หมอหญิงยอดมือสังหาร - ตอนที่ 767 คุมเชิง (2)
ตอนที่ 767 คุมเชิง (2)
ฉีซั่วเพียงหัวเราะหึๆ ออกมา ลูบปลายจมูกไม่เอ่ยสิ่งใด มีบางเรื่องไม่อาจเอ่ยออกมาได้ มีบางเรื่องที่ทำได้ไม่อาจเอ่ยออกมาได้
พระชายาเยี่ยนอ๋องมาครั้งนี้แน่นอนว่าไม่ได้มาเพื่อคุยไร้สาระกับฉีซั่ว เพียงเอ่ยเสียงหยัน “ใต้เท้าฉีเอ่ยเช่นนี้ เรื่องพวกนี้ก็ไม่เกี่ยวกับท่านอย่างนั้นหรือ” ฉีซั่วรีบเอ่ย “พระชายาเยี่ยนอ๋องทรงพระปรีชา”
พระชายาเยี่ยนอ๋องยิ้มเย็น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าหากข้าทำอันใดใต้เท้าฉี ก็คงไม่มีผู้ใดสนใจเช่นกันใช่หรือไม่”
สีหน้าฉีซั่วพลันนิ่งค้าง เขาไม่คิดว่าพระชายาเยี่ยนอ๋องที่ดูเย่อหยิ่งสง่างามมาตลอดจะเอ่ยสิ่งไม่มีเหตุผลออกมาได้เช่นนี้ ฝืนยิ้ม เอ่ยว่า “พระชายาฐานะสูงส่ง คงไม่ถือสากระหม่อมหรอกกระมัง เรื่องในครั้งนี้มิใช่ความประสงค์ของกระหม่อม ขอพระชายาเยี่ยนอ๋องได้โปรดอภัย พระชายาโปรดวางใจ ไม่มีใครกล้าแตะต้องพระชายาและคนจวนเยี่ยนอ๋องแม้เพียงคนเดียวอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องยิ้มเย็นไม่เอ่ยวาจา ตอนนี้เขาไม่มีทางแตะต้องพวกตน ตอนนี้แตะต้องพวกตนจะมีประโยชน์อันใด ยิ่งทำให้เยี่ยนอ๋องที่มีทหารอยู่ในกำมือนับแสนโกรธมากขึ้น แต่เมื่อใดที่ทั้งสองฝ่ายแตกหักกันจริงๆ พวกตนกลับเป็นตัวประกันชั้นดีที่เอาไว้ข่มขู่ท่านอ๋อง
ฉีซั่วเอ่ยต่อ “ฝ่าบาทมีรับสั่ง ในเมื่อเยี่ยนอ๋องไม่ยอมกลับจินหลิง คงต้องเชิญพระชายาและคุณชายทั้งสองรวมไปถึงฮูหยินทั้งสามเดินทางไปก่อน แน่นอน…ยังมีองค์หญิงฉังผิงและซิงเฉิงจวิ้นจู่ ฝ่าบาทรับสั่งว่าคิดถึงต้าจั่งกงจู่มากพ่ะย่ะค่ะ”
“เอาคนของเจ้าออกไปบัดเดี๋ยวนี้ ข้าจะออกนอกเมือง” พระชายาเยี่ยนอ๋องเอ่ยเสียงดัง
เปลือกตาของฉีซั่วไม่กระตุกเลยเพียงนิด เอ่ยเสียงเรียบ “ไม่รู้ว่าพระชายาออกนอกเมืองเวลานี้ไปทำการใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องเลิกคิ้ว “ข้าจะทำการใด ต้องรายงานเจ้าด้วยหรือ”
ฉีซั่วประสานมีท่าทางนอบน้อม เอ่ย “มิกล้า เพียงแต่…ทหารที่คุ้มกันอยู่ล้วนแล้วแต่เป็นคำสั่งของแม่ทัพเซี่ย กระหม่อมเกรงว่าคงไม่อาจสั่งการพวกเขาได้ ขอพระชายาเยี่ยนอ๋องโปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเชิญด้วยเจตนาดี ขอพระชายาเยี่ยนอ๋องอย่าทำให้กระหม่อมต้องลำบากใจ” น้ำเสียงของฉีซั่วนั้นดูนอบน้อม ทว่าวาจาที่เปล่งออกมากลับแข็งกร้าวไม่อาจโต้แย้งได้ “ในเมื่อพระชายามาแล้ว คงต้องเชิญพักอยู่ที่หยาเหมินสักระยะ รอกระหม่อมเชิญคุณชายทั้งสองและฮูหยินน้อยทั้งสามรวมไปถึงต้าจั่งกงจู่แล้วก็จะส่งคนคุ้มกันออกเดินทาง พระชายาเห็นว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
“ใต้เท้าฉี ท่านคิดว่า…จวิ้นจู่อย่างข้าเหมือนหุ่นกระบอกที่ท่านจะจับวางไว้ที่ใดก็ได้หรือ” หนานกงมั่วที่ยืนอยู่ด้านข้างเงียบๆ มาโดยตลอดเอ่ยขึ้น สายตาของหลิ่วหันและซิงเวยที่มองไปยังฉีซั่วก็เต็มไปด้วยไอสังหาร
ถูกอดีตนักฆ่าทั้งสามจับจ้อง ความกดดันของฉีซั่วก็มีไม่น้อย เพียงแต่ใบหน้ากลับไม่แสดงออก ยิ้มพลางเอ่ยตอบ “ข้าน้อยมิกล้า”
“จะดีที่สุดหากมิกล้า” หนานกงมั่วมองเขายิ้มบางๆ แล้วจึงเอ่ย “ทหารมากมายทั้งนอกและในเมืองโยวโจวจวิ้นจู่อย่างข้าไม่อาจทำอันใดได้ แต่ท่านที่เป็นเพียงผู้ว่าการหยาเหมินเล็กๆ เกรงว่าคงไม่คณามือข้า ท่านว่าเป็นท่านที่กักพวกข้าเอาไว้ หรือว่าข้าจะส่งท่านล่วงลับไปก่อนกัน แน่นอน…หากใต้เท้าฉีตายด้วยฝีมือของข้าในยามนี้ก็คงจะได้ขึ้นชื่อว่ายอมตายเพื่อแผ่นดิน คงไม่เสียเกียรติแล้วใช่หรือไม่”
ในที่สุดรอยยิ้มบนใบหน้าของฉีซั่วก็ฝืนไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ยิ้มแห้ง เอ่ย “จวิ้นจู่ล้อเล่นแล้ว”
นึกถึงการประทะกันกับหนานกงมั่วหลายครั้งที่ผ่านมา ฉีซั่วก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา ไม่เอ่ยอ้อมค้อมอีก เอ่ยไปตามตรง “พระชายาและจวิ้นจู่มาหาข้าเพราะเหตุใดข้าย่อมรู้ดี แต่เรื่องนี้ข้าเองก็ไร้ความสามารถ ต่อให้จวิ้นจู่สังหารข้า ข้าก็ยังต้องเอ่ยเช่นนี้ หากพระชายาและจวิ้นจู่กังวลจริงๆ มิสู้เกลี้ยกล่อมเยี่ยนอ๋องและเว่ยซื่อจื่อ อย่างไรฝ่าบาทก็เป็นรัชทายาทที่อดีตฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งก่อนสิ้นพระชนม์”
พระชายาเยี่ยนอ๋องเอ่ย “ดังนั้นความหมายของใต้เท้าฉีคือต่อให้ฝ่าบาทคิดสังหารจวนเยี่ยนอ๋องทั้งจวน พวกข้าก็ต้องยื่นคอไปรอรับมีดอย่างนั้นหรือ”
“ฝ่าบาททรงมีเมตตา จะทำเช่นนั้นได้เยี่ยงไรพ่ะย่ะค่ะ เกรงว่าพระชายาคงเข้าใจผิดแล้ว ฝ่าบาทเชิญพระชายาไปยังจินหลิง เพียงเพราะหวังว่าพระชายาและซื่อจื่อจะเกลี้ยกล่อมท่านอ๋องได้” ฉีซั่วเอ่ย
“ช่างมีเมตตาเสียจริง ฝ่าบาทผู้มีเมตตาเพียงขึ้นครองบัลลังก์ น้องหก น้องเจ็ด น้องเก้าต่างต้องถูกเนรเทศไปยังดินแดนป่าเถื่อนอย่างนั้นหรือ ฝ่าบาทผู้มีเมตตาทำให้น้องสิบต้องตายอย่างสิ้นซากทั้งครอบครัวหรือ ฝ่าบาทผู้มีเมตตาเพียงขึ้นครองบัลลังก์ก็ทำให้โรคระบาดเมืองหลิงโจวแพร่กระจายไปจนประชาชนต้องวุ่นไปทั่วหรือ ช่างมีเมตตาเสียเหลือเกิน”
ฉีซั่วถูกดักทางจนพูดไม่ออก เนิ่นนานก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม “พระชายา ฝ่าบาทนั้นอยู่เบื้องบนจะเอ่ยตำหนิออกมาเช่นนี้ได้เยี่ยงไร ขอพระชายาระวังวาจาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“เสด็จป้า พวกเรากลับกันก่อนเถิดเพคะ” หนานกงมั่วเอ่ยขึ้นมันทันใด ได้ยินเช่นนั้น พระชายาเยี่ยนอ๋องและฉีซั่วพลันชะงัก หันไปมองหนานกงมั่วอย่างพร้อมเพรียง เห็นชัดว่าไม่เข้าใจไยนางจึงทำเช่นนี้ พระชายาเยี่ยนอ๋องคิดว่ายังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ในการมาครั้งนี้ ฉีซั่วกำลังคิดว่าหนานกงมั่วไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ เช่นนี้เป็นแน่
หนานกงมั่วมองฉีซั่วอย่างสนอกสนใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “ยามนี้ใต้เท้าฉี…กำลังรอกำลังสนับสนุนจากแม่ทัพเซี่ยและราชสำนักอยู่ใช่หรือไม่ จวิ้นจู่อย่างข้าแปลกใจเล็กน้อย หากถึงตอนนั้นกองทัพของแม่ทัพเซี่ยมาไม่ถึง ใต้เท้าฉีคิดจะจัดการเยี่ยงไร” ฉีซั่วฝืนยิ้ม เอ่ย “ข้าไม่เข้าใจจวิ้นจู่กำลังเอ่ยอันใด”
หนานกงมั่วพยักหน้า “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่เอ่ยก็ช่างเถิด เสด็จป้าเพคะ พวกเราไปกันเถิด”
“อู๋สยา”
หนานกงมั่วเอ่ย “เสด็จป้ายังดูไม่ออกหรือเพคะ ใต้เท้าฉีมิได้โกหก ไม่ว่าอย่างไรใต้เท้าฉีก็ไม่มีทางถอนกำลังทหาร ไม่ใช่เขาทำไม่ได้ และไม่ใช่ว่าเขาไม่อยาก แต่เขาไม่สามารถทำเช่นนั้น” ไม่สามารถนั้นยุ่งยากเสียยิ่งกว่าไม่อยาก
“ธนูที่ยิงออกไปแล้วไม่อาจเอากลับคืนมาได้ ใต้เท้าฉี ถูกหรือไม่” ในเมื่อฉีซั่วลงมือแล้ว หากทุกอย่างราบรื่นแน่นอนว่าดีที่สุด เพียงเยี่ยนอ๋องสามารถกลับมาได้อย่างราบรื่น ต่อให้ฉีซั่วถอนมือกลับระหว่างทางก็คงหนีจากความตายไปไม่ได้ ดูแล้วไม่มีความคิดอยากเข้าร่วมกับเยี่ยนอ๋อง
ฉีซั่วไม่เอ่ยวาจา เพียงยกมือขึ้นประสานหันไปหาหนานกงมั่ว
พระชายาเยี่ยนอ๋องเข้าใจในทันใด หลุบตาลงถอนหายใจ “ช่างเถิด ให้เจ้ามาเสียเวลากับข้าแล้ว เรากลับกันเถิด”
“ซิงเฉิงจวิ้นจู่อยากกลับข้ามิอาจห้าม แต่พระชายาเยี่ยนอ๋องได้โปรดอยู่ก่อน” ฉีซั่วเอ่ยเสียงเข้ม
หนานกงมั่วประคองแขนของพระชายาเยี่ยนอ๋อง หันกลับไปเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ใต้เท้าฉีลองให้คนของของท่านขัดขวางเอาไว้เสียสิ” ด้านนอกมีหยาอี่และองครักษ์ของหยาเหมินยืนรออยู่ไม่น้อย ทุกคนต่างจับจ้องคนที่กำลังเดินออกมาจากประตู หนานกงมั่วประคองพระชายาเยี่ยนอ๋องเดินอยู่ด้านหน้าสุด ด้านหลังมีหลิ่วหันและซิงเวยคอยติดตาม ด้านในยังมีองครักษ์ของเรือนชิงมั่วกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ด้วย ยามนี้คนเหล่านี้กลับดูไม่เหมือนองครักษ์เรือนชิงมั่วในยามปกติ ดาบในมือนั้นดูมีประสบการณ์ ดวงตาเต็มไปด้วยพลัง ไม่ต้องประมือ เพียงได้มองหน้าก็สามารถสัมผัสได้ คนตรงหน้าเหล่านี้ต่างก็ผ่านการฝึกมาอย่างโชกโชนและสามารถยืนหยัดมาได้
ทุกคนอดไม่ได้นึกถึงข่าวลือใต้ดินข่าวหนึ่ง ว่ากันว่าองครักษ์เรือนชิงมั่วล้วนแต่เป็นยอดมือสังหารขั้นหนึ่งมาก่อน
“เสด็จป้า ไม่ต้องเป็นห่วงเพคะ” เดินออกไปด้านนอก หนานกงมั่วเอ่ยกระซิบเสียงเบา
พระชายาเยี่ยนอ๋องพยักหน้าไม่เอ่ยสิ่งใด
ด้านข้าง มีคนหนึ่งอดไม่ได้ตวัดดาบฟันออกไปยังหนานกงมั่ว พวกเขาได้รับคำสั่งห้ามทำร้ายหนานกงมั่วและพระชายาเยี่ยนอ๋อง แน่นอนว่าฟันออกไปครั้งนี้ไม่ได้คิดฟันหนานกงมั่ว เพียงแต่ต้องการแยกนางออกจากพระชายาเยี่ยนอ๋องเท่านั้น