม่แยแส แน่นอนว่าข้าไม่รู้
เว่ยจวินมั่วมองหนิงอ๋องเงียบๆ หนิงอ๋องมองเขาด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ ไม่ได้มีความหวาดกลัวหรือโกรธเกรี้ยวที่เกือบถูกเขาตัดหัวแม้เพียงนิด ชั่วครู่ไม่อาจดูออกว่าอารมณ์ของสองคนนี้ผู้ใดแข็งแกร่งกว่ากัน
เนิ่นนานถึงได้ยินคุณชายเว่ยเอ่ยถาม “เพียงเท่านี้หรือ”
เอ๋ เห็นเขายอมง่ายๆ เพียงนี้ หนิงอ๋องมองเว่ยจวินมั่วอย่างหวาดระแวงว่ามีแผนร้ายอันใดอีกหรือไม่ เนิ่นนานหนิงอ๋องจึงพยักหน้าด้วยความลังเล คุณชายเว่ยพยักหน้า เอ่ย “ได้”
ตอบรับง่ายดายเพียงนี้เลยหรือ ความตื่นเต้นของหนิงอ๋องเลือนหายไป เขาเพียงอยากทำให้เว่ยจวินมั่วลำบากใจ แต่เมื่อคนที่เขาอยากให้ลำบากใจกลับไม่รู้สึกลำบากใจเลยล่ะก็ เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจรับรู้ถึงชัยชนะหรือความสนุกใดๆ หรือว่าเขาไม่ได้จับถึงจุดสำคัญ เว่ยจวินมั่วไม่ได้สนใจเด็กทั้งสอง หรือว่าคนที่สำคัญที่สุดคือซิงเฉิงจวิ้นจู่อย่างนั้นหรือ
แต่ว่า…มองดูใบหน้าหล่อเหลาที่เย็นชาของคุณชายเว่ย หนิงอ๋องเลือกที่จะซ่อนสิ่งที่อยู่ในใจเอาไว้ให้ลึกที่สุด มักรู้สึกว่าเมื่อครู่หากเขาเอ่ยว่าเป็นซิงเฉิงจวิ้นจู่ล่ะก็ กระแสลมเมื่อครู่คงได้ตัดเข้าที่ศีรษะของเขาแล้ว
ไม่มีการก่อกวนจากหนิงอ๋อง เรื่องราวหลังจากนั้นจึงราบรื่นเป็นที่สุด ทั้งสองฝ่ายสัญญา หลังจากนี้สิบวันกองกำลังไท่หนิงจะมาถึงเมืองเผิงและรวมตัวกับกองทัพโยวโจว มีหนิงอ๋องที่ไม่เคยสูญเสียเข้าร่วมด้วย ทุกคนต่างแสดงท่าทางออกมาว่าการบดขยี้ทหารใหม่ของราชสำนักนั้นไม่มีปัญหา
พูดคุยเรื่องการเคลื่อนกำลังกองทัพเรียบร้อย เหล่าทหารจึงทยอยออกไป ในกระโจมใหญ่เหลือเพียงเว่ยจวินมั่วและหนิงอ๋องสองคนนั่งประจัญหน้ากัน องครักษ์ของหนิงอ๋องไม่วางใจต่อเรื่องนี้นัก เพียงแต่หนิงอ๋องโบกมือส่งสัญญาณให้ออกไปเขาจึงจำต้องเดินออกไป
ความเงียบเข้าปกคลุมกระโจมใหญ่ หนิงอ๋องมองเว่ยจวินมั่วที่กำลังก้มหน้าก้มตาพลิกเปิดอ่านบันทึกรายงานเงียบๆ ไม่สนใจตนเองเลยแม้เพียงนิด เว่ยจวินมั่วไม่นึกสนใจเขา ก้มหน้าก้มตาทำธุระของตนเอง แม้ว่ากิจของกองทัพโยวโจวจะมีไม่น้อย แต่เมื่อครั้งอยู่เฉินโจวเว่ยจวินมั่วก็ทำจนชินแล้ว อีกทั้งยังมีหนานกงมั่วแบ่งเบาภาระงานจากเฉินโจวจึงไม่มีวันที่ยุ่งวุนวาย ทว่ายิ่งเขานิ่งเงียบก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกหงุดหงิด บางคนเกิดมาก็ราวกับจัดการได้ทุกอย่างโดยไร้ที่ติจะไม่ให้คนริษยาได้เยี่ยงไร
หนิงอ๋องเท้าคางมองสำรวจเว่ยจวินมั่วอยู่นานก่อนจะเอ่ยปาก “มิน่าเล่าพี่สามถึงได้ชอบเจ้านัก เมื่อเทียบกับเจ้าเด็กสามคนนั่น เจ้ากลับคล้ายพี่สามมากกว่าเสียอีก”
เว่ยจวินมั่วเงยหน้ามองเขาเล็กน้อย ใบหน้าไร้ความรู้สึก คนที่เคยเห็นเขากับเยี่ยนอ๋องไม่เคยมีใครรู้สึกว่าทั้งสองนั้นหน้าตาเหมือนกันเลยรู้หรือไม่ ดวงตาของหนิงอ๋องมีปัญหาหรือ
รูปลักษณ์ของเว่ยจวินมั่วคล้ายองค์หญิงฉังผิง หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดาที่มีหน้าตาเช่นนี้แน่นอนว่าคงเกิดเป็นชายทว่าหน้าตาคล้ายสตรี แต่ว่าร่างกายของเว่ยจวินมั่วองอาจผึ่งผาย โครงร่างชัดเจน ที่สำคัญที่สุดคือความแข็งแกร่ง ตลอดหลายปีผู้คนมองใบหน้าเย็นชาของคุณชายเว่ยกลับไม่อาจนึกถึงคำว่าสวยจนน่าตกตะลึงแม้เพียงนิด กลับกันเป็นได้เพียงยำเกรง ยอมอยู่ใต้อำนาจ
และเยี่ยนอ๋องยังเหมาะสมกับสัญลักษณ์ของภาพลักษณ์สง่างามของบุรุษได้เป็นอย่างดี ความองอาจห้าวหาญ สุภาพเยือกเย็น ทุกท่วงท่านั้นเหมาะสมกับผู้เป็นอ๋อง
หนิงอ๋องส่ายศีรษะ เอ่ย “ข้าดูคนไม่เคยผิด เจ้าเองก็รู้ว่าที่ข้าเอ่ยถึงมิใช่รูปลักษณ์” กระทั่งไม่ใช่นิสัยด้วย เพียงความรู้สึกอย่างหนึ่งเท่านั้น
เว่ยจวินมั่วจ้องมองหนิงอ๋อง เอ่ยเสียงเย็น “เมื่อครู่พระองค์ตั้งใจ”
หนิงอ๋องยิ้มจนตาหยีมองเขา ยอมรับอย่างใจกว้าง “อ่า ข้าตั้งใจ เป็นอย่างไร”
“พระองค์ต้องการให้กองทัพโยวโจวหวาดกลัวต่อกระหม่อม เป็นผลดีอันใดกับพระองค์” เห็นหนิงอ๋องยิ้มกำลังจะเอ่ยปาก เว่ยจวินมั่วยังคงเอ่ยด้วยความกล้า “อย่าบอกว่าพระองค์รู้สึกสนุก” หนิงอ๋องนั้นเกรงกลัวว่าใต้หล้าจะไม่วุ่นวายก็จริง แต่เขาที่เป็นผู้ปกครองเมืองความจริงก็มีขอบเขตอยู่บ้าง เขาไม่มีทางก่อเรื่องในงานใหญ่ กองทัพโยวโจวหวาดกลัวต่อเว่ยจวินมั่ว สำหรับหนิงอ๋องแล้วไม่มีผลดีอย่างไร นอกเสียจากหนิงอ๋องต้องการเข้าไปแทนที่เว่ยจวินมั่วกลายเป็นหัวใจสำคัญของกองทัพโยวโจว แต่นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เยี่ยนอ๋องจะยอมให้น้องชายต่างมารดาที่มีกำลังทหารอยู่ในมือเช่นกันมาบัญชาการกองทัพโยวโจวของตนเองหรือ
หนิงอ๋องมองเว่ยจวินมั่ว ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย สีหน้ากลับตึงเครียดขึ้นมา “ทำอันใดไม่ได้ ในเมื่อข้าตัดสินใจเข้าร่วมสถานการณ์นี้แล้วก็ต้องคิดเผื่ออนาคต อีกทั้งข้าไม่ได้คิดจะทำให้กองทัพโยวโจวหวาดกลัวต่อเจ้า หึๆ…อย่างมาก สามพี่น้องตระกูลเซียวนั่นอาจจะคิดอันใดบ้างก็เท่านั้น”
หนิงอ๋องเป็นคนที่เว่ยจวินมั่วเกลี้ยกล่อมให้มาเข้าร่วมกับกองทัพโยวโจว อีกทั้งยังชี้ตัวเอ่ยนามว่าต้องให้คุณชายเว่ยรับปากเงื่อนไขของตนเองก่อนจึงจะยอมเคลื่อนทัพ คิดว่าในใจของหลายคนคงอดคิดไม่ได้ว่า หนิงอ๋อง พระองค์มาร่วมมือกับกองทัพโยวโจวหรือร่วมมือกับกองทัพเฉินโจวซึ่งก็คุณชายเว่ยกันแน่หรือ
ใจคนก็เป็นเช่นนี้ ไม่เพียงไม่ใช่พวกเดียวกัน มีหัวใจที่แตกต่าง เกรงว่าแม้แต่คนค่ายเดียวกัน บางทีก็ยังแบ่งกองทัพเฉินโยวกองทัพโยวโจว ผู้ใต้บัญชาของกองทัพโยวโจวก็ยังต้องแบ่งผู้ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพเฉินหรือผู้ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพเซวียเป็นต้น ทุกที่ที่มีคนอยู่มักมีเส้นสายแม่น้ำลำธาร มีความขัดแย้งเช่นนี้
มองสีหน้าไม่พอใจของเว่ยจวินมั่ว หนิงอ๋องจึงรีบเอ่ย “ข้าเองก็หวังดี พี่สามของข้าให้ความสำคัญกับเจ้า ในอนาคตเจ้าเด็กทั้งสามนั่นจะต้องหาวิธีดึงเจ้าไปเป็นพวก ตอนนี้ข้ากำลังช่วยเจ้าเลือกคนที่เหมาะสม ต่อไปเจ้าจะได้ไม่ปวดหัว เจ้ายังไม่ขอบคุณข้าอีกหรือ”
เว่ยจวินมั่วยิ้มหยัน “หรือว่าหนิงอ๋องไม่รู้ว่าไยเสด็จลุงจึงมอบธุระทางการทหารมาให้กระหม่อมหรือ”
หนิงอ๋องกะพริบตา ใบหน้าไร้เดียงสา “ข้าไม่รู้จริงๆ หรือว่ายังมีเรื่องที่น่าสนใจที่ข้ายังไม่รู้อีกหรือ” เว่ยจวินมั่วหรี่ตาลง มองใบหน้า ‘เจ้าจะทำอันใดข้าได้’ ของเขา ดวงตาพลันเข้มขึ้น เว่ยจวินมั่วส่งเสียงหยัน ไม่ต่อล้อต่อเถียงเรื่องนี้กับเขาอีก เพียงเอ่ยถาม “กองกำลังไท่หนิงจะมาถึงในอีกกี่วัน”
สีหน้าของหนิงอ๋องก็จริงจังขึ้นมา ครุ่นคิดชั่วครู่จึงเอ่ยตอบ “ภายในสองวันก็มาถึง”
เว่ยจวินมั่วพยักหน้าพึงพอใจ “ดี เช่นนั้น…พวกเราก็ควรเตรียมตัวได้แล้ว” แม้หนิงอ๋องจะวุ่นวาย แต่เวลาส่วนใหญ่ก็ยังใช้การได้ เช่นกองกำลังไท่หนิงที่มีความสามารถปราดเปรื่องหลายแสนในมือของเขา คุณชายเว่ยรู้สึกว่าเพื่อสิ่งเหล่านี้ยามนี้ตนจะไม่ถือสาเขา
หนิงอ๋องมองเขา ใบหน้าอ่อนเยาว์มีความจริงจังอย่างหาได้ยาก “เอ่ยตามตรง ตอนเห็นแผนการของเจ้าครั้งแรกข้าตกใจไม่น้อย ตอนนั้น…เจ้าก็คาดเดาได้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้ได้แล้วหรือ” เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว เอ่ย “ต่อให้ไม่เหมือนกับตอนนี้ ก็คงไม่ได้ต่างกันมาก เสด็จลุงตกอยู่ในวงล้อมที่แน่นหนาได้ แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายได้เตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้แล้ว ต่อให้ไม่มี…ข้าก็ยอมให้เขามี ในเมื่อไม่มีหนทางให้ดิ้นรนหลุดพ้นออกมาจากด้านใน แน่นอนว่าคงต้องเป็นวิธีจากด้านนอก”
หนิงอ๋องเลิกคิ้ว “หากข้ายังคงไม่ยอมเคลื่อนทัพเล่า”