หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 975 แผนการรับมือ(1)
ตอนที่ 975 แผนการรับมือ(1)
พื้นที่บนเขาร้างผู้คนแห่งหนึ่ง ชายในชุดผ้าฝ้ายถูกหญ้าที่สูงกว่าครึ่งตัวบดบังร่างไปกว่าครึ่ง นิ้วมือเรียวยาวเปิดจดหมายอย่างแผ่วเบา ตัวเลขไม่กี่ตัวในจดหมายทำให้เขาหัวเราะออกมา “เขาชังหมิง คนที่เกี่ยวข้องกับการแพ้ชนะของสงครามหรือ ยามนี้ยังมีผู้ใดกล้าบอกว่าเกี่ยวข้องกับการแพ้ชนะของสงครามอีกเล่า เว่ยจวินมั่ว…เจ้าเล่นลูกไม้อันใดอีก”
“เจ้าสำนัก พวกเราทำเยี่ยงไรดีขอรับ” ด้านหลังห่างออกไปไม่กี่ก้าว ชายในชุดดำเอ่ยถามด้วยท่าทางนอบน้อม
กงอวี้เฉินยกจดหมายในมือขึ้น เอ่ย “เจ้าคิดว่ายามนี้คนที่เกี่ยวข้องกับการแพ้ชนะในสงครามมีผู้ใด”
ชายชุดดำลังเลอยู่นาน เอ่ยด้วยความสงสัย “หรือว่าคุณชายเว่ยพบกับยอดฝีมือที่ปลีกตัวออกจากทางโลกหรือขอรับ”
“เหอะ” กงอวี้เฉินหัวเราะหยัน “คนอย่างเว่ยจวินมั่ว จำเป็นต้องมียอดฝีมือที่ละทางโลกอันใดนั่นด้วยหรือ ต่อให้มี…เขาจะมั่นใจได้เยี่ยงไรว่าคนผู้นั้นมีผลต่อการรบ สถานการณ์สงครามในตอนนี้กำลังฉุดรั้งกันอยู่ ต่อให้ข้าจะยังนึกไม่ออกว่ากองทัพเยี่ยนจะลงเอ่ยเช่นไร กองทัพเยี่ยนไม่เคลื่อนไหวมานาน คิดว่าเว่ยจวินมั่วเองก็คงจะไม่เช่นกัน”
“เช่นนั้นเจ้าสำนัก..พวกเรา ยังจะไปหรือไม่ขอรับ” ชายชุดดำด้านหลังเริ่มมึนงง คุณชายเว่ยและซิงเฉิงจวิ้นจู่ไม่อาจรับมือได้ง่ายใครๆ ต่างก็รู้ดี หลายปีมานี้พวกเขาปะทะกับคุณชายเว่ยเองก็ไม่ได้เปรียบมากนัก กลับกันเป็นการเสียเปรียบมากกว่าสักหน่อย ครั้งนี้ไม่ง่ายกว่าจะจัดการกับเยี่ยนอ๋องได้สักครั้ง อีกทั้งยังทำให้กองทัพโยวโจวตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกแช่แข็งอยู่ในขณะนี้ ความจริงแล้วทุกคนต่างก็เตรียมพร้อมอยู่ในใจ เฝ้าระวังว่าคุณชายเว่ยจะมีการโต้ตอบอย่างไร เวลานี้คุณชายเว่ยส่งซิงเฉิงจวิ้นจู่ออกไปยืมคน พวกเขาไปขัดขวาง กลัวว่าจะเป็นกับดัก หากไม่ขัดขวางแล้วเป็นคนสำคัญขึ้นมาจริงๆ เล่าจะทำเยี่ยงไร
กงอวี้เฉินส่งเสียงหยัน เอ่ยอย่างเกียจคร้าน “ไปเถิด เพียงแต่…อย่าต่อสู้อย่างบุ่มบ่ามกับหนานกงมั่ว ในเมื่อเขาต้องการไยพวกเราจะไม่ตอบสนองเล่า ข้าเองก็อยากรู้ว่าเว่ยจวินมั่วจะมีวิธีพลิกกระดานนี้ได้เยี่ยงไร อีกทั้งจะได้ดูให้ชัดเจนด้วยว่าหนานกงมั่วไปพบผู้ใด”
ชายชุดดำมองท่าทีไม่เดือดเนื้อร้อนใจของกงอวี้เฉินแล้วจึงเอ่ย “เจ้าสำนัก…มีแผนการอยู่ในใจแล้วอย่างนั้นหรือขอรับ”
กงอวี้เฉินยิ้มเย็น “เวลาเช่นนี้คนที่เป็นไพ่ลับของเว่ยจวินมั่วจะมีสักกี่คน เซียวเชียนเยี่ยช่างไร้ความสามารถ สองปีมานี้สักคนเดียวก็ไม่อาจจัดการได้”
“…” ไม่ใช่เพราะเจ้าสำนักหรือที่แกล้งเซียวเชียนเยี่ยไปหลายครั้ง เพียงท่านเสนอแผนการเขาก็ต้องคิดลังเลกว่าจะตัดสินใจได้ว่าจะทำหรือไม่
กงอวี้เฉินโบกมืออย่างหงุดหงิด “ไปเถิด ช่วงนี้ข้ามีเรื่องมากมาย ไม่มีเรื่องเร่งด่วนก็ไม่ต้องมาหาข้า”
“ขอรับ เจ้าสำนัก ข้าน้อยลาก่อนขอรับ”
กงอวี้เฉินไล่ลูกน้องไปแล้ว มองไปรอบๆ ทุ่งหญ้าที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ยิ้นหยันพร้อมหมุนตัวเดินจากไป
เมื่อครั้งที่หนานกงมั่วพาคนมาถึงเขาชังหมิงแน่นอนว่ามาถึงก่อนเวลานัด คนที่นางต้องมารับก็ยังมาไม่ถึง ดังนั้นตอนนี้หนานกงมั่วจึงรออยู่ที่ตีนเขาชังหมิง วันต่อมาจึงมองเห็นคนที่มาสาย หนานกงมั่วมองเห็นคนที่เพิ่งมาแต่กลับไม่ตกใจ เอ่ยอย่างนอบน้อมพร้อมยกมือขึ้นประสาน “ถวายพระพรเสด็จลุงหนิงอ๋องเพคะ”
หนิงอ๋องนั่งอยู่บนหลังม้ามองไปยังหนานกงมั่วที่ใบหน้านิ่งสงบ ส่งเสียงหยันออกมา นึกถึงสองปีก่อนที่ถูกสองคนนี้กลั่นแกล้ง หนิงอ๋องรู้สึกว่าแทบอยากสะบัดแส้ในมือทำร้ายคน แต่การตวัดแส้ใส่หญิงงาม เห็นชัดว่าไม่ใช่งานอดิเรกของหนิงอ๋อง แม้ว่าหญิงงามผู้นี้จะไม่เหมาะให้เขาชื่นชมความงามก็ตาม แต่สามารถทดลองต่อหน้าเว่ยจวินมั่วเจ้าเด็กหน้าตายผู้นั้นได้
“นี่ ซิงเฉิงจวิ้นจู่ ไม่ได้เจอกันมาสองปีจวิ้นจู่ก็ยังสุดยอดไม่อาจมีผู้ใดเทียบเทียมได้ เว่ยจวินมั่วเจ้าเด็กนั่นช่างโชคดี”
หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “เสด็จลุงหนิงอ๋องชมเกินไปแล้วเพคะ ไม่ได้เจอกันสองปีเสด็จลุงยังคงอิสระ หล่อเหลาสง่างาม”
หนิงอ๋องส่งเสียงหยัน พลิกตัวลงจากบังเหียนม้า เลิกคิ้ว เอ่ย “อิสระหรือ นับตั้งแต่พบกับพวกเจ้าทั้งสอง ข้าก็ไม่เคยมีอิสระอีกแล้ว”
หนานกงมั่วยกมือขึ้นประสาน “ขอบพระทัยหนิงอ๋องที่ช่วยเหลืออย่างมีสัจจะ”
หนิงอ๋องยกมือขึ้นห้ามหนานกงมั่ว “อย่า ช่วยเหลืออย่างมีสัจจะอันใดอย่าเพิ่งเอ่ยถึง ไยข้าจึงได้ยินมาว่า…พี่สามของข้าตอนนี้นอนอยู่บนเตียงเหมือนไม่มีชีวิต” หนานกงมั่วยิ้มร่า “เสด็จลุงเยี่ยนอ๋องได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจริงๆ เพคะ ต้องพักรักษาสักระยะ เพียงแต่…” เหมือนไม่มีชีวิตคืออันใด อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่อาจนับว่าเป็นเช่นนั้น
หนิงอ๋องไม่ใส่ใจ “อย่ามาไม้นี้ ข้ารับปากจะช่วยพี่สามเพราะเห็นว่าสามปีนี้เขาทำสงครามอย่างราบรื่น เซียวเชียนเยี่ยเจ้าเด็กนั่นดูแล้วคงทนได้อีกไม่นาน ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะสั่งสอนเขาว่าควรเคารพเสด็จอาเยี่ยงไร แต่ว่า…หากพี่สามเป็นอันใดไป เจ้าอย่าได้มาโทษข้าว่าผิดสัญญา” หนิงอ๋องไม่มีความสนใจต่อบัลลังก์ และไม่สนใจต่อคุณงามความดี เขาเป็นผู้ปกครองเมืองที่มีอำนาจที่สุดแล้ว หากจะประทานรางวัลให้เขายังจะทำได้อย่างไรเล่า ถึงตอนนั้นฆ่าลาเมื่อเสร็จงานยังมีความเป็นไปได้มากกว่า ดังนั้นทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด เขาเพียงเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ก็พอแล้ว รอกระทั่งใกล้เห็นผลลัพธ์แล้วจึงเลือกว่าจะยืนอยู่ฝั่งใด ผู้ใดก็ไม่อาจมีปัญหาได้
ก่อนหน้านี้เขาชื่นชมพี่สามของตน แต่หากพี่สามอาจหาญมาได้เพียงครึ่งทาง หลานชายทั้งสามที่เหลือนั่น… หนิงอ๋องลูบปลายคาง แสดงออกมาว่าเขายังต้องคิดทบทวนอีกสักรอบ
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “ตอนนี้เสด็จลุงหนิงอ๋องมาอยู่ที่นี่ ไม่ได้หมายความว่าพระองค์คิดทบทวนดีแล้วหรือเพคะ” มิฉะนั้นได้รับข่าวว่าเยี่ยนอ๋องบาดเจ็บหนักก็คงกลับสีโจวไปแล้ว หนิงอ๋องเลิกคิ้ว ยิ้มพลางเอ่ย “เจ้าเด็กไม่ดี เจ้ารู้หรือไม่ไยเว่ยจวินมั่วจึงให้เจ้ามารับข้า”
หนานกงมั่วมองเขาอย่างกระตือรือร้น
หนิงอ๋องส่งเสียงหยัน “ข้ารับปากว่าจะคิดทบทวน แต่ไม่ได้รับปากว่าจะช่วยพวกเจ้า เว่ยจวินมั่วคุยโวโอ้อวดกับข้า ภายในสองเดือนก็สามารถโจมตีเมืองเผิงได้ หึๆ ให้ข้าลองนับ ตอนนี้นานเพียงใดแล้ว นับตั้งแต่ที่ข้าได้รับจดหมาย นี่ก็ใกล้จะครบหนึ่งเดือนแล้วกระมัง ได้ข่าวว่าเซ่าจงเฝ้าเมืองเผิงเอาไว้ราวกับเต่าหดหัวในกระดอง เจ้าเด็กหน้าขาวของเจ้าหาวิธีได้แล้วหรือ”
หนานกงมั่วกะพริบตา ยิ้มจนตาหยี เอ่ย “เสด็จลุงหนิงอ๋องรับปากจะช่วย ก็มิใช่มีวิธีแล้วหรือเพคะ”
“หึๆ” หนิงอ๋องส่งน้ำเสียงเหยียดหยันให้นาง
หนานกงมั่วไหวไหล่ หยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมายื่นให้หนิงอ๋อง เอ่ย “นี่คือจดหมายที่จวินมั่วให้หม่อมฉันนำมามอบให้หนิงอ๋อง เสด็จลุงหนิงอ๋องอ่านดูเสียก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะกลับจวนหรือช่วยเหลือดีหรือไม่เพคะ”
หนิงอ๋องปรายตามองหนานกงมั่ว จากนั้นจึงรับจดหมายในมือของหนานกงมั่วมา เพราะเสียเปรียบในมือของสองคนนี้มามาก หนิงอ๋องไม่ระแวดระวังไม่ได้ เปิดจดหมายอ่านจนจบ หนิงอ๋องเงียบไปเนิ่นนาน ในตอนที่หนานกงมั่วนึกว่าเขาหลับไปแล้ว หนิงอ๋องจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองไปยังหนานกงมั่ว เอ่ยว่า “เว่ยจวินมั่วช่างมีความกล้ายิ่งนัก เขาไม่กลัวว่าแผนจะล่มระหว่างทางหรือ”
หนานกงมั่วมองนางด้วยสายตาไร้เดียงสา แสดงท่าทีออกมาว่า ‘พระองค์เอ่ยสิ่งใดหม่อมฉันไม่เข้าใจ’
หนิงอ๋องส่งเสียงหยัน ปรายตามองหนานกงมั่ว เอ่ย “พวกเจ้าสองสามีภรรยาใครก็ไม่ใช่คนดี” ดังนั้นอย่ามาทำท่าทางไร้เดียงสากับข้า