หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 910 การตายที่ผิดปกติ (2)
ตอนที่ 910 การตายที่ผิดปกติ (2)
เว่ยจวินมั่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ย “ถามคนของท่าน หรือไม่ก็ลิ่นฉังเฟิงกับหนานกงชวี่เถิด”
“รอข้ากลับมาก่อนเถอะ” หนิงอ๋องคว้าสมุดแล้วพุ่งออกไปราวกับสายลม
มองดูแผ่นหลังที่รีบร้อนออกไปของหนิงอ๋องแล้ว หนานกงมั่วก็ไม่สบายใจขึ้นมา “จะไม่มีปัญหาจริงหรือ”
เว่ยจวินมั่วจับมือนางแล้วส่ายหน้า “ไม่เป็นไร”
ในค่ายทหารนอกเมือง ลิ่นฉังเฟิงและหนานกงชวี่นั่งอยู่บนพื้นในกระโจมที่อยู่ไม่ไกลนัก มองดูแม่ทัพกองกำลังไท่หนิงกำลังฝึกฝนทหาร ซึ่งรวมถึงทหารที่พวกเขารับสมัครเข้ามาใหม่ด้วย คุณชายฉังเฟิงยิ้มอย่างสบายใจ เอ่ย “จะว่าไปแล้ว ทหารผ่านศึกเหล่านี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน พวกเขาฝึกได้ไม่เลว” หนานกงชวี่พยักหน้า “ถูกต้องแล้ว” เขามีพรสวรรค์ในการนำทัพ แต่เรื่องการฝึกทหารไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยพรสวรรค์ ไม่ว่าอัจฉริยะเพียงใดก็ต้องมีประสบการณ์ สองสามวันที่ผ่านมาไม่เพียงแต่ทหารที่ได้รับการฝึกฝนเท่านั้นที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แม่ทัพที่เฝ้าดูพวกเขาก็ก้าวหน้าขึ้นมากเช่นกัน
“ไยถึงให้ทหารผ่านศึกสองสามคนอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้” คุณชายฉังเฟิงถอนหายใจด้วยความเสียดาย สิ่งที่พวกเขาขาดแคลนมากที่สุดในตอนนี้ก็คือทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์ คนเดียวที่มีประสบการณ์คือซังหรง แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ซังหรงยังไม่ยอมเรียกพวกเขาไปทำงาน
หนานกงชวี่เอ่ยเสียงเรียบ “หากเจ้าอยากได้คงต้องไปสู้รบกับหนิงอ๋องอีกครั้ง” ที่จริงแล้วจะสู้รบอีกครั้งก็ได้ แต่ปัญหาคือตอนนี้พวกเขาสู้หนิงอ๋องไม่ได้ต่างหาก
“ก็ได้” คุณชายฉังเฟิงเอือมระอา “สิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง สุดท้ายก็ย่อมไม่ใช่ของตัวเอง”
เจี่ยนชิวหยางเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างรวดเร็ว เหลือบมองพวกเขาทั้งสองที่กำลังนั่งคุยกันอย่างสบายใจ “พวกท่านทั้งสองช่างสบายใจเสียจริง ปัญหามาแล้ว”
ลิ่นฉังเฟิงกระโดดขึ้นมา “ปัญหาอันใด”
เจี่ยนชิวหยางยิ้มพลางเอ่ย “เพิ่งได้รับข่าว หนิงอ๋องกำลังมายังค่าย”
“เขามาทําอันใดกัน”
เจี่ยนชิวหยางเลิกคิ้ว “ท่านคิดว่าเขามาทำอันใดเล่า”
ลิ่นฉังเฟิงนึกถึงเรื่องไม่มีศีลธรรมที่ตัวเองทำ เขาเข้าใจในทันที แต่ว่าคุณชายฉังเฟิงกลับไม่รู้สึกผิด “มาก็มาเถิด พวกเราไม่มีเรื่องอันใดต้องปิดบัง ไม่ได้ทําเรื่องอันใดที่ไม่ควรทําสักหน่อย”
เจี่ยนชิวหยางยิ้มพลางเอ่ย “คุณชายลิ่น อย่าลืมเสียว่า…ท่านทำให้ผู้บังคับการกองพันสามสิบนาย ผู้บังคับการกองร้อยหนึ่งร้อยนาย พันเอกหกนาย อ้อ…แล้วยังมีรองแม่ทัพอีกคนหนึ่งต้องตาย”
คุณชายฉังเฟิงเอ่ยอย่างไร้เดียงสา “อันใดคือการเรียกว่าข้าทำให้พวกเขาต้องตาย พวกเขาตายในสนามรบต่างหาก พวกเราไม่ได้ไม่ให้เงินสักหน่อย หนิงอ๋องใจแคบเกินไปแล้ว”
หากข้าเป็นหนิงอ๋อง ข้าก็คงอยากฆ่าเจ้าให้ตาย
ที่จริงแล้วเรื่องที่ลิ่นฉังเฟิงทำไม่ใช่เรื่องยากอันใด เขาเพียงส่งคนไปโน้มน้าวขุนพลระดับกลางของกองกำลังไท่หนิง เมื่อทั้งสองฝ่ายสนิทสนมกันแล้ว…ฮ่าๆ หลังจากบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ค่อยแสร้งว่าตายจากไปแล้ว เพราะสาเหตุนี้ คุณชายฉังเฟิง เจี่ยนชิวหยาง และคนอื่นๆ จึงเปลี่ยนขุนพลอย่างต่อเนื่อง หากมองอย่างละเอียดจะเห็นว่าจำนวนการตายของขุนพลระดับกลางของกองทัพพวกเขาสูงกว่ากองทัพอื่นอยู่บ้าง แต่ว่าตอนนี้แม่ทัพระดับสูงของกองกำลังไท่หนิงยังไม่รู้ แล้วอีกอย่างคุณชายเว่ยยังมอบภารกิจให้พวกเขาตลอด จึงทำให้พวกเขาไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเหล่านี้ เพราะไม่ใช่แม่ทัพคนสำคัญหรือแม่ทัพระดับสูง การตายในสนามรบเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณชายเว่ยก็บอกแล้วว่ามีเงินชดเชยมอบให้กับทหารที่ตายในสนามรบไม่ใช่หรือ
บรรดาแม่ทัพกองกำลังไท่หนิงจึงคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น ใช้เงินชดเชยดึงทหารระดับกลางของกองกำลังไท่หนิงมาเป็นของตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่มีแต่ได้ เหล่าผู้บังคับการกองพันกองร้อยที่ตำแหน่งต่ำต้อย ฝึกฝนอยู่ทุกวันจริงๆ ใช้ชีวิตอยู่กับเหล่าทหาร คนที่บุกโจมตีในสนามรบก็เป็นพวกเขา หากมีคนพวกนี้อยู่ใช้เวลาเพียงครึ่งปี คุณชายเว่ยก็สามารถมีกองทัพทหารชั้นยอดได้แล้ว
แต่วิธีนี้ใช้กับบรรดาแม่ทัพระดับสูงไม่ได้ การเลื่อนตําแหน่งของขุนพลระดับกลางเป็นเรื่องยาก และความจงรักภักดีที่มีต่อหนิงอ๋องของพวกเขาก็มีไม่เท่าแม่ทัพระดับสูงเหล่านั้น เพราะผลประโยชน์ไม่มาก เปลี่ยนสถานที่พวกเขาก็ยังสามารถเป็นผู้บังคับการกองร้อยกองพันได้เช่นเดิม แล้วยังอาจได้เลื่อนตำแหน่ง แต่แม่ทัพที่นำทัพกลับไม่เหมือนกัน ครอบครัวของพวกเขาอยู่ที่สีโจว แล้วอีกอย่าง มีคนรู้จักพวกเขา หากจู่ๆ ก็ไปอยู่กับคุณชายเว่ยอย่างไม่ชัดเจน พวกเขาคงจะถูกแขวนชื่อว่าเป็นคนทรยศไปตลอดชีวิต สำหรับพวกเขาแล้วย่อมไม่ใช่เรื่องดี ยิ่งไปกว่านั้นคุณชายเว่ยเองก็มีคนสนิทของตัวเอง ตําแหน่งที่สําคัญมีเพียงไม่กี่ตําแหน่ง หากพวกเขาสนิทสนมกับเว่ยจวินมั่ว คนสนิทเหล่านั้นคงไม่ยินยอมง่ายๆ
“หนิงอ๋องเสด็จ”
หน้าประตูค่าย ลิ่นฉังเฟิงและคนอื่นๆ ต่างออกมาต้อนรับหนิงอ๋องด้วยความนอบน้อม เห็นหนิงอ๋องขี่ม้าเข้ามา คุณชายฉังเฟิงก็ยิ้มแป้นแล้วเดินออกไปต้อนรับ “ข้าน้อยลิ่นฉังเฟิง ถวายพระพรหนิงอ๋อง หนิงอ๋องมาให้คำแนะนำที่ค่ายด้วยตัวเอง ช่างเป็นเกียรติแก่คุณชายและจวิ้นจู่อย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”
หนิงอ๋องหัวเราะหยัน เขากวาดตามองผู้คนอยู่บนหลังม้า “ลิ่นฉังเฟิง คุณชายใหญ่ของตระกูลลิ่นแห่งจินหลิงเช่นนั้นหรือ”
คุณชายฉังเฟิงยิ้ม “หนิงอ๋องกล่าวเกินไปแล้ว”
หนิงอ๋องลงมาจากหลังม้า “ไม่ต้องมาเสแสร้ง เจ้าบอกมาสิว่ามันคือเรื่องอันใดกันแน่” เอ่ยจบ หนิงอ๋องก็โยนสมุดเล่มนั้นให้ลิ่นฉังเฟิง คุณชายฉังเฟิงยกมือขึ้นรับสมุดเล่มนั้นมา พลิกไปพลิกมา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจและสีหน้าสงสัย “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องหมายถึงเรื่องอันใดพ่ะย่ะค่ะ”
หนิงอ๋องยิ้มหยัน “เจ้าคิดว่าข้าไม่เคยสู้รบเช่นนั้นหรือ จำนวนคนตายมันปกติเช่นนั้นหรือ”
ลิ่นฉังเฟิงถอนหายใจ “ท่านอ๋องโปรดใจเย็นก่อน โบราณบอกว่าการสู้รบต้องมีการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ ไม่มีอันใดที่ตายตัว ในสนามรบจะมีสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงได้เช่นไรกัน ดังนั้นเรื่องการบาดเจ็บล้มตายก็ย่อมเปลี่ยนแปลงได้ ย่อมมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเสมอพ่ะย่ะค่ะ เช่นเดียวกับตอนโจมตีหุบผาอี๋เซี่ยน ถึงแม้พวกเราจะได้รับชัยชนะ แต่กลับสูญเสียทหารม้าที่เข้าไปก่อนครึ่งหนึ่ง ในหุบผาอันมืดมิดแห่งนี้ แม้แต่ศัตรูก็คงแยกไม่ออกว่าใครคือแม่ทัพใครคือทหารธรรมดาใช่หรือไม่ ดังนั้น…”
“เหอะ” หนิงอ๋องหัวเราะหึ “คุณชายฉังเฟิงช่างเจรจาเสียจริง แต่น่าเสียดาย…เจ้าเดาสิว่าข้าเชื่อหรือไม่”
ลิ่นฉังเฟิงกลอกตา เขาแบมือแล้วเอ่ยว่า “ท่านอ๋องจะเชื่อหรือไม่ข้าก็ทำอันใดไม่ได้ หากท่านอ๋องไม่เชื่อก็ลองถามทหารของท่านดูเถิดพ่ะย่ะค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น…ตอนที่ท่านอ๋องให้พวกเรายืมกองทัพ ท่านอ๋องไม่ได้ให้พวกเรารับรองว่ากองทัพจะไม่เสียหาย ตอนนี้ท่านอ๋องคิดว่ามันได้รับความเสียหายมากเกินไปจึงมาหาเรื่องเรา ไม่สมเหตุสมผลนะพ่ะย่ะค่ะ แน่นอนว่าพวกเราจะมอบเงินชดเชยให้ไม่ขาดแม้แต่น้อย”
หนิงอ๋องเหลือบมองลิ่นฉังเฟิง พยักหน้าแล้วกัดฟันเอ่ยว่า “ดีมาก”
คุณชายฉังเฟิงยิ้ม “ท่านอ๋องชมเกินไปแล้ว”
หนิงอ๋องหัวเราะหึ เดินเข้าไปในค่ายอย่างรวดเร็ว เจี่ยนชิวหยางที่อยู่ด้านหลังเอ่ยเบาๆ “คุณชายลิ่น เก็บหางดีแล้วหรือไม่ แม่ทัพของกองกำลังไท่หนิงไม่ใช่คนโง่ ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ทันได้สังเกต แต่หากพวกเขาสังเกตขึ้นมาจริงๆ คงเจอความผิดปกติอย่างแน่นอน”
“ไม่ต้องห่วง” คุณชายฉังเฟิงปลอบใจเขา ยิ้มแล้วมองตามหนิงอ๋องไปพลางเอ่ย “อีกไม่นาน หนิงอ๋องก็ไม่มีอารมณ์มาสนใจเรื่องผู้บังคับการกองพันกองร้อยเหล่านี้แล้ว”