หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 823 การเจรจาครั้งแรก (1)
ตอนที่ 823 การเจรจาครั้งแรก (1)
“ที่แท้ที่นี่เป็นร้านของคุณชายเซี่ยหรือ ช่างบังเอิญเสียจริง” หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หนิงอ๋องเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มิใช่เช่นนั้น เพียงแต่ข้าเป็นเพื่อนกับเจ้าของร้านเท่านั้น จริงสิ ไยจึงไม่เห็นคุณชายเว่ยเล่า ทั้งสองมิใช่ไม่ห่างกันแม้เพียงเงาหรือ”
หนานกงมั่วยิ้มหวาน เอ่ย “สามีของข้ามิใช่กำลังรอคุณชายเซี่ยอารมณ์ดีแล้วขอเข้าเฝ้าหรือ”
สีหน้าของหนิงอ๋องพลันนิ่งชะงัก กัดฟันจ้องหน้าหนานกงมั่วเขม็ง “พวกเจ้ารู้ถึงตัวตนของข้ามานานแล้ว”
หนานกงมั่วพยักหน้า หนิงอ๋องเอ่ยด้วยความโกรธ “เช่นนั้นพวกเจ้ายังแสร้งทำเป็นโง่เขลา”
หนานกงมั่วยิ้มอย่างไรเดียงสา “โอ๊ะ หม่อมฉันนึกว่าเสด็จลุงหนิงอ๋องมีงานอดิเรกพิเศษ อย่างเช่นการพบปะหญิงงามเป็นการส่วนตัว หากไปเปิดโปงตัวตนของพระองค์ขึ้นมา ทำลายแผนการของพระองค์แล้วจะทำเช่นไร”
สีหน้าของหนิงอ๋องทะมึนขึ้นมา “เจ้าช่างไม่ถือสาเลยแม้เพียงนิด”
หนานกงมั่วยิ้มหวาน “ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้นมีอันใดให้ถือสากันเพคะ เสด็จลุงหนิงอ๋อง พระองค์ว่าใช่หรือไม่”
เถ้าแก่หญิงด้านข้างพลันได้สติกลับคืนมา ยิ้มพลางเอ่ย “ที่แท้ก็เป็นหลานสาวของท่านอ๋องหรอกหรือ ยังเป็นจวิ้นจู่ หม่อมฉันยังนึกว่า…” เถ้าแก่หญิงยกมือขึ้นป้องปากยิ้ม เอ่ยหยอกล้อหนิงอ๋อง “หม่อมฉันนึกว่า ท่านอ๋องออกเดินทางครั้งนี้แล้วไปเจอหญิงงามเข้าเสียแล้ว” หนิงอ๋องส่งเสียงหยัน “ข้าไม่มีความกล้าที่จะมีหลานสาวร้ายกาจเพียงนี้ นี่คือลูกสะใภ้ของพี่สาวคนที่ห้าของข้า”
เถ้าแก่หญิงเองก็ไม่ใส่ใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็เป็นหลานสะใภ้แล้ว ชื่อเสียงของซิงเฉิงจวิ้นจู่ แม้ข้าจะอยู่ห่างไกล แต่ก็เคยได้ยินมาบ้าง ข้าคารวะซิงเฉิงจวิ้นจู่”
หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “เถ้าแก่เกรงใจแล้ว”
ได้ยินเช่นนั้น เถ้าแก้สาวพลันยิ้มกว้างด้วยความยินดี คนทั่วไปเรียกนางว่าเถ้าแก่หญิง แต่ว่านางชอบที่ได้ยินคนอื่นเรียกนางว่าเถ้าแก่ เพราะว่า ร้านนี้เป็นร้านที่นางเปิดขึ้นมาเอง นางเป็นเถ้าแก่ ได้ยินคนเรียกเถ้าแก่หญิง ทำให้รู้สึกเหมือนว่านางเป็นรองใครเสียอย่างนั้น
หนิงอ๋องปรายตามองหนานกงมั่ว “เจ้าช่างดีกับเว่ยจวินมั่วมากทีเดียว เวลาเพียงไม่นานก็หลอกข้าให้ออกมาเพื่อเขาได้แล้ว หนานกงไหวรอกว่าครึ่งเดือนก็ยังไม่อาจได้เข้าพบเลย” สำหรับบุรุษที่ปฏิญาณตนว่าจะแต่งหญิงงามสักคน มาเห็นหญิงงามวิ่งเต้นบากบั่นเพื่อชายอื่นอย่างสุดใจ ช่างรู้สึกหนาวเหน็บอยู่ในใจ
หนานกงมั่วยิ้มเอ่ย “เรื่องนี้หรือ สีโจวไม่สนุก ยังมีคนน่ารำคาญที่เอาแต่คอยทำเรื่องน่ารำคาญ รีบจัดการให้เสร็จจะได้รีบกลับสิเพคะ”
“เจ้ามั่นใจเพียงนั้นว่าจะทำสำเร็จ”
หนานกงมั่วส่ายศีรษะยิ้มบาง “นี่ก็ต้องดูเสด็จลุงหนิงอ๋องมิใช่หรือเพคะ หม่อมฉันทำเต็มที่ ตามใจพระองค์”
“เหอะ” หนิงอ๋องไม่อยากยิ้มแย้มให้นางแล้ว “นิสัยเช่นเจ้า…น่าเสียดายใบหน้านี้”
หนานกงมั่วยิ้มจนตาหยี “เสด็จลุงสั่งสอนถูกแล้ว สวรรค์ให้สมองที่ฉลาดเฉลียวแก่หม่อมฉันอีกทั้งยังมีความสามารถที่เยี่ยมยอด แล้วยังให้ใบหน้านี้มาอีก หม่อมฉันคิดว่า…สวรรค์ช่างดีกับหม่อมฉันเหลือเกิน”
หนิงอ๋องกัดฟัน หันไปเอ่ยกับเถ้าแก่หญิงด้านข้าง “ฮุ่ยเหนียง ข้าจะพาเจ้าเด็กนี่กลับไปก่อน เดี๋ยววันหลังค่อยกลับมาเยี่ยมเจ้าใหม่ นางซื้อสิ่งใดไป”
เถ้าแก่หญิงยิ้มแล้วรีบเดินกลับไปที่ตู้วางสินค้า ไม่นานจึงนำของที่หนานกงมั่วสั่งมาให้ “จวิ้นจู่มาเยือน นับเป็นวาสนาของข้า เครื่องหอมเหล่านี้ถือว่าเป็นของขวัญแรกพบให้จวิ้นจู่ ขอจวิ้นจู่อย่าได้รังเกียจ”
หนานกงมั่วหันไปมองหนิงอ๋อง หนิงอ๋องยักไหล่ “ได้ ข้าจะเอาเปรียบเจ้าได้หรือ ครั้งนี้ข้าออกเดินทางได้ของเล่นเล็กๆ น้อยๆ กลับมาด้วย รีบมากจนลืมเอาออกมาด้วย เดี๋ยวกลับไปจะให้ผู้ดูแลส่งมาให้เจ้า” เถ้าแก่หญิงยิ้มเบิกบานทันใด “เช่นนั้นคงต้องขอบพระทัยท่านอ๋องแล้วเพคะ” หนิงอ๋องมอบสิ่งใดให้นางไม่สำคัญ แพงไม่แพงก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือหนิงอ๋องออกเดินทางแล้วมีของขวัญให้นาง ต่อให้หนิงอ๋องนำยางมัดผมมาเพียงเส้นเดียว ขอเพียงหนิงอ๋องให้ความสำคัญกับนาง นางที่เป็นสตรีตัวคนเดียวจึงจะสามารถยืนหยัดอยู่ในเมืองสีโจวโดยไม่ถูกผู้คนรังแกได้อย่างมั่นคง
หนิงอ๋องรับเครื่องหอมที่เถ้าแก่หญิงส่งมาให้ โบกปัดมือเหลือบมองหนานกงมั่ว “ยังไม่ไปอีก รอคนเชิญกินข้าวหรืออย่างไร”
เจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง หนิงอ๋องก็ไม่อาจมองหนานกงมั่วเป็นหญิงงามได้อีกแล้ว เป็นเช่นนั้น…สตรีที่แต่งออกเรือน มองอย่างไรก็เป็นเพียง…หลานสะใภ้! งดงามเพียงใดก็เป็นเหมือนเมฆที่ลอยอยู่กลางอากาศ
ทั้งสองเดินเคียงข้างกันอยู่บนถนน หนิงอ๋องเป็นอ๋องที่ใกล้ชิดกับประชาชนเป็นที่สุด ดังนั้นผู้คนบนท้องถนนที่รู้จักเขาจึงมีอยู่ไม่น้อย บ่อยครั้งที่มีคนทักทายเขา เขาก็พยักหน้าตอบรับอย่างไม่ลังเล กลับกันหนานกงมั่วนั้นดูแปลกหน้า เมื่อนึกถึงชื่อเสียงของท่านอ๋องแล้ว หรือว่า…จะเป็นหญิงงามที่ท่านอ๋องพากลับมาจากที่ใดหรือไม่
ได้ข่าวว่าปีก่อนเยี่ยนอ๋องได้หญิงงามกลับมาจากด้านนอก หลงใหลจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด หนิงอ๋องคิดจะเอาเยี่ยงอย่างพี่ชายหรือ ผู้คนมีความคิดไปต่างๆ นานา มิอาจทำอันใดได้ สีโจวและโยวโจวอยู่ติดกัน ถ่ายทอดข่าวลือซึ่งกันและกันก็สามารถเข้าใจได้ ข่าวลือของท่านอ๋องตนเองไม่อาจร่ำลือจนเกินไปได้ แต่ข่าวลือของท่านอ๋องอื่นนั้นถกเถียงได้สนุกกว่า
อย่างเช่นอยู่ในโยวโจวมีข่าวเกี่ยวกับเยี่ยนอ๋องน้อยมาก แต่ว่าข่าวลืออื้อฉาวอย่างลับๆ ของหนิงอ๋องนั้นมีไม่น้อย แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นการปั้นแต่งขึ้นมาก็ตาม จากนั้นข่าวลือที่เกี่ยวกับหนิงอ๋องในเมืองสีโจวจึงพบอยู่บ้างทว่าไม่ได้รุนแรงเกินไปนัก ทว่าเรื่องราวเกี่ยวกับเยี่ยนอ๋องและชายารองเตี๋ยกลับมีเป็นสมุดภาพสองสามเล่มได้ แม้จะเลี่ยงการเอ่ยชื่อถึงเยี่ยนอ๋องแต่ก็ยังดูออกว่าเอ่ยถึงใครกันแน่ ลายเส้นนั้น สถานการณ์นั้น ความโศกเศร้านั้น หนานกงมั่วแสดงออกมาว่านางอยู่ใกล้ชิดเพียงนี้ยังไม่เห็นว่าเยี่ยนอ๋องและกงเสี่ยวเตี๋ยนั้นจะเป็นรักแท้เลยสักนิด
“นี่เจ้า…อานหลิงเซียงหรือ เจ้าคิดจะวางยาผู้ใด” หนิงอ๋องมองห่อเครื่องหอมในมือ เอ่ยถาม “เจ้าคงไม่ใช่ว่าคิดวางยาฆ่าเว่ยหงเฟยหรอกหรือไม่ ข้าจะเตือนเจ้าเอาไว้ เว่ยหงเฟยห้ามตายในเขตพื้นที่ของข้าเป็นอันขาด”
หนานกงมั่วกลอกตา “หม่อมฉันสามารถบีบเว่ยหงเฟยอ้าปากแล้วยัดอานหลิงเซียงเข้าไปได้หรือเพคะ” มิเช่นนั้นนางทำต้องเช่นไรจึงจะนำสิ่งนี้ไปวางยาเว่ยหงเฟยได้เล่า
“เช่นนั้นเจ้าจะเอามาทำอันใดเล่า” หนิงอ๋องเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ
หนานกงมั่วยิ้มพลางเอ่ย “ในเมื่อไปแล้วก็คงไม่อาจเสียมารยาทไม่ซื้อสิ่งใดเลย อีกทั้ง…หม่อมฉันเห็นว่าเสด็จลุงหนิงอ๋องคล้ายจะมีอาการปวดหัวอยู่บ่อยครั้ง พอดีหม่อมฉันมียา ตั้งใจว่าเมื่อปรุงเรียบร้อยแล้วจะมอบให้พระองค์เป็นของขวัญพบหน้า”
“ให้ข้าหรือ” หนิงอ๋องตกใจ ไม่คิดว่าหนานกงมั่วจะอยากมอบของขวัญให้กับตน
“ไม่ใช่สิ เจ้ารู้ได้เยี่ยงไรว่าข้าปวดศีรษะ”
หนานกงมั่วนิ่งเงียบไปก่อนจะเอ่ย “หม่อมฉันมิได้กว้างขวางถึงขั้นส่งสายสืบเข้าไปอยู่ข้างกายพระองค์ได้หรอกเพคะ เจอกันครั้งก่อน ในหนึ่งเค่อ พระองค์นวดขมับไปแล้วเจ็ดครั้ง เห็นชัดว่าเป็นความเคยชิน อีกทั้งขอบตาของพระองค์มีรอยคล้ำ เห็นชัดว่าหลับไม่สบายนัก หากปวดศีรษะตอนกลางคืน สามารถจุดเครื่องหอมที่หม่อมฉันทำให้ลองดูเพคะ”
หนิงอ๋องพยักหน้า “ข้านึกออกแล้ว ได้ยินว่าเจ้ารักษาอาการป่วยเรื้อรังของพี่สามได้”