หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 933 คุณชายฉังเฟิงถูกจับ (1)
ตอนที่ 933 คุณชายฉังเฟิงถูกจับ (1)
เมื่อออกมาจากในถ้ำก็เห็นคุณชายเว่ยยืนผิงกำแพงหินผาอยู่ไม่ไกลนักพลางเหม่อมองท้องฟ้า ท่ามกลางหุบเขาเช่นนี้ อากาศจึงไม่ค่อยปลอดโปร่งนัก ที่จริงก็คือมองสิ่งใดไม่เห็นนั่นเอง หนานกงมั่วเดินเข้าหาไปเขา เอื้อมมือไปกุมมือเขาไว้ “จวินมั่ว ข้าขอโทษนะ”
เว่ยจวินมั่วชะงัก ก้มหน้ามองมาก่อนจะเผยรอยยิ้มบางๆ เขายกมือขึ้บลูบแก้มเย็นๆ ของนาง “ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ขอโทษอันใดกัน เป็นเสด็จลุงที่ขอให้เจ้าช่วยปิดบังไม่ใช่หรือ เสด็จป้าและชายารองกงก็ไม่รู้เช่นกันหรือ”
หนานกงมั่วส่ายหน้ารับคำ
เว่ยจวินมั่วถอนหายใจ “ที่เสียนเกออยู่โยวโจวตลอดสองปีมานี้ก็คงเป็นเพราะเสด็จลุง ที่ออกเดินทางไกลครั้งนี้ก็เพราะ…”
หนานกงมั่ว “ศิษย์พี่ออกไปนอกค่ายเพื่อหาตัวยาสมุนไพรหลักมาแก้พิษ บนโลกนี้ไม่มีพิษใดที่ท่านอาจารย์และศิษย์พี่แก้ไม่ได้”
เว่ยจวินมั่วพยักหน้าแล้วก้มตัวลงจูบเบาๆ ที่คิ้วของนาง ก่อนจะคว้านางมากอดไว้ในอ้อมอก “อู๋สยา ขอบใจเจ้ามาก” หนานกงมั่วยิ้ม “ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดเลย ไว้ศิษย์พี่กลับมาแล้วท่านไปขอบคุณศิษย์พี่เถิด” คุณชายเว่ยได้ยินเช่นนั้นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดถึงคุณชายเสียนเกออีก
ทั้งสองนั่งลงพิงกำแพงหินผา เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้วกังวลเล็กน้อย “สุขภาพเสด็จลุงเป็นเยี่ยงไรกันแน่”
หนานกงมั่วถอนหายใจ มีท่าทีลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเอ่ยตามความจริง “ไม่ค่อยดี เดิมทีร่างกายเสด็จลุงก็ไม่เหมาะที่จะหักโหมอยู่แล้ว แต่ว่า…ในสนามรบท่านก็รู้ดีว่าจะไปผ่อนกายสบายใจได้เช่นไร ยิ่งไปกว่านั้นเสด็จลุงยังเป็นผู้นำทัพ อีกทั้งคราวนี้ยังได้รับบาดเจ็บภายใน ไหนจะแผลเก่ามากำเริบอีก หากเป็นไปได้เสด็จลุงควรออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
เอ่ยเช่นนั้นจบ หนานกงมั่วก็อดยิ้มขื่นออกมาไม่ได้ ไม่ต้องเอ่ยถึงหุบเขาฟู่อวิ๋นแห่งนี้ที่เข้าได้ออกไม่ได้ ต่อให้ออกไปได้ ด้วยสถานการณ์ยามนี้ไหนเลยเยี่ยนอ๋องจะมีเวลามาพักผ่อนดีๆ ได้เล่า
หนานกงมั่วเงียบไปชั่วครู่ “ทางที่ดีที่สุดยังคงเป็นการที่ศิษย์พี่พบดอกไม้ปีศาจสีแดงและนำกลับมาได้ทันเวลา”
เว่ยจวินมั่วเงียบไปแล้วจึงพยักหน้าออกมา เอ่ยกับหนานกงมั่วเสียงเบา “ข้ารู้แล้ว อู๋สยาไม่ต้องเป็นกังวล ไม่เป็นอันใดหรอก พวกเราไปบอกลาเสด็จลุงก่อนกลับกันเถิด”
“อืม” หนานกงมั่วพยักหน้า
ทั้งสองเดินไปบอกลาเยี่ยนอ๋อง เยี่ยนอ๋องเพียงโบกมือให้พวกเขารีบออกไป หนานกงมั่วยังทิ้งยารักษาทั้งภายนอกภายในไว้ รวมถึงยาบำรุงกำลังก็ทิ้งไว้ให้เช่นกัน ก่อนจะแนะนำทหารที่เฝ้าไข้ว่าใช้อย่างไรด้วย ร่างกายเยี่ยนอ๋องต้องดูแลสิ่งใดเป็นสำคัญ แล้วจึงออกจากหุบเขาไปกับเว่ยจวินมั่ว
กว่าทั้งสองจะกลับไปถึงค่ายก็ยามรุ่งสางแล้ว แต่ว่ารองแม่ทัพกลับแจ้งข่าวที่ไม่ค่อยจะดีนักต่อพวกเขา เมื่อคืนลิ่นฉังเฟิงไปในอำเภอซื่อหยาง และยังไม่กลับมาจนตอนนี้ กระทั่งส่งจดหมายมาก็ไม่มี เป็นไปได้ว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นน
ได้ยินดังนั้น หนานกงมั่วก็พลันปวดหัวตุ้บๆ ขึ้นมาเล็กน้อย
หนานกงมั่วพลันเอ่ยขึ้นว่า “ท่านอยู่ที่นี่คุมสถานการณ์ ข้าจะไปอำเภอซื่อหยางเอง”
เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้ว ขบคิดอยู่เนิ่นนานแล้วจึงยอมพยักหน้า “ไม่ว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้น ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญที่สุด หากเกิดอันตรายก็กลับมาก่อน” เว่ยจวินมั่วเอ่ยอย่างไม่วางใจ
หนานกงมั่วยิ้มรับพลางพยักหน้าแล้วรีบออกไป กล่าวตามจริงแล้ว นางเองก็มิใช่คนชอบเอาตนเองไปเสี่ยงภัยอยู่แล้ว เว่ยจวินมั่วกังวลมากเกินไป
ไม่รอช้า หนานกงมั่วทิ้งหลิ่วหันไว้ พาซิงเวยและผู้ติดตามไม่กี่คนปลอมตัวเข้าไปในอำเภอซื่อหยาง แม้ยามนี้จะเป็นช่วงสงคราม แต่อำเภอซื่อหยางก็ไม่ได้ปิดอำเภอทั้งหมด หนานกงมั่วไม่รู้ว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายไม่เห็นกองทัพโยวโจวในสายตาหรือจงใจวางเหยื่อล่อกันแน่ แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกนางก็ต้องเข้าไปอยู่ดี
คนต่างถิ่นที่จะเข้าไปในเมืองจำต้องระบุยืนยันตัวตน แน่นอนว่าวิธีนี้ก็ไม่อาจขวางพวกนางไว้ได้ ไม่รู้ว่าซิงเวยเอาใบผ่านทางมาจากที่ใด แต่พวกนางก็เข้าไปในซื่อหยางได้อย่างสบายๆ
ในอำเภอซื่อหยางไม่ได้ครึกครื้นอันใดมากนัก แม้แต่โรงน้ำชาโรงเตี๊ยมต่างก็เงียบเชียบ หนานกงมั่วในชุดสีฟ้าธรรมดาๆ นั่งอยู่ในโรงน้ำชา มีผู้คุ้มกันในชุดสีเทาอยู่ล้อมรอบตัว ผมขาวของซิงเวยยังถูกกลบเป็นสีดำสนิทด้วยวิธีการใดไม่รู้ ทว่ายิ่งขับเน้นให้เขาดูมีเสน่ห์ขึ้นไม่น้อย
“โรงน้ำชานี้เพิ่งเปิดหรือ ไยถึงเงียบเหงาเช่นนี้” หนานกงมั่วเอ่ยถามเสี่ยวเอ้อร์ที่ยกชามาให้พวกเขาอย่างนอบน้อม
เสี่ยวเอ้อร์หัวเราะออกมา “คุณชายน้อยคงมาจากที่อื่นกระมัง ท่านลองดูเถิดว่ายามนี้เป็นเช่นไร ทุกคนล้วนหลีกหนีตีตัวออกห่าง ไหนเลยจะมีคนกล้าเข้าซื่อหยาง หากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องจะเงียบเหงาได้หรือ พวกเราต่างเป็นร้านเก่าแก่ สืบทอดรุ่นสู่รุ่นมากนานแล้ว”
หนานกงมั่วเลิกคิ้วพลางยิ้มบาง “อืม พวกข้ามาจากตานหยาง เดิมทีต้องการไปเมืองเผิงน่ะ ใครจะรู้ว่า…”
“ตานหยางนับเป็นที่ดียิ่ง ดินแดนหลงซิ่ง[1]” เสี่ยวเอ้อร์เอ่ยประจบแล้วอดถอนใจออกมาไม่ได้ “ทุกวันนี้ใต้หล้าล้วนวุ่นวายโกลาหลไปหมด ไยคุณชายน้อยถึงยังจะมุ่งหน้าไปทางเหนืออีกเล่า หากไม่ติดว่าเพราะเป็นคนที่นี่ ตอนนี้นั้นยิ่งอยู่ใต้เท่าใดจึงจะยิ่งดี “ หนานกงมั่วฟังดูน้ำเสียงขมขื่นของเสี่ยวเอ้อร์ก็เหมือนจะสนใจอย่างมาก เอ่ยอย่างประหลาดใจ “หืม? ทางเหนือวุ่นวายถึงเพียงนั้นเชียว”
ช่างเป็นคุณชายที่ไม่เคยออกจากเรือนเลยเสียจริง เสี่ยวเอ้อร์แอบลอบถอนใจ “ยกทัพตีกันจะไม่วุ่นวายได้เช่นไรขอรับ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันก็พึ่งรบกับนอกอำเภอซื่อหยาง คนตายเป็นเบือ…เลือดแดงฉานย้อมสีทะเลสาบฝูหลิงไปหมดเลย”
“เลวร้ายขนาดนั้นเชียว…” หนานกงมั่วพึมพำ “งั้นคงไปไม่ได้แล้ว”
“ถูกต้องแล้วขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์ยิ้ม “คุณชายน้อย ต่อให้ตอนนี้ท่านจะไปถึงเมืองเผิงแล้ว ก็เข้าไปมิได้อยู่ดีขอรับ นอกเมืองเผิงถูกทหารล้อมไว้หลายแสนนายเชียว ในเมืองเผิงก็มีทหารประจำการหลายแสนนายอีก”
หนานกงมั่วกะพริบตาปริบๆ “พวกเจ้าหวังว่าให้ผู้ใดชนะเล่า”
เสี่ยวเอ้อร์ส่ายหน้า “ใครชนะใครแพ้เกี่ยวอันใดกับคนธรรมดาอย่างพวกข้าน้อย ข้าน้อยเพียงหวังว่าสงครามจะจบลงโดยเร็ว ไม่เช่นนั้น…ร้านของพวกข้าน้อยคงไม่มีลูกค้าแม้แต่คนเดียวแล้ว”
หนานกงมั่วเลิกคิ้วขึ้น พลางมอบเศษเงินเป็นรางวัลให้กับเสี่ยวเอ้อร์ เสี่ยวเอ้อร์มองหนานกงมั่วด้วยสายตาเป็นประกายมีท่าทีต้อนรับขึ้นหลายส่วน ขอบคุณซ้ำไปมา ก่อนจะถอยออกไปอย่างอ่อนน้อม
ยามนี้บรรยากาศในอำเภอซื่อหยางตึงเครียดเป็นอย่างมาก คนไม่กี่คนในโรงน้ำชาก็มีท่าทีระมัดระวังไม่ว่าจะคุยสิ่งใด แต่กลับไม่เอ่ยถึงสงครามที่เกิดขึ้นเลย หนานกงมั่วเห็นว่าไม่ได้ข่าวที่มีประโยชน์ใดๆ ก็ลุกขึ้นยืนเพื่อกลับห้องไปพักผ่อน
เมื่อกลับมาถึงห้องพักได้ไม่ถึงสองเค่อ คนที่ออกไปสอดแนมสืบข่าวก็กลับมา
หนานกงมั่วนั่งอยู่ที่โต๊ะ สองมือกุมถ้วยน้ำชา “เป็นเช่นไรบ้าง มีข่าวของฉังเฟิงหรือไม่”
ทหารเอ่ยตอบเสียงเรียบ “ข้าน้อยได้ข่าวมาจากคนในจวนว่าการ เมื่อคืนเกิดเรื่องขึ้นที่จวนว่าการ ตอนนี้คุณชายฉังเฟิงน่าจะถูกจับขังอยู่ในคุกใต้ดินจวนว่าการขอรับ”
หนานกงมั่วกุมขมับ “ลิ่นฉังเฟิงบุกไปในจวนว่าการกลางดึกหรือ เช่นนั้นคนในจวนว่าการอำเภอซื่อหยางในตอนนี้ก็คงจะเป็นคนของกองทัพกระมัง”
[1] ดินแดนหลงซิ่ง เป็นจุดกำเนิดโชคลาภตามฮวงจุ้ยของจีน มักเป็นที่ตั้งรากฐานจุดกำเนิดของราชวงศ์ รวมถึงยังกล่าวได้ว่าเป็นที่ที่มีการปกครองได้อย่างดีเยี่ยม